พบผลลัพธ์ทั้งหมด 79 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจ & การฟ้องละเมิด: ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นหนังสือมอบอำนาจแล้ว การบรรยายฟ้องไม่ขัดแย้ง
ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยให้การว่าหนังสือมอบอำนาจกระทำขึ้นโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และลายมือชื่อของผู้มอบอำนาจไม่ใช่ลายมือชื่อของโจทก์ที่ 1ศาลต้องหยิบยกประเด็นเรื่องหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ที่ 1 กระทำขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ขึ้นวินิจฉัยนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์มีตัวโจทก์ที่ 1 มาเบิกความยืนยันว่าได้มอบอำนาจให้โจทก์ที่ 2 ฟ้องคดีแทน โดยยืนยันว่าลายมือชื่อในช่องผู้มอบอำนาจในหนังสือมอบอำนาจเป็นลายมือชื่อของโจทก์ที่ 1 จริง โดยจำเลยไม่นำสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่น จึงฟังได้ว่าโจทก์ที่ 1 มอบอำนาจให้โจทก์ที่ 2ฟ้องคดีแทน เช่นนี้ถือได้ว่าศาลอุทธรณ์ได้ยกประเด็นดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยให้แล้ว
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ขับรถยนต์ไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารของจำเลย ลูกจ้างของจำเลยรับรถยนต์ของโจทก์ไปจอดยังที่จำเลยจัดไว้เป็นการบรรยายว่าจำเลยได้รับฝากรถยนต์ของโจทก์ และบรรยายฟ้องต่อไปว่าลูกจ้างของจำเลยได้ย้ายรถยนต์ของโจทก์จากบริเวณหน้าห้องอาหารซึ่งมีพนักงานของจำเลยเฝ้าดูแลไปจอดยังริมถนนฝั่งตรงข้าม ไม่มีพนักงานของจำเลยเฝ้าดูแลรถยนต์ของโจทก์จึงหายไป อันเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ฟ้องของโจทก์จึงไม่ขัดกัน ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ขับรถยนต์ไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารของจำเลย ลูกจ้างของจำเลยรับรถยนต์ของโจทก์ไปจอดยังที่จำเลยจัดไว้เป็นการบรรยายว่าจำเลยได้รับฝากรถยนต์ของโจทก์ และบรรยายฟ้องต่อไปว่าลูกจ้างของจำเลยได้ย้ายรถยนต์ของโจทก์จากบริเวณหน้าห้องอาหารซึ่งมีพนักงานของจำเลยเฝ้าดูแลไปจอดยังริมถนนฝั่งตรงข้าม ไม่มีพนักงานของจำเลยเฝ้าดูแลรถยนต์ของโจทก์จึงหายไป อันเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ฟ้องของโจทก์จึงไม่ขัดกัน ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5622/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: การฟ้องละเมิดที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์การยื่นฟ้องต่อศาล
มูลคดีตามฟ้องเกี่ยวกับละเมิด มิได้ฟ้องเกี่ยวด้วยอสังหา-ริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งจำเลยก็มิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตของศาลชั้นต้นและมูลคดีที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้เกิดในเขตของศาลชั้นต้นเช่นกัน แม้โจทก์จะมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลชั้นต้น โจทก์ก็ไม่อาจยื่นคำร้องขออนุญาตฟ้องคดีนี้ต่อศาลชั้นต้นได้เพราะไม่เข้าหลักเกณฑ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 4 (1) และ (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5774/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องคดีละเมิด: การบรรยายลักษณะการกระทำละเมิดและสถานที่เกิดเหตุไม่จำเป็นต้องละเอียด
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2และจำเลยที่ 2 เอาประกันภัยค้ำจุนไว้กับจำเลยที่ 3 สำหรับรถยนต์คันเกิดเหตุ ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันดังกล่าวไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงชนถูกรถยนต์ที่โจทก์กับพวกโดยสารมาพลิกคว่ำที่ถนนบริเวณพุทธมณฑลตำบลศาลายา อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ต้องเสียค่ารักษาพยาบาล และต้องขาดประโยชน์ทางทำมาหาได้ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามให้รับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ได้ความชัดว่าโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์โดยประมาทชนรถยนต์ที่โจทก์โดยสารมา ณ สถานที่ใด ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอย่างไรทั้งจำเลยทั้งสามต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เพราะเหตุใดเป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา และข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้ว การที่ฟ้องโจทก์มิได้กล่าวว่าจำเลยที่ 1ขับรถยนต์ด้วยอาการอย่างไร ถนนที่เกิดเหตุเป็นถนนสายใดในบริเวณพุทธมณฑล นั้นไม่เป็นข้อสำคัญถึงขนาดจะทำให้จำเลยทั้งสามไม่เข้าใจข้อหาได้ ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1834/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: การฟ้องละเมิดที่สะดวกต่อคู่ความและพยาน
