พบผลลัพธ์ทั้งหมด 94 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 139/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตและการพิสูจน์เจตนาเพื่อการค้า ความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
การแปรรูปไม้พยุงที่แปรรูปมาแล้วจากไม้ซุงหรือไม้ท่อนที่มิใช่เป็นการกระทำเพื่อการค้าไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 50(2) คำให้การของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนที่ให้การว่าจำเลยได้ทำการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงไม่ใช่คำให้การรับสารภาพ ในความผิดฐานแปรรูปไม้เพื่อการค้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3771/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้แปรรูปโดยเจตนาเพื่อแปรรูป แม้ทำเป็นเครื่องใช้แต่มีปริมาณมากและผิดปกติวิสัย ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีไม้สักแปรรูปไว้ในความครอบครองในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ แล้วจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันช่วยพาเอาไปเสียโดยนำขึ้นรถยนต์เคลื่อนที่จากท้องที่ตำบลก้อไปยังตำบลลี้ ตามฟ้องดังกล่าวโจทก์บรรยายชัดว่าจำเลยทั้งสองมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครอง แม้จะไม่ระบุว่านำไม้แปรรูปดังกล่าวมาในรูปโต๊ะจำเลยก็สามารถเข้าใจและต่อสู้คดีได้โดยไม่หลงข้อต่อสู้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม โต๊ะของกลางทำด้วยไม้สักซึ่งมีค่าราคาสูงแต่ทำอย่างหยาบดูจากภายนอกมีลักษณะเป็นเครื่องใช้แต่ก็สามารถถอดออกเป็นชิ้น ๆได้ไม่ยาก ปริมาตรเนื้อไม้มีจำนวนมากถึง 0.149 ลูกบาศก์เมตรแม้โต๊ะตามภาพถ่ายที่จำเลยอ้างเป็นโต๊ะเช่นเดียวกับโต๊ะของกลางซึ่งมีใช้เป็นปกติอยู่ทั่วไปในท้องที่เกิดเหตุ โต๊ะดังกล่าวก็ทำอย่างหยาบ ๆ แสดงว่าไม่ได้มีไว้เพื่อใช้อย่างแท้จริง เป็นเรื่องผิดปกติวิสัย โต๊ะของกลางจึงถือได้ว่าเป็นไม้แปรรูป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3345/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกคำให้การ, ความหมายของการครอบครองตาม พ.ร.บ.ป่าไม้, และการกระทำความผิดหลายกรรม
ฎีกาว่าศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกเหนือจากคำให้การของพยานและเสริมแต่งข้อสันนิษฐานพยานหลักฐานให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยโดยไม่ได้บรรยายว่านอกเหนือจากคำให้การของพยานในข้อไหนอย่างไร และได้เสริมแต่งให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยอย่างไรเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งทั้งเป็นฎีกาเพื่อให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงแตกต่างไปจากศาลล่างทั้งสองวินิจฉัย จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกา ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 "การครอบครอง" ตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 หาได้มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า "สิทธิครอบครอง" ตาม ป.พ.พ.ไม่ แต่มีความหมายกว้างกว่าโดยหมายความรวมถึงครอบครองเพื่อตนและครอบครองแทนผู้อื่นด้วย ทั้งนี้เพราะไม่มีบทกฎหมายใดจำกัดว่าต้องเป็นการครอบครองเพื่อตนเองเท่านั้น การตัดไม้หวงห้ามและมีไม้หวงห้ามไว้ในครอบครองในคดีก่อนเป็นการกระทำต่างสถานที่กับคดีนี้ และไม้คนละจำนวนกัน จึงเป็นการกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2944/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์สิน (ยานพาหนะ) ที่ใช้ในการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ โดยไม่จำเป็นต้องมีคำพิพากษาลงโทษ
