พบผลลัพธ์ทั้งหมด 55 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1238/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดิน: บุคคลภายนอกพิสูจน์สิทธิที่ดีกว่าได้ แม้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเรื่องครอบครองปรปักษ์
แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งว่า จำเลยที่ 1 มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ก็ตาม แต่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกสามารถพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าจำเลยที่ 1 ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 วรรคสอง (2) คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงไม่ผูกพันโจทก์
เมื่อฟังว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท แม้จำเลยที่ 2 จะอ้างว่าได้รับซื้อที่ดินพิพาทไว้โดยเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยสุจริตจำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท เพราะผู้รับโอนย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน
เมื่อฟังว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท แม้จำเลยที่ 2 จะอ้างว่าได้รับซื้อที่ดินพิพาทไว้โดยเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยสุจริตจำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท เพราะผู้รับโอนย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2302/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการพิสูจน์กรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาท แม้มีคำพิพากษาถึงกรรมสิทธิ์แล้ว โจทก์ยังสามารถฟ้องพิสูจน์สิทธิของตนเองได้
คดีก่อนจำเลยในคดีนี้เป็นโจทก์ฟ้อง ท.ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยต่อศาลแรงงานกลางขอให้ขับไล่ ท. กับพวกให้ออกไปจากบ้านพิพาทศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า บ้านพิพาทเป็นของจำเลย ให้ ท.กับบริวารออกไปท. กับพวกไม่ยอมปฏิบัติตามคำพิพากษา จำเลยจึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ในบ้านพิพาทและให้ศาลแรงงานกลาง ออกหมายจับ ท.โจทก์มาฟ้องจำเลยในคดีนี้โดยบรรยายฟ้องว่าบ้านพิพาทเป็นของโจทก์ ที่จำเลยอ้างในคำฟ้องในคดีเดิมว่า บ้านพิพาทเป็นของจำเลยและนำเจ้าพนักงานบังคับคดี ไปยึดทรัพย์ในบ้านและออกหมายจับ ท.นั้นทำให้โจทก์เสียหาย คำฟ้องดังกล่าวเป็นกรณีที่โจทก์ กล่าวอ้างว่าโจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิ แม้คำพิพากษา ของศาลแรงงานกลางจะวินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์ของบ้านพิพาท ว่าเป็นของจำเลยซึ่งจำเลยใช้ยันบุคคลภายนอกได้ก็ตามแต่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกก็ยังมีสิทธิที่จะพิสูจน์ว่าโจทก์มีสิทธิดีกว่าได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145(2) ทั้งการที่โจทก์มิได้ยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลภายในกำหนดเวลา 8 วัน นับแต่วันปิดประกาศกำหนดเวลาให้โจทก์ผู้ที่อ้างว่าไม่ใช่บริวารของ ท. ลูกหนี้ตาม คำพิพากษายื่นคำร้องดังกล่าว มาตรา 296 จัตวา(3) ก็เพียงให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าโจทก์เป็นบริวารของ ท. เท่านั้น ซึ่งมิใช่ข้อสันนิษฐานเด็ดขาด โจทก์จึงยังสามารถ โต้แย้งเป็นอย่างอื่นได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าโดยเป็น เจ้าของบ้านพิพาทหรือไม่การที่โจทก์ไม่ดำเนินการตาม มาตรา 296 จัตวา(3) จึงไม่ตัดสิทธิของโจทก์ ที่ จะ ฟ้องเป็นคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3315/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิทายาทพิสูจน์สิทธิในที่ดิน กรณีครอบครองปรปักษ์ ศาลคุ้มครองสิทธิผู้มีสิทธิเหนือกว่า
