พบผลลัพธ์ทั้งหมด 25 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3975/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องจำเลยที่เป็นลูกจ้าง: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการฟ้องโดยระบุตำแหน่งและข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการฟ้องตัวบุคคล
โจทก์ยื่นฟ้องผู้จัดการและสมุหบัญชีธนาคารสาขาเป็นจำเลยที่2และที่3โดยบรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองเป็นลูกจ้างของธนาคารจำเลยที่1ดังนี้เป็นการฟ้องตัวบุคคลธรรมดาที่มีตัวอยู่แน่นอนแล้วไม่ใช่เป็นการฟ้องตำแหน่งซึ่งไม่ใช่บุคคลตามกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1722/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: การฟ้องจำเลยนอกภูมิลำเนาต้องมีคำขออนุญาตจากศาล
คำฟ้องคดีไม่เกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์หรือสิทธิหรือประโยชน์ใด ๆ อันเกี่ยวกับทรัพย์เหล่านั้น โจทก์ต้องฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดบุรีรัมย์ที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 (2) ถ้าโจทก์จะฟ้องจำเลยที่ศาลจังหวัดสุรินทร์ที่มูลคดีเกิดขึ้น โจทก์จะต้องยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องแสดงให้เห็นว่าการพิจารณาคดีในศาลจังหวัดสุรินทร์จะเป็นการสะดวกเพื่อให้ศาลจังหวัดสุรินทร์ใช้ดุลยพินิจอนุญาตเสียก่อน โจทก์จึงจะฟ้องจำเลยได้ ตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 (2) บัญญัติบังคับไว้ การที่โจทก์มิได้ยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องและมิได้แสดงให้ศาลจังหวัดสุรินทร์เห็นว่าจะเป็นการสะดวกในการพิจารณา แม้ต่อมาศาลจังหวัดสุรินทร์จะมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ดำเนินดคีอย่างคนอนาถา ให้รับคำฟ้อง หมายเรียกจำเลยแก้คดี ก็ถือไม่ได้ว่าศาลได้อนุญาตให้โจทก์ฟ้องจำเลยนอกเขตศาลจังหวัดบุรีรัมย์ซึ่งจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่
ข้อเท็จจริงใหม่ที่โจทก์ยกขึ้นมาอ้างในชั้นฎีกาซึ่งมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ข้อเท็จจริงใหม่ที่โจทก์ยกขึ้นมาอ้างในชั้นฎีกาซึ่งมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2606/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องจำเลยทั้งห้างฯ และผู้จัดการในฐานะส่วนตัว: ศาลพิพากษายืนคำสั่งประทับฟ้องเฉพาะจำเลยในฐานะส่วนตัวได้
คำฟ้องของโจทก์ตรงช่องคู่ความระบุชื่อจำเลยว่า ห้างฯ อ. โดย ส. หุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัว ที่ 1 จำเลย หน้าคำฟ้องก็ระบุว่าโจทก์ขอยื่นฟ้องห้างฯ อ. โดย ส. หุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัว จำเลยที่ 1 แต่คำบรรยายฟ้องกล่าวว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คซึ่งประทับตราห้างฯ อ. ซึ่งมีจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัวซึ่งจ่ายมอบให้แก่โจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้ ดังนี้ เป็นการฟ้องห้างฯ อ. โดย ส. หุ้นส่วนผู้จัดการเป็นจำเลยที่ 1 และ ส. ในฐานะส่วนตัวเป็นจำเลยที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2606/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องจำเลยทั้งห้างฯ และหุ้นส่วนผู้จัดการในฐานะส่วนตัว ศาลพิพากษาชอบด้วยกฎหมาย
คำฟ้องของโจทก์ตรงช่องคู่ความระบุชื่อจำเลยว่า ห้างฯ อ. โดย ส. หุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัว ที่ 1 จำเลย หน้าคำฟ้องก็ระบุว่า โจทก์ขอยื่นฟ้องห้างฯ อ. โดย ส. หุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัว จำเลยที่ 1 แต่คำบรรยายฟ้องกล่าวว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คซึ่งประทับตรา ห้างฯ อ. ซึ่งมีจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและ ในฐานะส่วนตัวสั่งจ่ายมอบให้แก่โจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้ ดังนี้ เป็นการฟ้องห้างฯ อ. โดย ส. หุ้นส่วนผู้จัดการเป็นจำเลยที่ 1 และ ส. ในฐานะส่วนตัวเป็นจำเลยที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาล: ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ศาลแพ่งได้ หากคดีเชื่อมโยงกับจำเลยที่ 2 ผู้มีภูมิลำเนาในเขตศาลแพ่ง
