คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พ.ร.บ.ที่ดิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 17 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1311/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิทำสัญญาซื้อขายที่ดินของคนต่างด้าว พ.ร.บ.ที่ดิน 2486 ไม่ได้ห้ามเด็ดขาด
พ.ร.บ.ที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ. 2486 ไม่ได้ห้ามเด็ดขาดไม่ให้คนต่างด้าวทำสัญญาซื้อขายที่ดิน และไม่ได้ห้ามเด็ดขาดมิให้คนต่างด้าวได้มาซึ่งที่ดิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1311/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิคนต่างด้าวทำสัญญาซื้อขายที่ดิน: พ.ร.บ.ที่ดิน 2486 ไม่ห้ามเด็ดขาด
พระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ.2486 ไม่ได้ห้ามเด็ดขาดไม่ให้คนต่างด้าวทำสัญญาซื้อขายที่ดิน และไม่ได้ห้ามเด็ดขาดมิให้คนต่างด้าวได้มาซึ่งที่ดิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 215/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการซื้อที่ดินของคนต่างด้าวตาม พ.ร.บ.ที่ดินฯ การปฏิบัติตามคำพิพากษาที่ขัดต่อกฎหมาย
ศาลพิพากษาคดีไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความ คือให้จำเลยโอนที่ดินสวนยางให้แก่โจทก์คดีถึงที่สุดแล้ว ภายหลังเจ้าพนักงานที่ดินไม่ยอมทำโอนให้เพราะโจทก์เป็นคนต่างด้าว หามีสิทธิ์ที่จะได้ที่ดินสวนยางตามจำนวน ที่กล่าวนั้นตาม พ.ร.บ.ที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว 2486 โจทก์จึงยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งเจ้าพนักงานที่ดินให้จัดการโอนให้โจทก์ตามคำพิพากษาดังนี้ โจทก์มีหน้าที่ต้องแสดงว่าโจทก์มีสิทธิ์ที่จะซื้อได้ตามกฎหมาย เมื่อศาลเห็นสมควรจึงจะแจ้งไปยังพนักงานที่ดินต่อไป เมื่อโจทก์ไม่แสดงและปรากฎว่าโจทก์ไม่มีอำนาจจะซื้อที่ดินเท่าจำนวนนั้น โดยกฎหมายห้ามไว้ชัดแจ้ง ศาลก็ย่อมสั่งยกคำร้องของโจทก์เสียได้ ไม่ถือว่าเป็นการขัดแย้งกับคำพิพากษา
ผู้ครอบครองที่ดินอยู่ก่อนใช้ พ.ร.บ.ที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ. 2486 และยังได้ขอจดทะเบียนสิทธิ์การได้มาซึ่งที่ดินนั้นตามพ.ร.บ.ดังกล่าวนั้นด้วย เมื่อปรากฎว่าเป็นแต่เพียงครอบครองในฐานะเป็นผู้จะซื้อตามสัญญาจะซื้อขายเท่านั้น จะถือว่าผู้นั้นเป็นเจ้าของที่นั้นหรือได้มาซึ่งที่นั้นโดยชอบตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.ที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว 2486 ยังไม่ได้ การที่เจ้าพนักงานรับคำขอจดทะเบียนให้ ไม่ได้หมายความว่าโจทก์มีสิทธิ์หรือกรรมสิทธิ์ในที่นั้นจริง โจทก์จะมีสิทธิ์หรือกรรมสิทธิ์อย่างไรย่อมเป็นไปตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 215/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการได้มาซึ่งที่ดินของคนต่างด้าวตาม พ.ร.บ.ที่ดิน 2486 แม้จดทะเบียนสิทธิแต่ยังไม่ถือเป็นเจ้าของหากไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ศาลพิพากษาคดีไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความคือให้จำเลยโอนที่ดินสวนยางให้แก่โจทก์คดีถึงที่สุดแล้ว ภายหลังเจ้าพนักงานที่ดินไม่ยอมทำโอนให้เพราะโจทก์เป็นคนต่างด้าว หามีสิทธิ์ที่จะได้ที่ดินสวนยางตามจำนวน ที่กล่าวนั้นตาม พระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว 2486โจทก์จึงยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งเจ้าพนักงานที่ดินให้จัดการโอนให้โจทก์ตามคำพิพากษาดังนี้โจทก์มีหน้าที่ต้องแสดงว่าโจทก์มีสิทธิที่จะซื้อได้ตามกฎหมายเมื่อศาลเห็นสมควรจึงจะแจ้งไปยังพนักงานที่ดินต่อไป เมื่อโจทก์ไม่แสดงและปรากฏว่าโจทก์ไม่มีอำนาจจะซื้อที่ดินเท่าจำนวนนั้นโดยกฎหมายห้ามไว้ชัดแจ้งศาลก็ย่อมสั่งยกคำร้องของโจทก์เสียได้ไม่ถือว่าเป็นการขัดแย้งกับคำพิพากษา
ผู้ครอบครองที่ดินอยู่ก่อนใช้พระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าวพ.ศ.2486 และยังได้ขอจดทะเบียนสิทธิ์การได้มาซึ่งที่ดินนั้นตามพระราชบัญญัติดังกล่าวนั้นด้วย เมื่อปรากฏว่าเป็นแต่เพียงครอบครองในฐานะเป็นผู้จะซื้อตามสัญญาจะซื้อขายเท่านั้นจะถือว่าผู้นั้นเป็นเจ้าของที่นั้นหรือได้มาซึ่งที่นั้นโดยชอบตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว 2486 ยังไม่ได้การที่เจ้าพนักงานรับคำขอจดทะเบียนให้ไม่ได้หมายความว่าโจทก์มีสิทธิหรือกรรมสิทธิ์ในที่นั้นจริงโจทก์จะมีสิทธิหรือกรรมสิทธิ์อย่างไรย่อมเป็นไปตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 188/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินของคนต่างด้าวตาม พ.ร.บ.ที่ดิน 2486: ต้องมีสนธิสัญญา และได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่
