คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
มาตรา 218

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 23 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3101/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำพิพากษาเล็กน้อยของศาลอุทธรณ์ทำให้ฎีกาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ข้อหาความผิดฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 1 เดือน กับให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอื่นของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกคำขอที่ให้นับโทษต่อ เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 ส่วนข้อหาความผิดฐานฉ้อโกง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 ให้จำคุก 2 ปีกับให้จำเลยคืนเงินแก่ผู้เสียหายทั้งสี่ และให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอื่นของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โดยให้ยกคำขอที่ให้จำเลยคืนเงินแก่ผู้เสียหายบางคนกับให้ยกคำขอที่ให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอื่นส่วนบทมาตราที่จำเลยกระทำผิดและอัตราโทษจำคุกศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษเท่ากับศาลชั้นต้น เป็นการแก้ไขเล็กน้อย จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามบทกฎหมายดังกล่าวเช่นกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5503/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 218 ว.พ.พ. กรณีศาลอุทธรณ์พิพากษายืนหรือแก้ไขเล็กน้อยในความผิดเดิม
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 คนละ 1 ปี จำเลยที่ 3จำคุก 6 เดือนและจำเลยที่ 1 ที่ 2 มีความผิดฐานฉ้อโกงด้วยรวม 38 กระทง จำคุกกระทงละ 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ในความผิดฐานฉ้อโกงเป็นว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 มีความผิดฐานนี้ รวม 34 กระทง ลงโทษจำคุกกระทงละ 6 เดือน ส่วนความผิดที่เหลือ 4 กระทงวินิจฉัยว่าเป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานปลอมและใช้ เอกสารปลอมที่ศาลชั้นต้นลงโทษไปแล้ว เช่นนี้ เท่ากับว่าศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นในความผิดฐานปลอมและใช้ เอกสารปลอมและลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 ในความผิดฐานนี้ มีกำหนด 1 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา218 สำหรับความผิด ฐานฉ้อโกง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เพียง 4 กระทง ซึ่งเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ส่วนความผิดที่เหลือ 34 กระทง ศาลอุทธรณ์ยังคงพิพากษายืนและ ลงโทษจำเลยแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามบทกฎหมายดังกล่าวด้วยเช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1880/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: การโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้วถือเป็นฎีกาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า เมื่อจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้แทนบริษัทได้เซ็นเช็คสั่งจ่ายเงินโดยเจตนาจะมิให้มีการใช้เงินตามเช็ค ก็ต้องถือว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำผิดกับบริษัทด้วย และทุกครั้งที่เช็คของบริษัทขึ้นเงินไม่ได้ จำเลยที่ 2 จะชำระเงินให้ผู้เสียหายบางส่วนแล้วออกเช็คฉบับใหม่ให้ผู้เสียหายไว้สำหรับหนี้ส่วนที่เหลือตลอดมา การกระทำของจำเลยที่ 2 ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าจำเลยที่ 2 มีเงินชำระหนี้ให้แก่ผู้เสียหายได้ การที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าบริษัทเป็นผู้ออกเช็คพิพาทให้แก่ผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 เป็นเพียงตัวแทนทำในนามของบริษัท โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง และฎีกาว่าผู้เสียหายบีบบังคับให้บริษัทและจำเลยที่ 2 ออกเช็คโดยรู้อยู่แล้วว่าผู้สั่งจ่ายไม่มีความสามารถชำระเงินตามเช็คได้ฎีกาของจำเลยที่ 2 ดังกล่าว จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี คู่ความจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1880/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: โต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์รับฟังแล้วตามมาตรา 218
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า เมื่อจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้แทนบริษัทได้เซ็นเช็คสั่งจ่ายเงินโดยเจตนาจะมิให้มีการใช้เงินตามเช็ค ก็ต้องถือว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำผิดกับบริษัทด้วย และทุกครั้งที่เช็คของบริษัทขึ้นเงินไม่ได้ จำเลยที่ 2จะชำระเงินให้ผู้เสียหายบางส่วนแล้วออกเช็คฉบับใหม่ให้ผู้เสียหายไว้สำหรับหนี้ส่วนที่เหลือตลอดมา การกระทำของจำเลยที่ 2 ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าจำเลยที่ 2 มีเงินชำระหนี้ให้แก่ผู้เสียหายได้ การที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าบริษัทเป็นผู้ออกเช็คพิพาทให้แก่ผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 เป็นเพียงตัวแทนทำในนามของบริษัท โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง และฎีกาว่าผู้เสียหายบีบบังคับให้บริษัทและจำเลยที่ 2 ออกเช็คโดยรู้อยู่แล้วว่าผู้สั่งจ่ายไม่มีความสามารถชำระเงินตามเช็คได้ฎีกาของจำเลยที่ 2 ดังกล่าว จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลย 1ปี คู่ความจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3829/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีศุลกากร: ศาลฎีกาไม่รับฎีกาเนื่องจากเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงตามมาตรา 218
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ลงโทษปรับจำเลยเป็นเงิน284,487บาท60สตางค์คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4683/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 218 ว.พ.พ. เนื่องจากคดีมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีต่อกระทง และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเป็น 2 กระทงแต่ละกระทงมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เป็นคดีที่ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ฎีกาว่า จำเลยไม่มีเจตนาทำร้าย และไม่มีเจตนาที่จะขัดขวางการจับกุมของเจ้าพนักงาน กับฎีกาขอให้ลดโทษ และขอรอการลงโทษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหลังศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลล่าง: มาตรา 218 ว.พ.ก.ค.
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นโดยลงโทษปรับจำเลย 2,000 บาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยมีกำหนด 5 ปีนั้น คู่ความจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3912/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 218: ข้อโต้แย้งเรื่องพยานหลักฐานเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกัน ให้ลงโทษจำเลยฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่รับอนุญาต กระทงหนึ่ง จำคุก 5ปี กับฐานมีไม้หวงห้ามแปรรูปโดยไม่รับอนุญาต จำคุก 5 ปีอีกกระทงหนึ่ง คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จำเลยฎีกาว่าพยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักที่จะรับฟังและเชื่อถือได้ว่าจำเลย กระทำความผิด เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามโดยบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3912/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 218: ข้อโต้แย้งเรื่องพยานหลักฐานเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกัน ให้ลงโทษจำเลยฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่รับอนุญาต กระทงหนึ่ง จำคุก 5ปี กับฐานมีไม้หวงห้ามแปรรูปโดยไม่รับอนุญาต จำคุก 5 ปีอีกกระทงหนึ่ง คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จำเลยฎีกาว่าพยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักที่จะรับฟังและเชื่อถือได้ว่าจำเลย กระทำความผิด เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามโดยบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2188/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218: พิจารณาโทษรายกระทง
โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 นั้น หมายถึงโทษแต่ละกระทง มิใช่หมายถึงเอาโทษของแต่ละกระทงมารวมกัน
of 3