แม้ศาลมีคำสั่งว่าที่พิพาทซึ่งมีชื่อ ก. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์แต่ ก. มิได้เป็นคู่ความในคดีดังกล่าวด้วยจึงถือว่าเป็นบุคคลภายนอกที่มีสิทธิพิสูจน์ว่าตนมีสิทธิดีกว่าจำเลยได้เมื่อ ก.ตาย โจทก์ซึ่งเป็นทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของ ก. จึงมีสิทธิพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าจำเลยได้เช่นเดียวกันจึงมีอำนาจฟ้อง ที่พิพาทมีชื่อ ก. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ก. ได้ให้ผู้มีชื่อปลูกบ้านอยู่อาศัยเมื่อ ก. ตาย จ. พี่สาวโจทก์ได้ยื่นขอรับมรดก เมื่อผู้มีชื่อย้ายออกไปโจทก์และพี่น้องได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ ส่วนจำเลยไม่เคยเข้าทำประโยชน์ในที่พิพาทและ ก.ไม่เคยขายที่พิพาทให้แก่จำเลย แม้ศาลจะเคยมีคำสั่งว่า ที่พิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์ โจทก์ก็มีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2545/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน แม้มีชื่อในหนังสือรับรองฯ ข้อสันนิษฐานตามกฎหมายตกไปเมื่อมีข้อเท็จจริงพิสูจน์สิทธิครอบครองที่แท้จริง
แม้ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์จะมีชื่อจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท ก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเบื้องต้นว่าจำเลยมีสิทธิเช่นนั้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 1373เมื่อข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท ข้อสันนิษฐานตามมาตราดังกล่าวย่อมตกไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1483/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ต่างชาติในคดีล้มละลายของไทย การพิสูจน์สิทธิภายใต้กฎหมายฝรั่งเศส
กฎหมายล้มละลายของประเทศฝรั่งเศสคล้ายกับกฎหมายล้มละลายของประเทศไทย แต่ไม่มีมาตราใดบัญญัติไว้ชัดแจ้งเช่นกฎหมายล้มละลายของประเทศไทย คงมีแต่หลักทั่วไปในประมวลกฎหมายแพ่งของ ประเทศฝรั่งเศส มาตรา 11 และมาตรา 2123 ระบุว่า ชาวต่างชาติมีสิทธิที่จะยื่นขอรับชำระหนี้จากทรัพย์สินในประเทศฝรั่งเศส ได้ ดังนั้น แม้จะไม่มีมาตราใดบัญญัติไว้โดยเฉพาะในกฎหมาย ล้มละลายของประเทศฝรั่งเศสเช่นเดียวกับกฎหมายล้มละลายแห่งประเทศไทย แต่เมื่อเจ้าหนี้พิสูจน์ ให้รับฟังได้ว่า เจ้าหนี้ใน ประเทศไทยมีสิทธิขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายในประเทศฝรั่งเศส ได้ ทั้งเจ้าหนี้ไม่เคยได้รับหรือมีสิทธิรับทรัพย์สินหรือส่วนแบ่ง จากทรัพย์สินของลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 นอกราชอาณาจักร กรณี ถือได้ว่าเจ้าหนี้ได้ปฏิบัติครบถ้วนตามเงื่อนไขในมาตรา 178 แห่ง พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 แล้ว เจ้าหนี้จึงมีสิทธิขอ รับชำระหนี้ในประเทศไทยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: การพิสูจน์สิทธิโดยเอกสารหลักฐานและการเช่าซื้อที่ดิน
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47(3)มิได้กำหนดว่าคำตักเตือนเป็นหนังสือมีระยะเวลานานเท่าใดจึงจะเป็นระยะเวลานานเกินสมควรอันจะถือว่าคำตักเตือนนั้นสิ้นผลที่ไม่อาจถือได้ว่ามีการตักเตือน แต่ก็มิได้หมายความว่าเมื่อนายจ้างได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว คำตักเตือนจะมีผลอยู่ตลอดไป การพิจารณาว่าระยะเวลาเนิ่นนานหรือไม่เพียงใดนั้น จะต้องพิจารณาถึงพฤติการณ์เป็นแต่ละกรณีถึงเหตุและความหนักเบาของการกระทำความผิดตลอดจนความเสียหายที่เกิดขึ้นหรืออาจเกิดแก่นายจ้างว่ามีเพียงใด การที่โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างจำเลยทำหน้าที่เป็นพนักงานขับรถรับส่งพนักงานของจำเลยได้กระทำผิดครั้งแรกโดยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่สั่งให้โจทก์ขับรถไปส่งคนเจ็บและจำเลยได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้วต่อมาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่สั่งให้ขับรถไปส่งพนักงานจ่ายเงินอีก