พ.ร.บ.ที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว 2486 มาตรา 5, 6 คนต่างด้าวจะเข้าถือสิทธิในที่ดินได้ ก็ต่อเมื่อมีสนธิสัญญาบัญญัติให้ไว้ แต่ถ้าไม่มีสนธิสัญญาบัญญัติให้มีกรรมสิทธิในที่ดินได้ คนต่างด้าวก็ไม่มีสิทธิจะได้มาซึ่งที่ดิน และแม้จะขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีอำนาจอนุญาตได้
โจทก์เป็นคนจีนทำสัญญาซื้อที่ดินจากจำเลย ในเวลาที่จะต้องโอนที่ดินตามสัญญานั้น ประเทศจีนยังไม่ได้ประกาศใช้สนธิสัญญากับประเทศไทย โจทก์ไม่มีทางที่จะได้กรรมสิทธิในที่ดินตามสัญญาได้ จำเลยต้องคืนเงินมัดจำให้โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1114/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินของคนต่างด้าวตาม พ.ร.บ.ที่ดิน 2486 ต้องมีสนธิสัญญาคุ้มครองและได้รับอนุญาต
พ.ร.บ.ที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว 2486 มาตรา 5,6 คนต่างด้าวจะเข้าถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้ ก็ต่อเมื่อมีสนธิสัญญาบัญญัติให้ไว้ และแม้จะมีสนธิสัญญาเช่นว่านั้นก็ตาม แต่การได้มาจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขและข้อกำหนด ทั้งต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วย แต่ถ้าไม่มีสนธิสัญญาให้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้ คนต่างด้าวนั้นก็ไม่มีสิทธิจะได้มาซึ่งที่ดิน และแม้จะขออนุญาตต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีอำนาจอนุญาตได้
โจทก์เป็นคนจีนทำสัญญาซื้อที่ดินจากจำเลย ในเวลาที่จะต้องโอนที่ดินตามสัญญานั้น ประเทศจีนยังไม่ได้ประกาศใช้สนธิสัญญากับประเทศไทยโจทก์จึงไม่มีทางได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินตามสัญญาได้ สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยตกเป็นโมฆะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 จำเลยไม่ใช่ฝ่ายผิดสัญญาและไม่ต้องชดใช้เบี้ยปรับ แต่จำเลยควรคืนมัดจำให้โจทก์ (อ้างฎีกาที่ 188/2492)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2773/2564

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินตาม ส.ค.1 ต้องพิจารณาเนื้อที่ทำประโยชน์ก่อน พ.ร.บ.ที่ดินใช้บังคับ การเพิ่มเนื้อที่ภายหลังไม่ได้รับการคุ้มครอง
พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 11) พ.ศ.2551 มาตรา 8 วรรคสาม กำหนดให้การพิจารณาพยานหลักฐานของผู้ร้องจะต้องได้ความว่าผู้ร้องเป็นผู้ซึ่งได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่ก่อนวันที่ ป.ที่ดินใช้บังคับ และตามวรรคสี่ กำหนดให้การพิจารณาของศาลตามวรรคสาม ให้ศาลแจ้งกรมที่ดินทราบและให้กรมที่ดินตรวจสอบกับระวางแผนที่รูปถ่ายทางอากาศหรือระวางรูปถ่ายทางอากาศฉบับที่ทำขึ้นก่อนสุดเท่าที่ทางราชการมีอยู่ พร้อมทั้งทำความเห็นเสนอต่อศาลว่า ผู้ร้องได้ครอบครองหรือทำประโยชน์ในที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมายก่อนวันที่ ป.ที่ดินใช้บังคับหรือไม่ เพื่อประกอบการพิจารณาของศาล ดังนั้น การพิจารณาเนื้อที่ที่ดินจึงต้องพิจารณาเนื้อที่ที่มีการครอบครองทำประโยชน์อยู่ก่อนวันที่ ป.ที่ดินใช้บังคับเป็นสาระสำคัญ มิใช่พิจารณาจากเนื้อที่ที่ครอบครองทำประโยชน์ในขณะขอออกโฉนดที่ดินหรือเอกสารสิทธิ ส่วนเนื้อที่ที่เพิ่มขึ้นในภายหลังย่อมมิใช่ที่ดินที่มีการครอบครองและทำประโยชน์อยู่ก่อนวันที่ ป.ที่ดินใช้บังคับ ทั้งหากยินยอมให้มีการครอบครองเนื้อที่เพิ่มขึ้นจากเดิมย่อมเป็นการสนับสนุนและรับรองสิทธิให้มีการรุกล้ำพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติอันเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น เนื้อที่ที่เพิ่มขึ้นหลังจากที่ จ. แจ้งการครอบครองจนกระทั่งมีการโอนต่อเนื่องกันมาถึงผู้ร้องย่อมมิใช่ที่ดินที่มีการครอบครองและทำประโยชน์อยู่ก่อนวันที่ ป.ที่ดินใช้บังคับ ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินต่อเนื่องมาจากบุคคลดังกล่าวตาม พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 11) พ.ศ.2551 มาตรา 8 วรรคท้าย ย่อมไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินเนื้อที่ส่วนที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว
of 2