คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฟ้องเดิม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 165 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4121/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งไม่ชอบ หากเป็นคนละเรื่องกับฟ้องเดิม แม้มีเหตุจากสัญญาเดียวกัน
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ชำระหนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีโดยอ้างว่าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ดังกล่าวแก่โจทก์ การที่จำเลยที่ 1 ฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ใช้ค่าเสียหายและลงโฆษณาขอขมาจำเลยที่ 1 ในหนังสือพิมพ์โดยอ้างว่าโจทก์ผิดสัญญาไม่ยอมปลอดจำนองที่ดินที่ได้จำนองไว้เป็นประกันการกู้เงินให้แก่จำเลยที่ 1 ทำให้จำเลยที่ 1 เสียหาย แต่สัญญากู้เงินที่จำเลยที่ 1 อ้างรวมทั้งที่ดินที่จำนองตามสัญญาดังกล่าวเป็นคนละส่วนกับสัญญาและที่ดินที่โจทก์ฟ้อง ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 จึงเป็นคนละเรื่องกับที่โจทก์ฟ้อง ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม เป็นฟ้องแย้งที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4121/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งต้องเป็นเรื่องเดียวกันกับฟ้องเดิม หากเป็นคนละเรื่อง ศาลไม่รับพิจารณา
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ชำระหนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีโดยอ้างว่าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาไม่ชำระหนี้แก่โจทก์ การที่จำเลยที่ 1 ฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ใช้ค่าเสียหายและลงโฆษณาขอขมาจำเลยที่ 1 ในหนังสือพิมพ์โดยอ้างว่าโจทก์ผิดสัญญาอีกฉบับหนึ่ง เพราะไม่ยอมปลดจำนองที่ดินที่ได้จำนองไว้เป็นประกันการกู้เงินให้แก่จำเลยที่ 1 ทำให้จำเลยที่ 1 เสียหายนั้น สัญญากู้เงินที่จำเลยที่ 1 อ้างรวมทั้งที่ดินที่จำนองตามสัญญาเป็นคนละส่วนกับสัญญาและที่ดินที่โจทก์ฟ้อง ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 จึงเป็นคนละเรื่องกับที่โจทก์ฟ้อง ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม เป็นฟ้องแย้งที่ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1391/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดสิทธิฎีกาเมื่อทุนทรัพย์ไม่เกิน 200,000 บาท คดีนี้จำกัดสิทธิฎีกาทั้งในส่วนฟ้องเดิมและฟ้องแย้ง
จำเลยฎีกาว่า ค่าเสียหายที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้จำเลยชำระแก่โจทก์ในกรณีที่จำเลยไม่คืนทรัพย์สินหรืออุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ ในการทำอาหาร 80,000 บาท เหมาะสมหรือไม่ เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการกำหนด ค่าเสียหายของศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท คดีจึงต้องห้ามมิให้จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคหนึ่ง
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ และให้โจทก์ชำระเงินแก่จำเลยตามฟ้องแย้ง โดยกำหนดให้โจทก์ชำระค่าเช่าที่ค้าง 138,000 บาท ค่าซ่อมแซมตึกพิพาท 200,000 บาท และค่าไฟฟ้า 7,708 บาท รวมเป็นเงิน 345,708 บาท ซึ่งเมื่อหักเงินประกัน 240,000 บาท โจทก์ต้องชำระเงินให้แก่จำเลย 105,708 บาท เมื่อจำเลยไม่ได้อุทธรณ์โต้แย้ง คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นดังกล่าว และโจทก์อุทธรณ์เพียงฝ่ายเดียวขอให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์ตามฟ้องเดิม และขอให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่กำหนดให้โจทก์ชำระเงินดังกล่าวตามฟ้องแย้งของจำเลย ดังนั้น จำนวนเงินที่พิพาทกันในส่วนค่าซ่อมแซมตึกพิพาทจึงเป็นเงิน 200,000 บาท เท่านั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย โดยไม่กำหนดค่าซ่อมแซมตึกพิพาทให้ตามฟ้องแย้ง จำเลยจะฎีกาโต้เถียงให้โจทก์ชำระค่าซ่อมแซมตึกพิพาทให้จำเลย 420,000 บาท เต็มตามฟ้องแย้งอีกหาได้ไม่ ทุนทรัพย์ที่จำเลยฎีกาได้คงเป็นเงินค่าซ่อมแซม 200,000 บาท ตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้เท่านั้น ที่จำเลยฎีกาอ้างว่าจำเลยเข้าซ่อมแซมตึกพิพาทเนื่องจากโจทก์ยอมให้หักเงินประกัน โจทก์ผิดสัญญาเช่า ไม่บำรุงรักษารวมทั้งซ่อมแซมเล็กน้อย โจทก์จึงต้องรับผิดต่อจำเลยนั้นเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท คดีจึงต้องห้ามมิให้จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9286/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งต้องเกี่ยวกับฟ้องเดิมเพื่อรวมพิจารณา หากเป็นคนละเรื่อง ศาลไม่รับฟ้อง
การฟ้องแย้งต้องเกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ เมื่อฟ้องเดิมของโจทก์เป็นเรื่องขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระเงินกู้และบังคับจำนองที่ดินที่จำเลยทั้งสองจดทะเบียนเป็นประกันหนี้เงินกู้ จำเลยปฏิเสธว่าจำนวนหนี้ตามฟ้องไม่ถูกต้องและโจทก์ทั้งสองไม่เคยมีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองคดีจึงมีประเด็นว่า จำเลยทั้งสองเป็นหนี้เงินกู้โจทก์ทั้งสองจำนวนเท่าใด และโจทก์ทั้งสองมีสิทธิบังคับจำนองหรือไม่ การที่จำเลยที่ 2ฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายที่ไม่สามารถโอนที่ดินพิพาทที่จำนองให้แก่ผู้ซื้อได้นั้น เป็นคนละเรื่องคนละประเด็น แตกต่างจากฟ้องเดิมของโจทก์ ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 จึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8265/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม ศาลไม่รับรวมพิจารณา
โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะส่วนตัวซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้ค่าสินค้าให้รับผิดตามเนื้อความที่ลงในเช็ค จึงไม่เกี่ยวกับบริษัท พ. ซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างหากหากโจทก์ผิดสัญญาในการติดตั้งเครื่องจักรในการผลิตน้ำดื่มให้แก่บริษัท พ. ก็เป็นเรื่องที่บริษัทพ. จะต้องไปว่ากล่าวกับโจทก์เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก ฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่เกี่ยวกับคำฟ้องพอที่จะรวมพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสามและมาตรา 179 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6408/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งในคดีแรงงาน: การที่ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ทำให้ศาลไม่รับฟ้องแย้ง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าตอบแทนในการขายสินค้าแก่โจทก์ตามข้อตกลงที่จำเลยจะจ่ายค่าตอบแทนในการขายสินค้าให้โจทก์ในอัตราร้อยละห้าของยอดเงินที่ขายได้และเรียกเก็บจากลูกค้าได้แล้ว อันเป็นการฟ้องให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาจ้าง จำเลยฟ้องแย้งว่าระหว่างโจทก์ทำงานเป็นลูกจ้างจำเลย โจทก์ได้ลักเอาข้อมูลลับและเอกสารลับเกี่ยวกับบัญชีรายชื่อลูกค้า ใบเสนอราคา รายละเอียดสินค้าพร้อมราคาต้นทุนและราคาขายของจำเลยไปให้บุคคลอื่นเพื่อแย่งลูกค้าของจำเลยทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับโจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยอันเป็นการฟ้องให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายในมูลละเมิด ซึ่งไม่ปรากฏว่าเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ในการขายสินค้าของโจทก์แต่อย่างใด ฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 843/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งต้องเกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิมและข้อโต้แย้งสิทธิของจำเลย หากไม่เกี่ยวพัน ศาลไม่ต้องรับฟ้องแย้ง
ฟ้องแย้งนอกจากจะต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้แล้วต้องเป็นคำฟ้องที่มีสภาพแห่งข้อหาว่าโจทก์โต้แย้งสิทธิของจำเลยในส่วนที่เกี่ยวกับฟ้องเดิมอย่างไร ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ด้วย ซึ่งจำเลยให้การว่าเอกสารตามฟ้องแย้งเป็นเอกสารปลอมที่จำเลยลงลายมือชื่อไว้แล้ว โจทก์หรือตัวแทนโจทก์ร่วมกันกรอกข้อความโดยจำเลยไม่ได้ให้ความยินยอม หากคดีฟังได้ดังที่จำเลยให้การไว้ ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่าจำเลยสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีและสัญญากู้ยืมเงินตามคำฟ้องของโจทก์ย่อมรับฟังไม่ได้ ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องเอกสารดังกล่าวก็ไม่อาจนำไปใช้อ้างเป็นประโยชน์ต่อโจทก์หรือบุคคลภายนอกได้อยู่แล้ว หาจำเป็นที่จำเลยต้องฟ้องแย้งเพื่อให้โจทก์คืนหรือทำลายเอกสารดังกล่าวไม่ ที่จำเลยอ้างว่าเมื่อศาลพิพากษายกฟ้อง จำเลยไม่อาจเรียกเอกสารดังกล่าวคืนจากบุคคลภายนอกได้ จึงเกิดข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่แล้ว ชอบที่จะฟ้องแย้งได้นั้น การที่จำเลยจะเรียกเอกสารดังกล่าวคืนจากบุคคลภายนอกได้หรือไม่ ไม่เกี่ยวกับข้อโต้แย้งอันเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ในคดีนั้น ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5529/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความขัดแย้งในคำให้การและฟ้องแย้ง การพิจารณาฟ้องแย้งที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและเรียกค่าเสียหาย โดยโจทก์มิได้ขอให้จำเลยส่งคืนโรงเรือนบนที่ดินแก่โจทก์ จำเลยให้การว่าโจทก์รับซื้อที่ดินพิพาทไว้แล้วผิดสัญญาไม่ยอมให้จำเลยไถ่การขายฝาก ขอให้ยกฟ้อง โดยจำเลยมิได้ฟ้องแย้งขอให้โจทก์รับไถ่การขายฝาก แต่กลับฟ้องแย้งขอให้โจทก์ชำระค่าที่ดินที่เพิ่มขึ้นโดยอ้างว่าจำเลยก่อสร้างโรงเรือนบนที่ดินพิพาทโดยสุจริตเพียงประการเดียว คำให้การที่ขอให้ยกฟ้องและฟ้องแย้งขอให้ใช้ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นจึงขัดกันเองอยู่ในตัว ไม่สามารถที่จะพิพากษาให้เป็นไปตามคำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยได้ แต่ต้องพิพากษาไปในทางใดทางหนึ่ง คือหากฟังว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาก็ต้องพิพากษายกฟ้อง โดยไม่จำต้องวินิจฉัยฟ้องแย้งของจำเลย หรือหากฟังว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาจึงอาจจะยกฟ้องแย้งของจำเลยขึ้นพิจารณาต่อไป ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นฟ้องแย้งที่อาศัยเหตุต่างกันกับฟ้องเดิม เป็นฟ้องแย้งที่ไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมเป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไข ไม่อาจรวมพิจารณาชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 177 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5529/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งขัดแย้งกับคำให้การ: ศาลไม่รับพิจารณาฟ้องแย้งที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและเรียกค่าเสียหาย โดยโจทก์มิได้ขอให้จำเลยส่งคืนโรงเรือนบนที่ดินแก่โจทก์ จำเลยให้การว่าโจทก์รับซื้อที่ดินพิพาทไว้แล้วผิดสัญญาไม่ยอมให้จำเลยไถ่การขายฝาก ขอให้ยกฟ้อง โดยจำเลยมิได้ฟ้องแย้งขอให้โจทก์รับไถ่การขายฝาก แต่กลับฟ้องแย้งขอให้โจทก์ชำระค่าที่ดินที่เพิ่มขึ้นโดยอ้างว่าจำเลยก่อสร้างโรงเรือนบนที่ดินพิพาทโดยสุจริตเพียงประการเดียว คำให้การที่ขอให้ยกฟ้องและฟ้องแย้งขอให้ใช้ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นจึงขัดกันเองอยู่ในตัว ไม่สามารถที่จะพิพากษาให้เป็นไปตามคำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยได้ แต่ต้องพิพากษาไปในทางใดทางหนึ่ง คือหากฟังว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาก็ต้องพิพากษายกฟ้อง โดยไม่จำต้องวินิจฉัยฟ้องแย้งของจำเลย หรือหากฟังว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาจึงอาจจะยกฟ้องแย้งของจำเลยขึ้นพิจารณาต่อไปฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นฟ้องแย้งที่อาศัยเหตุต่างกันกับฟ้องเดิมเป็นฟ้องแย้งที่ไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมเป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไข ไม่อาจรวมพิจารณาชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5416/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งต้องเป็นเรื่องเดียวกันกับฟ้องเดิม แม้ทรัพย์สินจะอยู่ในบริเวณเดียวกัน แต่หากเหตุแห่งการฟ้องต่างกัน ศาลไม่รับฟ้องแย้ง
แม้ทรัพย์ที่พิพาทกันทั้งฟ้องเดิมและฟ้องแย้งจะเป็นทรัพย์ที่อยู่ในบริเวณเดียวกันก็ตาม แต่โจทก์และจำเลยอาศัยมูลเหตุให้ใช้สิทธิเรียกร้องเพื่อให้ปฏิบัติตามฟ้องและฟ้องแย้งต่างกัน กล่าวคือโจทก์อาศัยเหตุจากการที่เจ้าของที่ดินเดิมปลูกสร้างกันสาดและพื้นคอนกรีตรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลยโดยสุจริตและจำเลยขัดขวางการใช้ส่วนแห่งแดนกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ขอให้จำเลยรื้อถอนทรัพย์สินและจดทะเบียนภารจำยอม ส่วนจำเลยอาศัยเหตุจากการที่โจทก์ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญอันเป็นการกระทำละเมิดต่อจำเลยโดยตรง ขอให้รื้อถอนและขนย้ายทรัพย์สินออกไป ประเด็นในคดีตามฟ้องเดิมและฟ้องแย้งต่างกันฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นคนละเรื่องกับฟ้องเดิมของโจทก์
of 17