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ซึ่งมีภูมิลำเนาในเขตศาลแพ่งอ้างว่าเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์โดยสารที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ครอบครองและใช้ประโยชน์ ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จึงเป็นกรณีที่มูลความแห่งคดีไม่อาจแบ่งแยกกันได้ โจทก์จึงเสนอคำฟ้องจำเลยที่ 1 ต่อศาลแพ่งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 5 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2711/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจหน้าที่ออกบัตรประชาชนและเกณฑ์ทหาร: การฟ้องจำเลยที่ไม่มีอำนาจและพ้นตำแหน่ง
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้มีสัญชาติไทยได้ยื่นคำร้องต่อจำเลยที่ 1 ที่ 2ซึ่งดำรงตำแหน่งนายอำเภอ น. และสัสดีอำเภอ น. ตามลำดับ เพื่อขอบัตรประจำตัวประชาชนและขอลงชื่อโจทก์ในบัญชีทหารกองเกิน จำเลยทั้งสองอ้างว่าโจทก์มิใช่ผู้มีสัญชาติไทยและไม่จัดการให้ ขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นผู้มีสัญชาติไทย ให้จำเลยออกบัตรประจำตัวประชาชนให้โจทก์ ลงชื่อโจทก์ในบัญชีทหารกองเกินและออกใบสำคัญทหารกองเกินให้โจทก์ ดังนี้ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่และเจ้าพนักงานตรวจบัตร ลงวันที่ 14 ตุลาคม 2519 ออกตามความในพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชนและกฎกระทรวง ฉบับที่ 40 ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร กำหนดให้อำนาจหน้าที่ในการออกบัตรประจำตัวประชาชน อำนาจในการลงชื่อในบัญชีทหารกองเกินกับออกใบสำคัญทหารกองเกินเป็นของนายอำเภอท้องที่ หาใช่สัสดีอำเภอไม่จำเลยที่ 2 จึงไม่มีอำนาจหน้าที่กระทำการตามที่โจทก์ขอในฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 1 ได้ความว่าโจทก์ฟ้องภายหลังจากที่จำเลยที่ 1 พ้นตำแหน่งนายอำเภอ น. แล้ว และโจทก์มิได้ฟ้องนายอำเภอ น. แต่ฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นส่วนตัว เมื่อขณะฟ้องจำเลยที่ 1 ไม่อาจปฏิบัติตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ได้ ศาลจึงมิอาจพิพากษาบังคับจำเลยทั้งสองหรือนายอำเภอ น. ซึ่งมิได้ถูกฟ้องคำขอที่ขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์เป็นผู้มีสัญชาติไทยเพื่อที่จะบังคับให้จำเลยทั้งสองออกบัตรประจำตัวประชาชนและออกใบสำคัญทหารกองเกินให้ จึงตกไปอยู่ในตัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2144/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งถอนสัญชาติโดยรัฐมนตรี การฟ้องจำเลยที่ไม่ใช่ผู้มีอำนาจโดยตรง ศาลไม่อาจบังคับได้
โจทก์ฟ้อง ก.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นจำเลยที่ 1และ ม. อธิบดีกรมตำรวจเป็นจำเลยที่ 2 ขอให้พิพากษาว่าคำสั่งของจำเลยที่ 1 ที่ให้ถอนสัญชาติไทย ของโจทก์เป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมายและให้เพิกถอนเสียศาลชั้นต้นรับฟ้องเฉพาะเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ไม่รับฟ้องที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 คำสั่งศาลชั้นต้นถึงที่สุดดังนี้ คำสั่งถอนสัญชาติของโจทก์เป็นคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่คดีคงมีจำเลยที่ 2ซึ่งเป็นอธิบดีกรมตำรวจเป็นจำเลยแต่ผู้เดียวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมิได้เป็นคู่ความด้วยไม่มีโอกาสโต้แย้งข้อกล่าวหาของโจทก์ ศาลจึงจะพิพากษาว่าคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมิชอบด้วยกฎหมายและให้เพิกถอนเสียตามคำขอของโจทก์หาได้ไม่ แม้จะสืบพยานต่อไปและข้อเท็จจริงได้ความตามที่โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการถอนสัญชาติด้วย และเป็นผู้เสนอต่อคณะกรรมการถอนสัญชาติว่าควรถอนสัญชาติไทยของโจทก์โดยมิได้สืบสวนข้อเท็จจริงก่อน ก็หาเป็นเหตุให้ศาลอาจพิพากษาบังคับตามคำขอของโจทก์ได้ไม่ คดีจึงไม่ต้องสืบพยานต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1509/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องจำเลยในฐานะนายอำเภอ และอำนาจขยายเวลาประกาศรับสมัครเลือกตั้งกำนัน
