พบผลลัพธ์ทั้งหมด 42 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2575/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องอุทธรณ์โดยการเพิ่มชื่อจำเลยร่วมหลังพ้นกำหนดเวลา และความรับผิดชอบในหนี้เช็ค
จำเลยอุทธรณ์และขอทุเลาการบังคับคดี โดยฟ้องอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีระบุแต่ชื่อจำเลยที่ 1 ทนายจำเลยทั้งสามเป็นผู้ลงชื่อในอุทธรณ์และคำร้อง ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์และคำร้องไว้แล้ว ต่อมาเมื่อพ้นระยะเวลายื่นอุทธรณ์แล้ว จำเลยทั้งสามได้ยื่นคำร้องขอระบุชื่อจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 เป็นผู้ยื่นอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับคดี ดังนี้ เมื่อคำร้องของจำเลยมิได้อ้างเหตุขึ้นมาใหม่ คงอ้างแต่เพียงว่าฟ้องอุทธรณ์ที่ได้ยื่นไว้แล้วเป็นฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสาม ที่ระบุชื่อจำเลยที่ 1 ผู้เดียวนั้นเพราะพิมพ์ผิดพลาดไป อีกทั้งข้อความในฟ้องอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับที่ยื่นพร้อมอุทธรณ์มีข้ออุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ด้วย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ยื่นอุทธรณ์ร่วมกับจำเลยที่ 1 จริง ศาลอุทธรณ์ย่อมอนุญาตตามคำร้องของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกประเด็นนอกฟ้องอุทธรณ์ และหน้าที่ไถ่ถอนจำนองหลังชำระหนี้
ที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกเป็นประเด็นเบื้องต้นขึ้นวินิจฉัยว่าเมื่อเอกสารที่โจทก์นำมาแสดงปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับจำนองโจทก์จึงต้องห้ามมิให้นำพยานบุคคลมาสืบแก้ไขเอกสารว่าจำเลยที่ 1 คือผู้รับจำนองส่วนจำเลยที่ 2 เป็นแต่เพียงตัวแทนนั้นศาลฎีกาเห็นว่าประเด็นข้อกฎหมายนี้จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้และมิได้ยกขึ้นอ้างอิงในฟ้องอุทธรณ์ และมิใช่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 331/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดในหนี้สินของผู้ชำระบัญชีและการตีความข้อความในฟ้องอุทธรณ์
โจทก์อุทธรณ์ว่า 'ในประเด็นข้อที่ว่าจำเลยที่ 2จะต้องรับผิดชอบในหนี้สินที่โจทก์ฟ้องเป็นส่วนตัวโจทก์หรือไม่ ..... เมื่อข้อเท็จจริงตามหลักฐานพยานและข้อกฎหมายดังโจทก์ได้กราบเรียนมาแล้วฟังได้ว่า. จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดในการชำระหนี้ตามที่จำเลยที่ 2ในฐานะผู้ชำระบัญชีรับสภาพหนี้ต่อโรงงานกระดาษไทยในจำนวนหนี้ของโรงพิมพ์อำพลพิทยาต่อโจทก์แล้ว. จำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัวก็ไม่ต้องรับผิดชอบต่อโจทก์อีก'. แปลไม่ได้ว่าหมายความว่าถ้าจำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิด.จำเลยที่2 ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว ดังที่โจทก์ฎีกา. แต่ข้อความนั้นกลับทำให้เข้าใจในทางตรงข้ามว่าจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว. คดีสำหรับจำเลยที่ 2 จึงเป็นอันยุติตั้งแต่ศาลชั้นต้น.
จำเลยที่ 1 ซื้อเชื่อกระดาษจากโจทก์เพื่อพิมพ์เป็นแบบพิมพ์ส่งหน่วยราชการ. แม้จำเลยจะเรียกค่าตอบแทนว่าค่าจ้าง การกระทำของจำเลยก็เป็นการทำให้แบบพิมพ์เหล่านั้นเป็นสินค้าอันเป็นการประกอบอุตสาหกรรม. คดีจึงมีอายุความ 5 ปี ตามมาตรา 165 วรรคท้าย.