การริบทรัพย์สินอันเนื่องจากการกระทำผิดต่อ พ.ร.บ.ป่าไม้ฯโดยเฉพาะของกลางที่เป็นยานพาหนะมีบัญญัติไว้ใน มาตรา 74 ทวิว่า บรรดาเครื่องมือเครื่องใช้ สัตว์พาหนะ ยานพาหนะ หรือเครื่องจักรกลใด ๆ ซึ่งบุคคลได้ใช้ในการกระทำความผิด หรือได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดตามมาตรา 11,48,54หรือมาตรา 69 ให้ริบเสียทั้งสิ้น ไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยมีไม้ยางแปรรูปซึ่งเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ไว้ในความครอบครองภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยมิได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นการกระทำอันเป็นความผิดตาม มาตรา 48 อันเป็นความผิดตลอดเวลาที่จำเลยยังครอบครองไม้แปรรูปนั้นอยู่ จำเลยใช้รถยนต์ของกลางเป็นพาหนะบรรทุกไม้ดังกล่าวรถยนต์ของกลางจึงเป็นยานพาหนะที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด จึงริบได้ตาม มาตรา 74 ทวิ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3342/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพ.ร.บ.ป่าไม้ การร่วมกระทำผิด การลดโทษเหมาะสมกับพฤติการณ์
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 3ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ แต่ไม้และอุปกรณ์ทำไม้มีจำนวนเพียงเล็กน้อย โทษที่ศาลชั้นต้นกำหนดมานั้นมากเกินไป ศาลฎีกาเห็นสมควรลดลงให้เหมาะสมแก่รูปคดีแม้จำเลยที่ 3 จะมิได้ฎีกา แต่เหตุดังกล่าวเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจที่จะพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 3 ด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 89
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4029/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลางในความผิดพ.ร.บ.ป่าไม้: ไม้แปรรูปต้องได้มาจากการกระทำผิดจึงริบได้, เครื่องมือต้องใช้ในการกระทำผิด
จำเลยตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องมือเพื่อทำการเลื่อยไม้ให้เปลี่ยนรูปหรือขนาดไปจากเดิมโดยไม่ได้รับอนุญาต และเจ้าพนักงานยึดไม้ยางพาราแปรรูปจำนวน 50 แผ่น ปริมาตร 0.00399 ลูกบาศก์เมตรและเครื่องเลื่อยวงเดือนขนาด 3 แรงม้า 2 เครื่อง ขนาด 5 แรงม้า1 เครื่อง และมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ลูก เป็นของกลาง โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับไม้ของกลางเพียงว่าเป็นไม้ที่ได้มาและมีไว้เนื่องจากการกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้แปรรูปไม้ของกลาง และไม้ของกลางมีจำนวนไม่เกิน 0.20ลูกบาศก์เมตร จำเลยจึงไม่อาจมีความผิดฐานมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯมาตรา 48 กรณีไม่อาจถือได้ว่าไม้แปรรูปของกลางได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ อันจะพึงริบได้ตามมาตรา 74 การกระทำผิดของจำเลยจึงเป็นเพียงการไม่ได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้เท่านั้นไม้แปรรูปของกลางจึงไม่อาจริบได้ ทั้งเครื่องมือเครื่องใช้ของกลางก็ไม่ใช่สิ่งที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดหรือได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตตาม มาตรา 74 ทวิจึงริบเครื่องเลื่อยวงเดือนและมอเตอร์ไฟฟ้าของกลางไม่ได้เช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3922/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้แปรรูปเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ และไม้ดังกล่าวต้องริบ
ไม้แปรรูปของกลางแม้จำเลยจะได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายก็ตามแต่จำเลยมีไม้แปรรูปของกลางนั้นไว้ในครอบครองเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม้แปรรูปของกลางจึงเป็นไม้ที่จำเลยมีไว้เนื่องจากการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ซึ่งเป็นของที่ต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 74 แม้โจทก์ไม่ได้อ้างมาตรา 74 แต่ก็ได้มีคำขอให้ริบไม้ของกลางมาแล้วศาลจึงมีอำนาจริบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3103/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้หวงห้ามมีปริมาณน้อย ไม่ถือเป็นต้นหรือท่อน ไม่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
ในกรณีมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองเป็นต้นหรือเป็นท่อนอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่างรวมกันเกินยี่สิบต้นหรือท่อนตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 69 วรรคสอง (2)นั้น ขนาดของไม้ต้นหรือท่อนจะต้องมีขนาดใหญ่พอควร พอที่จะถือว่าเป็นไม้ต้นหรือไม้ท่อนได้ เมื่อคดีได้ความว่า จำเลยทั้งห้าร่วมกันมีไม้มะพลับหรือไม้พลับจำนวน 11 ท่อน ปริมาตร 1.08 ลูกบาศก์เมตรไม้โมกมันจำนวน 52 ท่อน ปริมาตร 0.99 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตแม้จำนวนไม้ที่จำเลยทั้งห้ามีไว้ในครอบครองจะมีจำนวนรวมกันถึง63 ท่อน แต่ไม้ทั้งหมดมีปริมาตรรวมกันเพียง 2.07 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้น แสดงว่าไม้หวงห้ามดังกล่าวเป็นเศษไม้เล็กไม้น้อย อันมีลักษณะเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไม่มีลักษณะเป็นต้นหรือท่อนตามความหมายของพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 69 วรรคสอง(2) จึงไม่อาจลงโทษจำเลยทั้งห้าตามบทบัญญัติดังกล่าวได้ จำเลยทั้งห้าคงมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 69 วรรคแรกเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3103/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้หวงห้ามมีจำนวนมากแต่ปริมาตรน้อย ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ มาตรา 69 วรรคสอง
ในกรณีมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองเป็นต้นหรือเป็นท่อนอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างรวมกันเกินยี่สิบต้นหรือท่อนตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 69 วรรคสอง (2)นั้น ขนาดของไม้ต้นหรือท่อนจะต้องมีขนาดใหญ่พอควร พอที่จะถือว่าเป็นไม้ต้นหรือไม้ท่อนได้ เมื่อจำเลยทั้งห้าร่วมกันมีไม้มะพลับหรือไม้พลับจำนวน11ท่อนปริมาตร1.08ลูกบาศก์เมตรไม้โมกมันจำนวน 52 ท่อน ปริมาตร 0.99 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต แม้จำนวนไม้ที่จำเลยทั้งห้ามีไว้ในครอบครองจะมีจำนวนรวมกันถึง 63 ท่อนแต่ไม้ทั้งหมดมีปริมาตรรวมกันเพียง 2.07 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้นแสดงว่าไม้หวงห้ามดังกล่าว เป็นเศษไม้เล็กไม้น้อยอันมีลักษณะเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไม่มีลักษณะเป็นต้นหรือท่อนตามความหมายของมาตรา 69 วรรคสอง (2) จึงไม่อาจลงโทษจำเลยทั้งห้าตามบทบัญญัติดังกล่าวได้ จำเลยทั้งห้าคงมีความผิดตามมาตรา 69 วรรคแรก เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3103/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้หวงห้ามมีปริมาณน้อยไม่ถือเป็นต้นหรือท่อน ศาลยกเว้นโทษตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
ในกรณีมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองเป็นต้นหรือเป็นท่อนอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่างรวมกันเกินยี่สิบต้นหรือท่อนตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 69 วรรคสอง (2)นั้น ขนาดของไม้ต้นหรือท่อนจะต้องมีขนาดใหญ่พอควร พอที่จะถือว่าเป็นไม้ต้นหรือไม้ท่อนได้ เมื่อคดีได้ความว่า จำเลยทั้งห้าร่วมกันมีไม้มะพลับหรือไม้พลับจำนวน 11 ท่อน ปริมาตร 1.08 ลูกบาศก์เมตรไม้โมกมันจำนวน 52 ท่อน ปริมาตร 0.99 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตแม้จำนวนไม้ที่จำเลยทั้งห้ามีไว้ในครอบครองจะมีจำนวนรวมกันถึง63 ท่อน แต่ไม้ทั้งหมดมีปริมาตรรวมกันเพียง 2.07 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้น แสดงว่าไม้หวงห้ามดังกล่าวเป็นเศษไม้เล็กไม้น้อย อันมีลักษณะเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไม่มีลักษณะเป็นต้นหรือท่อนตามความหมายของพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 69 วรรคสอง(2) จึงไม่อาจลงโทษจำเลยทั้งห้าตามบทบัญญัติดังกล่าวได้ จำเลยทั้งห้าคงมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 69 วรรคแรกเท่านั้น.