การฟ้องเรียกค่าเสียหายตามมูลละเมิดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 (2) ให้เสนอคำฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขต แต่ถ้าโจทก์จะยื่นคำฟ้องต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้น เมื่อโจทก์ยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องแสดงให้เห็นว่าการพิจารณาคดีในศาลนั้น ๆ จะเป็นการสะดวก ศาลจะใช้ดุลพินิจอนุญาตก็ได้ การพิจารณาจะสะดวกหรือไม่นั้นต้องคำนึงถึงคู่ความและพยานที่เกี่ยวข้องด้วย ตามคำฟ้องคดีนี้ จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ขับรถยนต์โดยสารจากกรุงเทพมหานครมุ่งหน้าไปจังหวัดเชียงใหม่ชนกับรถยนต์ของโจทก์ที่ 2 ที่จังหวัดนครสวรรค์ พยานที่รู้เห็นส่วนใหญ่น่าจะอยู่ในรถยนต์ทั้งสองคัน ซึ่งไม่มีภูมิลำเนาในเขตศาลจังหวัดนครสวรรค์ การพิจารณาคดีที่ศาลจังหวัดนครสวรรค์ส่วนโจทก์ที่ 1 และจำเลยทั้งสี่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลแพ่ง ดังนั้นการฟ้องคดี การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องการต่อสู้คดีและการพิจารณาที่ศาลแพ่งย่อมเป็นการสะดวกแก่คู่ความอื่นทั้งหมดเว้นแต่โจทก์ที่ 2 ผู้เดียว ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดนครสวรรค์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1834/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: การฟ้องละเมิดที่ศาลมีอำนาจพิจารณาเมื่อพยานและคู่ความสะดวก
การฟ้องเรียกค่าเสียหายกรณีละเมิดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) ให้เสนอคำฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตแต่ถ้าโจทก์จะยื่นคำฟ้องต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้น เมื่อโจทก์ยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องแสดงให้เห็นว่าการพิจารณาคดีในศาลนั้น ๆ จะเป็นการสะดวกศาลจะใช้ดุลพินิจอนุญาตก็ได้ การพิจารณาจะสะดวกหรือไม่นั้นต้องคำนึงถึงคู่ความและพยานที่เกี่ยวข้องด้วย ปรากฏตามคำฟ้องว่ารถยนต์โดยสารที่จำเลยที่ 1 ขับจากกรุงเทพมหานครมุ่งหน้าไปจังหวัดเชียงใหม่ชนกับรถยนต์ของโจทก์ที่ 2 ที่จังหวัดนครสวรรค์ พยานที่รู้เห็นส่วนใหญ่น่าจะอยู่ในรถยนต์ทั้งสองคัน ซึ่งไม่มีภูมิลำเนาในเขตศาลจังหวัดนครสวรรค์การพิจารณาคดีที่ศาลจังหวัดนครสวรรค์ย่อมไม่สะดวกแก่พยาน ประกอบกับโจทก์ที่ 2 แต่ผู้เดียวมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดนครสวรรค์ ส่วนโจทก์ที่ 1 และจำเลยทั้งสี่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลแพ่ง ดังนั้น การฟ้องคดี การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องการต่อสู้คดี และการพิจารณาที่ศาลแพ่งย่อมเป็นการสะดวกแก่คู่ความอื่นทั้งหมดเว้นแต่โจทก์ที่ 2 ผู้เดียว ศาลจึงชอบที่จะใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดนครสวรรค์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1834/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาล: การฟ้องละเมิดและการใช้ดุลพินิจอนุญาตฟ้องต่อศาลที่เกิดเหตุ
การฟ้องเรียกค่าเสียหายตามมูลละเมิดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) ให้เสนอคำฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขต แต่ถ้าโจทก์จะยื่นคำฟ้องต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้น เมื่อโจทก์ยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องแสดงให้เห็นว่าการพิจารณาคดีในศาลนั้นๆ จะเป็นการสะดวก ศาลจะใช้ดุลพินิจอนุญาตก็ได้ การพิจารณาจะสะดวกหรือไม่นั้นต้องคำนึงถึงคู่ความและพยานที่เกี่ยวข้องด้วย ตามคำฟ้องคดีนี้ จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 และที่ 3ขับรถยนต์โดยสารจากกรุงเทพมหานครมุ่งหน้าไปจังหวัดเชียงใหม่ชนกับรถยนต์ของโจทก์ที่ 2 ที่จังหวัดนครสวรรค์ พยานที่รู้เห็นส่วนใหญ่น่าจะอยู่ในรถยนต์ทั้งสองคัน ซึ่งไม่มีภูมิลำเนาในเขตศาลจังหวัดนครสวรรค์ การพิจารณาคดีที่ศาลจังหวัดนครสวรรค์ส่วนโจทก์ที่ 1 และจำเลยทั้งสี่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลแพ่ง ดังนั้นการฟ้องคดี การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องการต่อสู้คดีและการพิจารณาที่ศาลแพ่งย่อมเป็นการสะดวกแก่คู่ความอื่นทั้งหมดเว้นแต่โจทก์ที่ 2 ผู้เดียว ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดนครสวรรค์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดต้องแสดงการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและเจตนาทุจริต โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหากไม่บรรยายชัดเจน
โจทก์ฟ้องว่า คำสั่งของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ เป็นการฟ้องโดยอ้างมูลละเมิดเป็นหลักแห่งข้อหาแต่โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีคำสั่งโดยไม่สุจริต ทั้งตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ก็ไม่ได้ความว่า จำเลยมีคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร คำสั่งของจำเลยฝ่าฝืนต่อบทกฎหมายใดถือไม่ได้ว่าคำสั่งของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย การกระทำของจำเลยตามคำฟ้องจึงไม่เป็นการละเมิด และโต้แย้งสิทธิของโจทก์โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 127/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องละเมิด: การขยายอายุความเมื่อศาลยกฟ้องเนื่องจากไม่มีอำนาจพิจารณา
โจทก์รู้ถึงการละเมิดเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2527 และได้ฟ้องจำเลยในมูลละเมิดรายนี้ต่อศาลแพ่งเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน2528 ภายในอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 ศาลแพ่งพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2529เพราะเหตุคดีไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแพ่ง จึงเป็นกรณีอายุความฟ้องร้องดังกล่าวได้สิ้นไปในระหว่างพิจารณาของศาลแพ่งต้องขยายอายุความนั้นออกไปถึงหกเดือน ภายหลังคำพิพากษาของศาลแพ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 176 การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ต่อศาลแรงงานกลางเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2529 จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2539-2540/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์: การบรรยายฟ้อง, อำนาจหุ้นส่วนผู้จัดการ, สิทธิเจ้าของทรัพย์สิน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าช.คนขับรถยนต์ของจำเลยขับรถยนต์ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังโดยขับรถเข้าไปในช่องทางเดินรถคันที่โจทก์ที่3ขับเป็นเหตุให้รถชนกันเป็นการบรรยายฟ้องโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาพอที่จำเลยจะเข้าใจได้แล้วฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม. ฎีกาในประเด็นที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้. หุ้นส่วนผู้จัดการห้างโจทก์มี3คนและไม่มีข้อจำกัดอำนาจหุ้นส่วนผู้จัดการหุ้นส่วนผู้จัดการคนใดคนหนึ่งย่อมมีสิทธิกระทำกิจการในนามห้างโจทก์ได้. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1336เจ้าของทรัพย์สินนอกจากจะมีสิทธิติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของตนจากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้แล้วยังมีสิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินนั้นโดยมิชอบด้วยกฎหมายอีกด้วยเมื่อจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินโจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1294/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องละเมิดจากความเสียหายต่อสิทธิครอบครอง แม้การซื้อขายไม่สมบูรณ์
โจทก์ซื้อช้างพิพาทมาจาก บ. เป็นการซื้อขายกันเอง มอบตั๋วรูปพรรณแก่กัน แม้การซื้อขายจะมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงตกเป็นโมฆะก็ตาม ข้อเท็จจริงก็ฟังได้ว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองช้างพิพาท เมื่อมีการกระทำละเมิดอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่สิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องผู้ทำละเมิดได้