คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
มาตรา 148

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 25 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5286/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 กรณีประเด็นกรรมสิทธิ์ที่พิพาทซ้ำกับคดีก่อนถึงที่สุด
คดีก่อนจำเลยฟ้องขับไล่ ย.กับบริวารออกจากที่พิพาทศาลพิพากษาให้จำเลยชนะคดีแล้ว จำเลยขอให้ศาลบังคับคดีแก่โจทก์อ้างว่าเป็นบริวารของย.และปลูกบ้านในที่พิพาท โจทก์ต่อสู้ว่าโจทก์ปลูกบ้านอยู่ในที่ชายทะเลนอกที่พิพาท โจทก์จำเลยย่อมอยู่ในฐานะเป็นคู่ความ ศาลไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้โจทก์ขนย้ายออกไปจากที่พิพาท คดีถึงที่สุด โจทก์ฟ้องตั้งรูปคดีเช่นเดิมว่าที่ดินที่ปลูกสร้างบ้านเป็นที่ชายทะเลอยู่นอกเขตโฉนดของจำเลย ขอให้เพิกถอนคำพิพากษาตลอดจนกระบวนพิจารณาในชั้นบังคับคดีของศาลในคดีก่อนเห็นได้ว่าคดีก่อนและคดีนี้โจทก์จำเลยเป็นคู่ความเดียวกันและมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องกรรมสิทธิ์ที่พิพาทเช่นเดียวกันจึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 และกรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 148(1) ซึ่งต้องเป็นกระบวนพิจารณาชั้นบังคับคดีที่มิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 499/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อห้ามฟ้องซ้ำประเด็นภารจำยอม: มาตรา 148 ว.พ.พ.
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยและศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ต่อมาโจทก์ฟ้องคดีนี้ขอให้บังคับให้จำเลยจัดการจดทะเบียนสิทธิภารจำยอมดังกล่าว คดีจึงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีก่อน คือทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมหรือไม่กรณีจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 มิให้โจทก์รื้อร้องฟ้องในประเด็นตามคำขอท้ายฟ้องในคดีนี้ซึ่งโจทก์อาจมีคำขอได้อยู่แล้วในคดีก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2461/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องขัดทรัพย์ซ้ำหลังคำสั่งถึงที่สุด ถือเป็นการฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
การที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องในคราวก่อนเพราะผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบ และคำสั่งนั้นได้ถึงที่สุดแล้วนั้น ผู้ร้องย่อมไม่มีสิทธิมาร้องขัดทรัพย์ใหม่ ถือเป็นการฟ้องซ้ำอันต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 148 (1) เพราะการร้องขัดทรัพย์ มาตรา 288 บัญญัติให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเหมือนคดีธรรมดา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2461/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องขัดทรัพย์ซ้ำหลังคำสั่งถึงที่สุด ถือเป็นการฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
การที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง ในคราวก่อนเพราะผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบ และคำสั่งนั้นได้ถึงที่สุดแล้วนั้น ผู้ร้องย่อมไม่มีสิทธิมาร้องขัดทรัพย์ใหม่ ถือเป็นการฟ้องซ้ำอันต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 148(1) เพราะการร้องขัดทรัพย์ มาตรา 288บัญญัติให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเหมือนอย่างคดีธรรมดา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1706/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องหย่าซ้ำหลังคดีถึงที่สุดแล้วเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 148
เดิมจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นภริยาฟ้องว่า โจทก์ซี่งเป็นสามีทิ้งร้าง ขอให้ศาลพิพากษาให้หย่า ศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้หย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากัน คดีถึงที่สุดแล้ว ดังนี้ โจทก์จะมารื้อร้องฟ้องให้หย่าจากกันอีกไม่ได้ ไม่ว่าจะอ้างมูลเหตุใด ต้องห้าม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 643/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: เจ้าของรวมใช้สิทธิแทนกันได้ หากประเด็นข้อพิพาทเหมือนเดิม คดีต้องห้ามตามมาตรา 148
จำเลยเคยฟ้อง ร. เจ้าของรวมที่พิพาทคนหนึ่งหาว่าบุกรุกที่ดินและในคดีดังกล่าว ร. ได้อ้างสิทธิความเป็นเจ้าของรวมขึ้นเป็นข้อต่อสู้ จึงถือได้ว่าเป็นการใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์เพื่อต่อสู้กับจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกแทนโจทก์และโจทก์ร่วมในคดีนี้(ในฐานะเจ้าของรวม) ด้วยการที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำคดีนี้ซึ่งมีประเด็นข้อโต้เถียงอย่างเดียวกันกับคดีที่จำเลยเป็นโจทก์ฟ้อง ร. ในคดีก่อนว่าที่พิพาทเป็นของฝ่ายใดมาฟ้อง เท่ากับเป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 580/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: คดีเรียกค่าชดใช้ตามกรมธรรม์ประกันภัยจากอุบัติเหตุเดียวกัน แม้ผู้เสียหายต่างรายกัน ก็เป็นฟ้องซ้ำตามมาตรา 148
โจทก์เอาประกันภัยรถยนต์ไว้กับจำเลย สำหรับความเสียหายอันเกิดแก่ทรัพย์สินของบุคคลอื่นโดยรถยนต์นั้น ในวงเงินไม่เกิน 50,000 บาทต่อมาลูกจ้างของโจทก์ขับรถยนต์ดังกล่าวชนผู้อื่นบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายคน โจทก์ถูกผู้เสียหายฟ้องและได้ใช้ค่าเสียหายไปแล้วบางรายโจทก์จึงฟ้องให้จำเลยชำระเงินค่าเสียหายที่โจทก์จ่ายไปแล้ว ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน จำเลยยอมใช้เงินให้โจทก์ 29,000 บาท คดีถึงที่สุด โจทก์มาฟ้องให้จำเลยรับผิดสำหรับค่าเสียหายที่โจทก์จ่ายให้แก่ผู้เสียหายที่ถูกรถของโจทก์ชนเป็นคดีนี้อีก ดังนี้ แม้จำนวนเงินค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องในคดีนี้บางส่วนจะเป็นเงินที่โจทก์ชำระให้แก่ผู้เสียหายต่างรายกันกับผู้เสียหายในคดีก่อนก็ตามแต่ก็เป็นคดีที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินชดใช้ตามกรมธรรม์ ซึ่งมีประเด็นวินิจฉัยเป็นอย่างเดียวกันว่าโจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชดใช้เงินได้เพียงไรหรือไม่ และศาลต้องวินิจฉัยถึงความรับผิดของจำเลยโดยอาศัยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอุบัติเหตุรายเดียวกัน อาศัยกรมธรรม์ฉบับเดียวกัน ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำเรื่องแบ่งสินสมรส แม้ทรัพย์ต่างกัน หากประเด็นและเหตุวินิจฉัยเดิมคล้ายกัน ถือฟ้องซ้ำตามมาตรา 148
คดีแรกจำเลยฟ้องโจทก์ขอหย่าและแบ่งสินสมรส ศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้วให้หย่า และแบ่งสินสมรสตามบัญชีทรัพย์สินท้ายฟ้องไปแล้ว ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีที่สองว่าที่พิพาทเป็นสินสมรสรวมอยู่ในโฉนดที่ดินสินสมรสแปลงหนึ่ง ซึ่งเจ้าหนี้ฟ้องบังคับจำนองขายทอดตลาดและโจทก์เป็นผู้ซื้อได้ ขอให้โอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทเป็นชื่อของโจทก์ ศาลวินิจฉัยว่า ที่พิพาทมิใช่ส่วนหนึ่งของที่ดินตามโฉนดที่เจ้าหนี้ฟ้องบังคับจำนอง ซึ่งโจทก์ซื้อมาพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้ว่าที่พิพาทเป็นสินสมรส ที่โจทก์จำเลยร่วมกันซื้อมาระหว่างสมรส ยังมิได้แบ่งในคดีแรก ขอแบ่ง ดังนี้ ฟ้องคดีหลังนี้อ้างเหตุคนละอย่างกับคดีที่สอง จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีที่สอง แต่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแรก เพราะแม้ทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องคดีหลังนี้จะเป็นคนละอย่างกับคดีแรก แต่เป็นการเรียกทรัพย์จากจำเลยมาแบ่งเป็นสินสมรสเช่นเดียวกัน เป็นประเด็นเดียวกับคดีแรก ซึ่งได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุเดียวกัน จึงต้องห้ามมิให้ฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