ซึ่งมิใช่เป็นความผิดเล็กน้อย อันอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยได้ ซึ่งเมื่อนับแต่ที่จำเลยได้ตักเตือนโจทก์เป็นหนังสือเนื่องจากการกระทำผิดครั้งแรกเมื่อวันที่ 21มีนาคม 2532 จนถึงวันที่โจทก์กระทำผิดครั้งหลังเมื่อวันที่ 7มีนาคม 2533 เป็นเวลาไม่เนิ่นนาน ทั้งไม่ปรากฏว่าในช่วงระยะเวลาดังกล่าวโจทก์ได้ปรับปรุงตน ไม่ได้กระทำผิดโดยที่ได้สำนึกและเชื่อฟังคำตักเตือนดังกล่าว คำตักเตือนของจำเลยจึงยังมีผลอยู่การกระทำผิดของโจทก์ครั้งหลัง จึงเป็นการกระทำผิดซ้ำคำเตือน นายจ้างไม่จ่ายค่าล่วงเวลาตามกำหนดย่อมตกเป็นผู้ผิดนัดต้องจ่ายดอกเบี้ยให้แก่ลูกจ้างในระหว่างผิดนัดร้อยละสิบห้าต่อปีตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานข้อ 31.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3124/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินพิพาท: การจัดรูปที่ดินไม่ตัดสิทธิเจ้าของเดิม ต้องพิสูจน์สิทธิก่อน
โจทก์ฟ้องอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยทั้งห้าซึ่งมีอำนาจหน้าที่ออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงได้ร่วมกันออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงทับที่ดินของโจทก์เป็นการมิชอบ ขอให้เพิกถอนจำเลยทั้งห้าให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะประเภทเลี้ยงสัตว์พาหนะซึ่งทางราชการได้ขึ้นทะเบียนไว้ โจทก์ไม่มีสิทธิใด ๆในที่พิพาท คดีจึงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือเป็นที่สาธารณประโยชน์ซึ่งจำเป็นจะต้องสืบพยานเพื่อฟังข้อเท็จจริงต่อไป การที่พระราชกฤษฎีกากำหนดให้ที่พิพาทอยู่ในเขตโครงการจัดรูปที่ดินมีผลเพียงให้เจ้าของที่ดินหรือผู้มีสิทธิได้รับที่ดินต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่ง พระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2517 เท่านั้น ไม่มีผลทำให้เจ้าของที่ดินหรือผู้มีสิทธิได้รับที่ดินต้องเสียสิทธิในที่ดินไปแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1334/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในทรัพย์สินที่ถูกยึด: การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของที่แท้จริง แม้มีการจดทะเบียนพาณิชย์
แม้ผ้าที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดจะอยู่ในร้านขายผ้าซึ่งตามใบทะเบียนพาณิชย์มีชื่อผู้ร้องเป็นผู้ประกอบกิจการจำหน่ายผ้าก็ตามแต่พยานของผู้ร้องเจือสมข้อนำสืบของฝ่ายโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้ประกอบกิจการและเป็นผู้สั่งสินค้าผ้ามาจำหน่าย ผ้าดังกล่าวจึงเป็นของจำเลย ผู้ร้องย่อมไม่มีสิทธิขอให้ถอนการยึด.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3861/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินมรดก: การพิสูจน์สิทธิครอบครองและอำนาจศาลในการวินิจฉัยพยานหลักฐาน
ผู้ร้องที่ 1 เป็นบุตรจำเลย ผู้ร้องที่ 2 เป็นภรรยาจำเลยนำสืบพิสูจน์ไม่ได้ว่ามีสิทธิครอบครองเป็นเจ้าของในที่พิพาทดีกว่าโจทก์ที่ 2 ที่ 3 คำพิพากษาฎีกาที่พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกให้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนเท่ากันโดยให้โจทก์ที่ 2 และที่ 3 กับจำเลยได้คนละ 1 ส่วนได้วินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์เป็นคุณแก่โจทก์ที่ 2 ที่ 3ย่อมใช้ยันแก่ผู้ร้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 วรรคสอง (2) ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอกันส่วน เมื่อคดีเสร็จสิ้นการสืบพยานโจทก์ ทนายผู้ร้องแถลงขอให้ศาลไปเผชิญสืบที่พิพาทและที่ดินของโจทก์ที่ 2 ที่ 3ทนายโจทก์แถลงคัดค้านเมื่อพยานหลักฐานที่ผู้ร้องและโจทก์ที่ 2 ที่ 3 นำสืบมาเป็นการเพียงพอที่จะวินิจฉัยคดีได้โดยไม่จำเป็นต้องไปเผชิญสืบอีก ที่ศาลชั้นต้นสั่งให้งดเผชิญสืบ แล้วพิพากษาคดีไปนั้น จึงเป็นการถูกต้องชอบด้วยกระบวนพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 104 แล้ว เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิขอกันส่วนจึงไม่กระทบกระเทือนคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอให้งดการบังคับคดีในระหว่างที่ผู้ร้องกำลังร้องขอกันส่วน คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3419/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิทายาทบุตรบุญธรรม การถอดถอนผู้จัดการมรดก และการพิสูจน์สิทธิในกองมรดก
โจทก์ที่ 2 เป็นบุตรบุญธรรมของเจ้ามรดกถือว่าเป็นผู้สืบสันดานเหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดกเป็นทายาทอันดับ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629 จำเลยซึ่งเป็นบุตรน้องสาวของเจ้ามรดกเป็นทายาทอันดับ 3 ย่อมไม่มีสิทธิรับมรดกรายนี้ แม้จำเลยจะครอบครองที่ดินมรดกบางแปลงตั้งแต่เจ้ามรดกยังมีชีวิตอยู่ ก็หาใช่มีส่วนได้เสียโดยตรงในทรัพย์มรดกไม่ แม้ศาลได้มีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว หากปรากฏในภายหลังว่าจำเลยไม่มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดก โจทก์ที่ 2 ซึ่งพิสูจน์ฟังได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าจำเลยย่อมเป็นผู้มีส่วนได้เสียฟ้องหรือร้องขอให้ศาลถอดถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกได้และศาลย่อมมีอำนาจที่จะถอดถอนและสั่งตั้งโจทก์ที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกแทนจำเลยได้
การที่โจทก์ที่ 2 ได้เบิกความชั้นศาลเป็นพยานโจทก์ในคดีแพ่งของศาลชั้นต้นว่าพินัยกรรมที่โจทก์ในคดีดังกล่าวนำสืบอ้างเป็นพยานในศาลนั้นเป็นพินัยกรรมอันแท้จริงของเจ้ามรดก และต่อมาศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า พินัยกรรมนั้นเป็นพินัยกรรมปลอมก็ตาม แต่โจทก์ที่ 2 มิได้เป็นผู้ปลอมหรือใช้หรืออ้างพินัยกรรมปลอมนั้น จึงไม่ถือว่าโจทก์ที่ 2 ปิดบังหรือยักย้ายทรัพย์มรดกอันจะถูกกำจัดมิให้ได้มรดก
การร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดก โจทก์เพียงแต่บรรยายถึงรายละเอียดแห่งข้อเท็จจริงและพฤติการณ์อันจำเป็นและสมควรจะต้องมีผู้จัดการมรดกเท่านั้น การที่ศาลจะตั้งบุคคลใดเป็นผู้จัดการมรดกย่อมแล้วแต่ศาลจะเห็นสมควรเพื่อประโยชน์แก่กองมรดก และภายใต้บังคับบทบัญญัติที่ชี้แนวทางให้ศาลปฏิบัติในการแต่งตั้งผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718 ไม่จำต้องเป็นบรรยายบทบังคับให้ศาลจำต้องปฏิบัติไว้ในฟ้องด้วย
การที่โจทก์ที่ 2 ได้เบิกความชั้นศาลเป็นพยานโจทก์ในคดีแพ่งของศาลชั้นต้นว่าพินัยกรรมที่โจทก์ในคดีดังกล่าวนำสืบอ้างเป็นพยานในศาลนั้นเป็นพินัยกรรมอันแท้จริงของเจ้ามรดก และต่อมาศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า พินัยกรรมนั้นเป็นพินัยกรรมปลอมก็ตาม แต่โจทก์ที่ 2 มิได้เป็นผู้ปลอมหรือใช้หรืออ้างพินัยกรรมปลอมนั้น จึงไม่ถือว่าโจทก์ที่ 2 ปิดบังหรือยักย้ายทรัพย์มรดกอันจะถูกกำจัดมิให้ได้มรดก
การร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดก โจทก์เพียงแต่บรรยายถึงรายละเอียดแห่งข้อเท็จจริงและพฤติการณ์อันจำเป็นและสมควรจะต้องมีผู้จัดการมรดกเท่านั้น การที่ศาลจะตั้งบุคคลใดเป็นผู้จัดการมรดกย่อมแล้วแต่ศาลจะเห็นสมควรเพื่อประโยชน์แก่กองมรดก และภายใต้บังคับบทบัญญัติที่ชี้แนวทางให้ศาลปฏิบัติในการแต่งตั้งผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718 ไม่จำต้องเป็นบรรยายบทบังคับให้ศาลจำต้องปฏิบัติไว้ในฟ้องด้วย