พบผลลัพธ์ทั้งหมด 15 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1922-1923/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเข้าไปในสถานการค้าประเวณีโดยไม่ปรากฏหลักฐานการค้าประเวณี ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ปรามการค้าประเวณี
ข้อเท็จจริงที่ปรากฏแต่เพียงว่าจำเลย (ทั้งสอง) ถูกจับในสถานการค้าประเวณีขณะที่กำลังคุยอยู่กับผู้ชาย โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยกระทำเพื่อการค้าประเวณีแล้ว ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยเข้าไปมั่วสุมในสถานการค้าประเวณีเพื่อการค้าประเวณีอันจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 5(3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 101/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมั่วสุมในสถานค้าประเวณีมีความผิดตาม พ.ร.บ.ปรามการค้าประเวณี แม้มิได้ค้าประเวณีเอง
โจทก์ฟ้องว่า เพื่อการค้าประเวณี จำเลยบังอาจเข้าไปมั่วสุมในบ้านเลขที่ 169 อันเป็นสถานค้าประเวณี ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2503 มาตรา 5 ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยเข้าไปในบ้านดังกล่าว อันเป็นสถานการค้าประเวณี หยอกล้อ กอดจูบ กับชายหลายคนร่วมกับหญิงอื่นในห้องที่ปิดประตู พอตำรวจไปจับกุม จำเลยก็หลบไปซ่อนในห้องลับกับหญิงที่มั่วสุมค้าประเวณี ดังนี้ฟังได้ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการเข้าไปมั่วสุมเพื่อการค้าประเวณีอันเป็นความผิดตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2503 มาตรา 5 แล้ว โจทก์ไม่จำเป็นต้องสืบให้ได้ความว่าจำเลยเคยค้าประเวณี สำส่อนเพื่อสินจ้างมาก่อน เพราะโจทก์มิได้ฟ้องและขอให้ลงโทษจำเลยในฐานทำการค้าประเวณีด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 101/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มั่วสุมค้าประเวณี ไม่ต้องมีหลักฐานการค้าบริการทางเพศ
การกระทำของหญิงที่เข้าหยอกล้อกอดจูบกับชายหลายคนในห้องที่ปิดประตูในสถานการค้าประเวณี เป็นผิดฐานมั่วสุมเพื่อการค้าประเวณีแล้ว ไม่จำเป็นต้องได้ความว่าหญิงนั้นเคยค้าประเวณีสำส่อนเพื่อสินจ้างมาก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22132/2555
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดกรรมเดียวความผิดหลายบท วัตถุระเบิดพยายามฆ่า และการพิจารณาองค์ประกอบความผิดฐานมั่วสุม
การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองแล้วใช้วัตถุระเบิดดังกล่าวกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 288 ประกอบมาตรา 81 ถือว่าเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท หาใช่เป็นความผิดหลายกรรมไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 986/2564
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมั่วสุมปิดกั้นทางหลวงและข่มขืนใจผู้อื่น ศาลฎีกาแก้ไขโทษกระทงความผิด
วันเกิดเหตุจำเลยทั้งสองและกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 100 คน ปิดกั้นถนนสายอุดรธานี - วังสะพุง และทำการตรวจค้นรถยนต์ทุกคันที่แล่นผ่านมายังบริเวณที่เกิดเหตุ เพื่อค้นหาเจ้าพนักงานตำรวจ และเจ้าหน้าที่ทหารที่กำลังเดินทางไปสับเปลี่ยนกำลังพลควบคุมฝูงชนที่กรุงเทพมหานคร ผู้เสียหายทั้งสามขับและนั่งมาในรถยนต์ เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุก็ถูกผู้ชุมนุมขอทำการตรวจค้น แต่ผู้เสียหายทั้งสามไม่ยินยอมจึงถูกผู้ชุมนุมปล่อยลมยางล้อรถและโยกรถยนต์ไปมา ทำให้ผู้เสียหายทั้งสามกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกายหรือทรัพย์สิน จึงยอมให้ตรวจค้นรถยนต์ ทั้งนี้มีจำเลยที่ 1 เป็นแกนนำในการชุมนุม จำเลยที่ 2 ใช้โทรโข่งพูดสั่งการให้ผู้ชุมนุมทำการตรวจค้นรถยนต์ทุกคัน เจ้าพนักงานตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองขอให้จำเลยที่ 1 ยุติการชุมนุม แต่จำเลยที่ 1 ปฏิเสธ พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดฐานร่วมกันเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป กระทำให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ฐานร่วมกันขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ฐานร่วมกันกระทำการปิดกั้นทางหลวง และฐานร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น แต่การกระทำของจำเลยทั้งสองกับพวกดังกล่าวเป็นการกระทำโดยมีเจตนาจะสกัดกั้นเจ้าพนักงานตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหารไม่ให้เคลื่อนย้ายกำลังพลไปปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชนที่กรุงเทพมหานคร การที่จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันตรวจค้นรถยนต์ในลักษณะเป็นการข่มขืนใจผู้เสียหายทั้งสาม จึงเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปเพื่อกระทำให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นกรรมเดียว ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและพิพากษาแก้ไขให้ถูกต้องได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225