ฟ้องของโจทก์ใส่ชื่อจำเลยในช่องคู่ความโดยไม่มีข้อความว่าในฐานะนายอำเภอ แต่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยรับราชการในตำแหน่งนายอำเภอจัตุรัสเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย จำเลยในฐานะเป็นนายอำเภอจัตุรัสได้ออกประกาศของอำเภอ และคำขอท้ายฟ้องก็ขอให้พิพากษาว่าประกาศของนายอำเภอจัตุรัสเป็นโมฆะ ดังนี้ เมื่ออ่านฟ้องโดยตลอดแล้วย่อมเข้าใจได้ชัดเจนว่า โจทก์มุ่งหมายที่จะฟ้องจำเลยในฐานะนายอำเภอจัตุรัสหาใช่ฟ้องเป็นการส่วนตัวไม่
ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 364 ข้อ 3 ให้นายอำเภอจัดให้มีการเลือกกำนันโดยรับสมัครจากผู้ใหญ่บ้านในตำบลนั้นวิธีเลือกกำนันให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย นายอำเภอจึงมีอำนาจออกประกาศกำหนดวันเลือกตั้งกำนันและระยะเวลารับสมัคร ดังนั้น เมื่อมีเหตุสมควร นายอำเภอก็ย่อมมีอำนาจที่จะขยายระยะเวลาวันเลือกตั้งและเวลารับสมัครออกไปอีกได้
ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 364 ข้อ 3 ให้นายอำเภอจัดให้มีการเลือกกำนันโดยรับสมัครจากผู้ใหญ่บ้านในตำบลนั้นวิธีเลือกกำนันให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย นายอำเภอจึงมีอำนาจออกประกาศกำหนดวันเลือกตั้งกำนันและระยะเวลารับสมัคร ดังนั้น เมื่อมีเหตุสมควร นายอำเภอก็ย่อมมีอำนาจที่จะขยายระยะเวลาวันเลือกตั้งและเวลารับสมัครออกไปอีกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1659/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องจำเลยโดยใช้ชื่อบริษัทไม่ถูกต้อง ศาลมีอำนาจสั่งแก้ฟ้องได้ แม้จะไม่ได้มีการขอ
โจทก์ฟ้องระบุบริษัทศรีเมืองประกันภัย จำกัด จำเลยที่ 2 ความจริงเป็นบริษัทประกันภัยศรีเมือง จำกัด จำเลยที่ 2 ให้การรับว่าได้รับประกันภัยรถยนต์ตามฟ้อง จึงเป็นเพียงพิมพ์ตำแหน่งในถ้อยคำผิดพลาดเล็กน้อย ไม่ใช่สารสำคัญแห่งคำฟ้อง แม้ศาลชั้นต้นมิได้สั่งคำร้องขอแก้ฟ้องโจทก์ก็มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 620/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องจำเลยในฐานะบุคคลธรรมดา โดยไม่ได้ฟ้องบริษัท แม้จะเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดของบริษัท
เทศบัญญัติของเทศบาลนครกรุงเทพฯ เรื่องควบคุมการค้าซึ่งเป็นที่น่ารังเกียจ ฯ (ฉบับที่ 3) 2494 ลงวันที่ 18 ม.ค.2494 ข้อ 4,5
หน้าฟ้องโจทก์ระบุชื่อจำเลยไม่ได้ระบุชื่อบริษัท ในคำบรรยายฟ้องกล่าวถึงบริษัทอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพียงแสดงให้ทราบว่าจำเลยผู้ที่ถูกฟ้องนั้นเป็นผู้จัดการบริษัทจึงเป็นอันว่าจากหน้าฟ้องก็ตาม จากคำบรรยายฟ้องก็ตาม โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นส่วนตัวของจำเลย และฟ้องไม่ได้หาว่าจำเลยจัดคนให้เลื่อยไม้ เมื่อคำพยานไม่มีเลยว่าจำเลยเป็นผู้เลื่อยไม้ เช่นนี้ลงโทษจำเลยไม่ได้.
หน้าฟ้องโจทก์ระบุชื่อจำเลยไม่ได้ระบุชื่อบริษัท ในคำบรรยายฟ้องกล่าวถึงบริษัทอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพียงแสดงให้ทราบว่าจำเลยผู้ที่ถูกฟ้องนั้นเป็นผู้จัดการบริษัทจึงเป็นอันว่าจากหน้าฟ้องก็ตาม จากคำบรรยายฟ้องก็ตาม โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นส่วนตัวของจำเลย และฟ้องไม่ได้หาว่าจำเลยจัดคนให้เลื่อยไม้ เมื่อคำพยานไม่มีเลยว่าจำเลยเป็นผู้เลื่อยไม้ เช่นนี้ลงโทษจำเลยไม่ได้.