ปัญหาเรื่องฟ้องซ้ำ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้คู่ความจะมิได้ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นชี้ขาดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำเรื่องแบ่งสินสมรส แม้ทรัพย์ต่างกัน หากประเด็นข้อพิพาทเป็นเรื่องเดียวกันกับคดีก่อน ศาลต้องห้ามตามมาตรา 148
คดีแรกจำเลยฟ้องโจทก์ขอหย่าและแบ่งสินสมรส ศาลพิพากษาถึงที่สุดให้หย่าและแบ่งสินสมรสตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องไปแล้ว ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีที่สองว่าที่พิพาทเป็นสินสมรสรวมอยู่ในโฉนดที่ดินสินสมรสแปลงหนึ่งซึ่งเจ้าหนี้ฟ้องบังคับจำนองขายทอดตลาดและโจทก์เป็นผู้ซื้อได้ขอให้โอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทเป็นชื่อของโจทก์ศาลวินิจฉัยว่าที่พิพาทมิใช่ส่วนหนึ่งของที่ดินสินสมรสตามโฉนดที่เจ้าหนี้ฟ้องบังคับจำนอง ซึ่งโจทก์ซื้อมาพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้ว่าที่พิพาทเป็นสินสมรสที่โจทก์จำเลยร่วมกันซื้อมาระหว่างสมรสยังมิได้แบ่งในคดีแรกขอแบ่ง ดังนี้ ฟ้องคดีหลังนี้อ้างเหตุผลคนละอย่างกับคดีที่สอง จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีที่สอง แต่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแรก เพราะแม้ว่าทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องคดีหลังนี้จะเป็นคนละอย่างกับคดีแรกซึ่งโจทก์เป็นจำเลยแต่ไม่ได้ให้การหรือฟ้องแย้งแต่คดีนี้ก็เป็นการเรียกทรัพย์จากจำเลยมาแบ่งเป็นสินสมรสเช่นเดียวกัน เป็นประเด็นเดียวกับคดีแรกซึ่งได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน จึงต้องห้ามมิให้ฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148
ปัญหาเรื่องฟ้องซ้ำ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้คู่ความจะมิได้ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นชี้ขาดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1663/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานใช้อำนาจหน้าที่มิชอบเรียกรับเงินจากผู้เสียหาย แม้ไม่มีการข่มขืนใจโดยตรง ก็ถือเป็นความผิดตามมาตรา 148
การกระทำอันจะเป็นความผิดตามมาตรา 148 ประมวลกฎหมายอาญานั้น หาใช่จะต้องเป็นการข่มขืนใจให้ผู้ถูกข่มขืนใจกลัวแต่ประการเดียวไม่เพียงแต่มีการจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์หรือประโยชน์ก็เป็นความผิดแล้ว
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานโดยตำแหน่ง มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการตรวจสอบภาษีอากรตามร้านค้า แม้ตามระเบียบราชการก่อนตรวจสอบเกี่ยวกับภาษีอากรจำเลยจะต้องได้รับมอบหมายหรือรับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาก่อนก็ตามการที่จำเลยนัดหมายให้ผู้เสียหายไปพบจำเลยที่สถานที่ทำงานของจำเลยแล้วเอาบัตรสนเท่ห์กล่าวหาผู้เสียหาย ไม่ออกใบเสร็จรับเงินเสียภาษีให้รัฐบาลไม่ครบ ให้ผู้เสียหายดูแล้วเรียกร้องเอาเงินจากผู้เสียหาย ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยได้ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจให้ผู้อื่นมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์แก่ตนหรือผู้อื่นเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148
of 3