จำเลยที่ 1 ซื้อเชื่อกระดาษจากโจทก์เพื่อพิมพ์เป็นแบบพิมพ์ส่งหน่วยราชการ. แม้จำเลยจะเรียกค่าตอบแทนว่าค่าจ้าง การกระทำของจำเลยก็เป็นการทำให้แบบพิมพ์เหล่านั้นเป็นสินค้าอันเป็นการประกอบอุตสาหกรรม. คดีจึงมีอายุความ 5 ปี ตามมาตรา 165 วรรคท้าย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1443/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมฟ้องอุทธรณ์คดีอาญาที่มีคำขอเรียกค่าเสียหาย: เมื่ออัยการไม่อุทธรณ์ โจทก์ร่วมต้องเสียค่าธรรมเนียม
เดิมพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งมีคำเรียกร้องให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สินติดมากับฟ้องอาญา จึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 253 แต่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง และพนักงานอัยการโจทก์มิได้อุทธรณ์คำฟ้องของพนักงานอัยการโจทก์จึงเป็นอันยุติเพียงศาลชั้นต้น โจทก์ร่วมอุทธรณ์โดยลำพังโดยมีคำเรียกร้องให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สินติดมากับฟ้องอุทธรณ์ โจทก์ร่วมจึงต้องเสียค่าธรรมเนียมดังคดีแพ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 254
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1443/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมฟ้องอุทธรณ์ในคดีอาญาเมื่ออัยการไม่อุทธรณ์ โจทก์ร่วมต้องเสียค่าธรรมเนียมดังคดีแพ่ง
เดิมพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งมีคำเรียกร้องให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สินติดมากับฟ้องอาญา จึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 253แต่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง และพนักงานอัยการโจทก์มิได้อุทธรณ์คำฟ้องของพนักงานอัยการโจทก์จึงเป็นอันยุติเพียงศาลชั้นต้นโจทก์ร่วมอุทธรณ์โดยลำพังโดยมีคำเรียกร้องให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สินติดมากับฟ้องอุทธรณ์ โจทก์ร่วมจึงต้องเสียค่าธรรมเนียมดังคดีแพ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 254
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 936/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอุทธรณ์ไม่สมบูรณ์เพราะขาดลายมือชื่อผู้ฟ้อง ศาลฎีกายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพื่อให้แก้ไขฟ้องก่อนพิจารณาใหม่
ฟ้องอุทธรณ์ที่มิได้ลงชื่อผู้อุทธรณ์ ย่อมเป็นฟ้องที่ไม่บริบูรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 67(5) และศาลอุทธรณ์ก็ชี้ขาดตัดสินฟ้องอุทธรณ์ไปโดยมิได้แก้ไขข้อบกพร่องให้บริบูรณ์ตามกฎหมายเสียก่อน นั้น ศาลฎีกาชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 18 วรรค 2 โดยให้โจทก์ลงชื่อในฐานะผู้อุทธรณ์ในฟ้องอุทธรณ์เสียให้บริบูรณ์ตามกฎหมาย แล้วส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่.
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2508).
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2508).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 936/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอุทธรณ์ต้องมีลายมือชื่อผู้อุทธรณ์ หากไม่มีถือเป็นฟ้องไม่บริบูรณ์ ศาลต้องแก้ไขก่อนพิจารณา
ฟ้องอุทธรณ์ที่มิได้ลงชื่อผู้อุทธรณ์ ย่อมเป็นฟ้องที่ไม่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 67(5) และศาลอุทธรณ์ก็ชี้ขาดตัดสินฟ้องอุทธรณ์ไปโดยมิได้แก้ไขข้อบกพร่องให้บริบูรณ์ตามกฎหมายเสียก่อนนั้น ศาลฎีกาควรยกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เสีย แล้วให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 วรรคสองโดยให้โจทก์ลงชื่อในฐานะผู้อุทธรณ์ในฟ้องอุทธรณ์เสียให้บริบูรณ์ตามกฎหมาย แล้วส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2508)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 495/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องอุทธรณ์ที่ผิดพลาด: ศาลมีอำนาจกำหนดเวลาให้แก้ไขได้ ไม่ถือเป็นการยืดเวลา
ปัญหาว่า คำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ให้ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยแก้อุทธรณ์ของจำเลยที่ผิดพลาดมายื่นใหม่ภายในกำหนดระยะเวลาซึ่งแล้ว แต่ศาลชั้นต้นจะเห็นสมควร นั้น เป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลชั้นต้นตำหนิฟ้องอุทธรณ์ขอจำเลยเพราะพิมพ์ตัวเลข ตอนย่อคำพิพากษาศาลชั้นต้นไขว้เขวไป หาใช่ตัวบรรยายอุทธรณ์แท้ไม่ ศาลชั้นต้นสั่งให้ทำมาใหม่ซึ่งต้องเข้าใจว่า ศาลสั่งโดยอาศัยอำนาจ ป.วิ.พ. มาตรา 18 ประกอบด้วยมาตรา 15 ป.วิ.อ. ซึ่งศาลชอบที่จะกำหนดระยะเวลา ถ้าศาลไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ ก็พึงเข้าใจว่า ภายในระยะเวลาอันสมควร การที่ศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้จำเลยแก้ฟ้องอุทธรณ์หรือยื่นฟ้องอุทธรณ์ใหม่ให้ถูกต้องตามที่ศาลชั้นต้นตำหนิ หาใช่เป็นยืดเวลา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23 ไม่ หากแต่เป็นเรื่องจะให้ยื่นอุทธรณ์ใหม่ตามที่สั่งไว้เดิมแล้ว หรือไม่เท่านั้น (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2503)
ศาลชั้นต้นตำหนิฟ้องอุทธรณ์ขอจำเลยเพราะพิมพ์ตัวเลข ตอนย่อคำพิพากษาศาลชั้นต้นไขว้เขวไป หาใช่ตัวบรรยายอุทธรณ์แท้ไม่ ศาลชั้นต้นสั่งให้ทำมาใหม่ซึ่งต้องเข้าใจว่า ศาลสั่งโดยอาศัยอำนาจ ป.วิ.พ. มาตรา 18 ประกอบด้วยมาตรา 15 ป.วิ.อ. ซึ่งศาลชอบที่จะกำหนดระยะเวลา ถ้าศาลไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ ก็พึงเข้าใจว่า ภายในระยะเวลาอันสมควร การที่ศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้จำเลยแก้ฟ้องอุทธรณ์หรือยื่นฟ้องอุทธรณ์ใหม่ให้ถูกต้องตามที่ศาลชั้นต้นตำหนิ หาใช่เป็นยืดเวลา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23 ไม่ หากแต่เป็นเรื่องจะให้ยื่นอุทธรณ์ใหม่ตามที่สั่งไว้เดิมแล้ว หรือไม่เท่านั้น (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 713/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการลงชื่อในฟ้องอุทธรณ์: ศาลควรคืนคำคู่ความเพื่อแก้ไข ไม่ยกฟ้อง
ในฟ้องอุทธรณ์มีชื่อจำเลยเป็นผู้ยื่น แต่ในท้ายอุทธรณ์ทนายเป็นผู้ลงชื่อ อุทธรณ์นั้น ศาลชั้นต้นสั่งรับแล้ว ฉะนั้นเมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าทหนายจำเลยไม่มีอำนาจลงชื่อแทนจำเลยในฟ้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะต้องคืนคำคู่ความไปให้ทำมาใหม่ให้ถูกต้องตาม วิ.แพ่ง.ม.18 จะยกอุทธรณ์จำเลยทีเดียวหาชอบไม่
การที่ศาลอุทธรณ์ยกอุทธรณ์จำเลยทุกคนโดยอ้างว่าทนายจำเลยไม่มีอำนาจลงชื่อในอุทธรณ์แทนจำเลยนั้นเป็นเหตุในลักษณะคดี แม้จำเลยเพียงคนเดียวฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยทุกคนได้
การที่ศาลอุทธรณ์ยกอุทธรณ์จำเลยทุกคนโดยอ้างว่าทนายจำเลยไม่มีอำนาจลงชื่อในอุทธรณ์แทนจำเลยนั้นเป็นเหตุในลักษณะคดี แม้จำเลยเพียงคนเดียวฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยทุกคนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 713/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายในการลงชื่อแทนจำเลยในฟ้องอุทธรณ์ ศาลควรคืนคำคู่ความเพื่อแก้ไข ไม่ยกฟ้อง
ในฟ้องอุทธรณ์มีชื่อจำเลยเป็นผู้ยื่น แต่ในท้ายอุทธรณ์ทนายเป็นผู้ลงชื่อ อุทธรณ์นั้นศาลชั้นต้นสั่งรับแล้วฉะนั้นเมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าทนายจำเลยไม่มีอำนาจลงชื่อแทนจำเลยในฟ้องอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะต้องคืนคำคู่ความไปให้ทำมาใหม่ให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา18 จะยกอุทธรณ์จำเลยเสียทีเดียวหาได้ไม่
การที่ศาลอุทธรณ์ยกอุทธรณ์จำเลยทุกคนโดยอ้างว่าทนายจำเลยไม่มีอำนาจลงชื่อในอุทธรณ์แทนจำเลยนั้นเป็นเหตุในลักษณะคดีแม้จำเลยเพียงคนเดียวฎีกาขึ้นมาศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยทุกคนได้
การที่ศาลอุทธรณ์ยกอุทธรณ์จำเลยทุกคนโดยอ้างว่าทนายจำเลยไม่มีอำนาจลงชื่อในอุทธรณ์แทนจำเลยนั้นเป็นเหตุในลักษณะคดีแม้จำเลยเพียงคนเดียวฎีกาขึ้นมาศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยทุกคนได้