พบผลลัพธ์ทั้งหมด 51 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4881/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีซ้ำในประเด็นเดิมหลังศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว ถือเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่ดินระหว่างจำเลยทั้งสองคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างตามราคาที่แท้จริงแต่คดีทั้งสองโจทก์อ้างเหตุเหมือนกันว่าจำเลยทั้งสองสมคบกันฉ้อฉลซื้อขายที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตายต่ำกว่าราคาท้องตลาดคดีทั้งสองจึงเป็นประเด็นข้อพิพาทอย่างเดียวกันว่าจำเลยทั้งสองได้สมคบกันซื้อขายที่ดินในราคาที่ต่ำกว่าราคาท้องตลาดทำให้ทายาทเสียหายหรือไม่เมื่อคดีก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วคู่ความมิได้อุทธรณ์แต่คดียังไม่ถึงที่สุดฟ้องคดีนี้ของโจทก์จึงเป็นการดำเนินการกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา144
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีซ้ำเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
ฟ้องโจทก์ในคดีนี้กับคดีหมายเลขแดงที่ 1123/2534 ที่จำเลยทั้งสองคดีนี้ฟ้องให้ขับไล่โจทก์เป็นจำเลยในคดีหลัง มีประเด็นข้อพิพาทซึ่งศาลจะต้องวินิจฉัยชี้ขาดว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือจำเลยทั้งสอง เมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาวินิจฉัยขี้ขาดว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ทั้งสองหรือเป็นของจำเลยทั้งสองคดีนี้ ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144 แม้ว่าโจทก์จะได้ฟ้องคดีนี้ไว้ก่อนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1123/2534 ของศาลชั้นต้นก็ตาม แต่เมื่อศาลชั้นต้นได้พิพากษาชี้ขาดคดีแล้ว กรณีก็ต้องตกอยู่ภายใต้บังคับเรื่องการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5992/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีซ้ำ: เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน – ประเด็นข้อพิพาทเดียวกันกับคดีเดิมที่ยังไม่สิ้นสุด
ก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ จำเลยได้เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์ในคดีนี้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยโดยซื้อมาจากมารดาโจทก์ ขอให้ขับไล่โจทก์ออกจากที่ดิน โจทก์ให้การต่อสู้ว่า โจทก์ได้รับการยกให้ที่พิพาทจากมารดา แล้วครอบครองโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลาติดต่อเกิน 10 ปีแล้ว จึงได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ โจทก์กลับมาฟ้องเป็นคดีนี้อ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ นิติกรรมการซื้อขายของจำเลยกับมารดาโจทก์เป็นโมฆะ ระหว่างการพิจารณาคดีนี้ ในคดีเดิมศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย พิพากษาให้โจทก์รื้อถอนบ้านออกจากที่พิพาท ดังนี้มูลคดีทั้งสองคดีนี้มีว่า คู่ความฝ่ายใดเป็นเจ้าของที่พิพาทเป็นประเด็นข้อพิพาทอย่างเดียวกัน การที่โจทก์ในคดีนี้ขอให้พิพากษาว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทอีกในคดีนี้เท่ากับโจทก์ขอให้ศาลมีคำพิพากษาในประเด็นที่ได้วินิจฉัยไปแล้วในคดีซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์การฟ้องคดีนี้ของโจทก์จึงเป็นการดำเนินกระบวนการพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4956/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีซ้ำในความผิดเดิม แม้ศาลเคยมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว สิทธิฟ้องย่อมระงับตามกฎหมาย
โจทก์ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยกับพวกในข้อหาทำร้ายร่างกาย พยายามฆ่าและปล้นทรัพย์ แต่พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องในข้อหาพยายามฆ่าและปล้นทรัพย์ คงสั่งฟ้องเฉพาะข้อหาทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 และศาลพิพากษาลงโทษจำเลยคดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์มาฟ้องจำเลยในมูลกรณีเดียวกันเป็นคดีนี้ แม้ว่าโจทก์จะได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนสั้นและอาวุธปืนยาวทุบตีทำร้ายร่างกายโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัสแล้วร่วมกันปล้นเอาทรัพย์ของโจทก์ไปหลายอย่าง หลังจากนั้นจำเลยได้ใช้อาวุธปืนสั้นยิงพยายามฆ่าโจทก์โดยกระทำการต่อเนื่องกันเป็นลำดับก็ตาม แต่โจทก์ได้บรรยายฟ้องระบุชัดเจนว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทและอ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 มาในคำขอท้ายฟ้องโจทก์หาได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันและอ้างมาตรา 91 มาในคำขอท้ายฟ้องไม่ ดังนี้เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นเพียงกรรมเดียวและศาลได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่ได้ฟ้องแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์จึงระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 464/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้อนคดีหมิ่นประมาท: การฟ้องคดีซ้ำจากข้อความหมิ่นประมาทเดียวกัน
แม้ข้อความที่ พนักงานอัยการจังหวัดบุรีรัมย์ ฟ้องว่าจำเลยลงพิมพ์ข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ร่วมจะเป็นคนละบทความกันและลงพิมพ์ต่างหน้ากันกับที่โจทก์ฟ้องจำเลยคดีนี้ แต่ ก็เป็นข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ร่วมในหนังสือพิมพ์ซึ่ง จำเลยเป็นบรรณาธิการผู้พิมพ์ ผู้โฆษณาฉบับเดียวกัน ทั้งเป็นข้อความที่กล่าวถึง โจทก์ร่วมในเรื่องเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวและ พนักงานอัยการจังหวัดบุรีรัมย์ กับโจทก์คดีนี้ต่าง ก็เป็นพนักงานอัยการมีอำนาจฟ้องคดีต่อ ศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(5)28(1) ด้วยกันการที่โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องจำเลยอีกจึงเป็นฟ้องซ้อนต้องห้ามมิให้ฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173(1) ประกอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 666/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีซ้ำหลังศาลยกฟ้องเนื่องจากไม่มีอำนาจฟ้อง มิได้วินิจฉัยเนื้อหาของคดี โจทก์มีสิทธิฟ้องใหม่ได้
คดีก่อนถึงที่สุดโดยศาลวินิจฉัยว่าโจทก์ยังไม่ได้มอบอำนาจให้บ. ฟ้องคดีแทน บ. ไม่มีอำนาจฟ้อง โดยยังมิได้วินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีเรื่องหนี้ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยเป็นคดีใหม่ให้ชำระหนี้โจทก์เหมือนคดีก่อนได้อีก ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 เพราะในคดีก่อนศาลยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นที่เป็นเนื้อหาแห่งคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 666/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีซ้ำ: ศาลยังมิได้วินิจฉัยเนื้อหาแห่งคดีเดิม โจทก์มีสิทธิฟ้องคดีใหม่ได้
คดีก่อนถึงที่สุดโดยศาลวินิจฉัยว่าโจทก์ยังไม่ได้มอบอำนาจให้ บ. ฟ้องคดีแทน บ. ไม่มีอำนาจฟ้อง โดยยังมิได้วินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีเรื่องหนี้ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยเป็นคดีใหม่ให้ชำระหนี้โจทก์เหมือนคดีก่อนได้อีก ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ.มาตรา 148 เพราะในคดีก่อนศาลยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นที่เป็นเนื้อหาแห่งคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 666/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีซ้ำ: ศาลวินิจฉัยเรื่องอำนาจฟ้องยังไม่ถึงประเด็นเนื้อหาของคดี ทำให้โจทก์มีสิทธิฟ้องคดีใหม่ได้
คดีก่อนถึงที่สุดโดยศาลวินิจฉัยว่าโจทก์ยังไม่ได้มอบอำนาจให้บ. ฟ้องคดีแทน บ. ไม่มีอำนาจฟ้อง โดยยังมิได้วินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีเรื่องหนี้โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยเป็นคดีใหม่ให้ชำระหนี้โจทก์เหมือนคดีก่อนได้อีก ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 เพราะในคดีก่อนศาลยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นที่เป็นเนื้อหาแห่งคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3774/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาซ้ำ – หลักประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 – ศาลยกฟ้องเนื่องจากโจทก์ไม่มาศาล
โจทก์เคยฟ้องจำเลยทั้งสองเกี่ยวกับการกระทำตามฟ้องนี้เป็นคดีอาญามาครั้งหนึ่งแล้วซึ่งในคดีดังกล่าวโจทก์ไม่มาศาลในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ศาลชั้นต้นจึงพิพากษายกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคแรก คดีถึงที่สุด เช่นนี้ โจทก์จะฟ้องจำเลยทั้งสองในเรื่องเดียวกันอีกไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3774/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีซ้ำ - คดีอาญาถึงที่สุดแล้ว ห้ามฟ้องคดีอาญาเดิมซ้ำ
โจทก์เคยฟ้องจำเลยทั้งสองเกี่ยวกับการกระทำตามฟ้องนี้เป็นคดีอาญามาครั้งหนึ่งแล้วซึ่งในคดีดังกล่าวโจทก์ไม่มาศาลในชั้นไต่สวนมูลฟ้องศาลชั้นต้นจึงพิพากษายกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคแรกคดีถึงที่สุดเช่นนี้ โจทก์จะฟ้องจำเลยทั้งสองในเรื่องเดียวกันอีกไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคสาม