พบผลลัพธ์ทั้งหมด 27 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5470/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 และผลของกฎหมายใหม่
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224ที่แก้ไขใหม่โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง(ฉบับที่12)พ.ศ.2534ได้บัญญัติไว้ในมาตรา2ว่าให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด60วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปซึ่งพระราชบัญญัติดังกล่าวประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่27สิงหาคม2534ดังนั้นจึงมีผลบังคับตั้งแต่วันที่27ตุลาคม2534เป็นต้นไปการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นตั้งแต่วันที่27ตุลาคม2534เป็นต้นไปจึงต้องอยู่ภายใช้บังคับของมาตรา224ที่แก้ไขใหม่ด้วยแม้การยื่นฟ้องในศาลชั้นต้นจะได้ยื่นก่อนที่กฎหมายใหม่จะมีผลบังคับก็หาใช่สาระสำคัญไม่ทั้งการนำกฎหมายวิธีพิจารณาความมาใช้บังคับไม่ใช่กรณีลงโทษทางอาญาจึงไม่ต้องนำหลักกฎหมายไม่มีผลบังคับย้อนหลังมาใช้ โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินพิพาทเพื่อให้จำเลยที่2โอนที่ดินพิพาทคืนแก่จำเลยที่1หรือโจทก์ถือได้ว่าเป็นการฟ้องเรียกเอาที่ดินพิพาทมาเป็นของโจทก์ด้วยนั่นเองซึ่งถ้าศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโจทก์ย่อมได้ที่ดินพิพาทจึงเป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ทั้งกรณีตามคำฟ้องโจทก์ก็ไม่ได้พิพาทกันเกี่ยวกับสิทธิในครอบครัวแต่อย่างใดคดีโจทก์จึงต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4719/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทุนทรัพย์คดีแพ่ง: การคำนวณค่าเสียหายในอนาคตไม่รวมในทุนทรัพย์ชั้นอุทธรณ์ ทำให้ต้องห้ามอุทธรณ์ตามมาตรา 224 วรรคหนึ่ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเสียหายที่คิดถึงวันฟ้องให้โจทก์10,000บาทเมื่อรวมกับราคาที่ดินพิพาทอีก30,000บาทคดีจึงมีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์40,000บาทส่วนค่าเสียหายปีละ40,000บาทที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระแก่โจทก์หลังจากวันฟ้องนั้นเป็นค่าเสียหายในอนาคตจะนำไปรวมเป็นทุนทรัพย์ชั้นอุทธรณ์ด้วยไม่ได้คดีจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2896/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามมาตรา 224 พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความแพ่ง คดีขับไล่และกรรมสิทธิ์ที่ดิน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาทที่เช่าและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจำเลยให้การว่าโจทก์ขายที่ดินพิพาทให้ม.ไปแล้วโจทก์หลอกลวงให้ม.กับจำเลยลงชื่อในสัญญาเช่าโดยไม่บรรยายว่าจำเลยมีกรรมสิทธิ์รวมอยู่ด้วยกรณีจึงมิได้ต่อสู้กรรมสิทธิ์ว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยหากแต่เป็นของบุคคลอื่นโจทก์จำเลยจึงมิได้พิพาทกันในกรรมสิทธิ์ที่ดินไม่เป็นคดีมีทุนทรัพย์แต่เป็นคดีฟ้องขับไล่เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าที่ดินพิพาทในขณะยื่นคำฟ้องมีค่าเช่าไม่เกินเดือนละ4,000บาทศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นของม.ภรรยาจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องโจทก์อุทธรณ์ว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์จำเลยกับภรรยาครอบครองยังไม่ครบ10ปีแม้จะครอบครองเกินกว่า10ปีก็ครอบครองโดยอาศัยสิทธิของโจทก์โจทก์มีอำนาจฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ดังกล่าวมีลักษณะเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายเรื่องอำนาจฟ้องถือเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2547/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมีทุนทรัพย์จำกัด การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้ามตามมาตรา 224 วรรคหนึ่ง แม้มีคำขอให้รื้อถอนรั้ว
โจทก์ฟ้องว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์จำเลยสร้างรั้วรุกล้ำเข้ามาขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนรั้วออกไปจากที่ดินพิพาทของโจทก์จำเลยให้การว่าจำเลยกั้นรั้วตามแนวเขตที่ดินของจำเลยที่จำเลยได้กรรมสิทธิ์มาโดยการครอบครองปรปักษ์เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ที่ดินพิพาทราคา9,600บาทแม้จะมีคำขอให้จำเลยรื้อถอนรั้วที่รุกล้ำออกไปจากที่ดินพิพาทด้วยก็ตามแต่ประเด็นสำคัญของคดีอยู่ที่ว่าที่ดินพิพาทเป็นของใครส่วนคำขอให้รื้อถอนรั้วออกไปเป็นผลต่อเนื่องในเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเท่านั้นถือไม่ได้ว่าเป็นคดีมีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้แยกกันได้จากคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์อย่างเดียวเมื่อราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ไม่เกินห้าหมื่นบาทจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดสิทธิอุทธรณ์คดีเช่า: การโต้แย้งข้อเท็จจริงแตกต่างจากศาลชั้นต้นต้องห้ามตามมาตรา 224
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสองพันบาท จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์หรือมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายของข้อความในสัญญาเช่าต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่ากรณีที่จำเลยก่อสร้างต่อเติมตึกแถวพิพาทที่เช่าจากโจทก์ ก็เพื่อความสะดวกในการอยู่อาศัยและทำการค้าของจำเลยเอง ถือไม่ได้ว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษกว่าสัญญาเช่าธรรมดา จำเลยอุทธรณ์ว่าที่โจทก์ยินยอมให้จำเลยก่อสร้างต่อเติมตึกแถวพิพาท ก็เพื่อให้ตึกแถวพิพาทซึ่งมีลักษณะชำรุดทรุดโทรมมากให้มีลักษณะกลับคืนดีขึ้นใหม่ จึงเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา เป็นการโต้เถียงเกี่ยวกับการก่อสร้างต่อเติมตึกแถวพิพาทว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา โดยอ้างข้อเท็จจริงแตกต่างไปจากที่ศาลชั้นต้นรับฟังมา จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1859/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกานี้วินิจฉัยว่าการอุทธรณ์ประเด็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับกรรมสิทธิ์และข้อสัญญาเช่าเป็นการต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยที่ 1 ผู้เช่า จำเลยที่ 2 บริวารของ ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นฟ้องไม่เกิน เดือนละสองพันบาท จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยทั้งสอง และที่อ้างว่าตามสัญญาเช่า ข้อ 6บิดาโจทก์ได้ให้คำมั่นไว้ว่า หากบิดาโจทก์จะขายที่พิพาทจะต้องแจ้งให้จำเลยทั้งสองทราบ เพื่อให้โอกาสได้ซื้อก่อน นั้น ก็มิใช่การยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่าที่จะก่อให้เกิดสิทธิอยู่บนอสังหาริมทรัพย์นั้น จึงต้องห้ามมิให้ คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองที่ว่า ศาลชั้นต้นสมควรสืบพยาน โจทก์จำเลยเสียก่อนเพื่อที่จะได้วินิจฉัยแปลความสัญญาเช่า ข้อ 6 ว่าโจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองหรือไม่นั้นเป็นการโต้เถียง ดุลพินิจของศาลชั้นต้นในการที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจมีคำสั่ง งดสืบพยานของคู่ความในข้อนี้อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนอุทธรณ์ ที่ว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่พิพาท และตัวบ้านพิพาทของจำเลยทั้งสอง ในส่วนด้านหน้าหรือทั้งหมดปลูกอยู่ในรัศมีของถนน ไม่ได้เช่า จากใครนั้น ก็เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังข้อเท็จจริง ของศาลชั้นต้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริงเช่นกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4951/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามมาตรา 224 พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความแพ่ง และการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยส่งมอบที่ดินพร้อมอาคารพิพาท กับเรียกค่าเช่าและค่าเสียหายซึ่งขณะยื่นฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละสองพันบาท จำเลยมิได้ให้การกล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ดังนี้ ที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยเกี่ยวกับดุลพินิจของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องอันเป็น อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 การที่โจทก์ฎีกาเรื่องนี้ขึ้นมาอีก จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2886/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดสิทธิอุทธรณ์คดีขับไล่ - ปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ตามมาตรา 224
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งขณะยื่นฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละสองพันบาท จำเลยมิได้กล่าวแก้ข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ ทั้งไม่มีประเด็นเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลย การที่จำเลยอุทธรณ์อ้างว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีโดยถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบและให้สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวเป็นการไม่ชอบ ทั้งมีสัญญาต่างตอบแทนระหว่างผู้ให้เช่ากับจำเลย โจทก์บอกเลิกการเช่าโดยมิชอบและค่าเสียหายของ โจทก์ไม่ถึงจำนวนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นนั้น เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2886/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีขับไล่และการบอกเลิกสัญญาเช่า ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งขณะยื่นฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละสองพันบาท จำเลยมิได้กล่าวแก้ข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ทั้งไม่มีประเด็นเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลย การที่จำเลยอุทธรณ์อ้างว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีโดยถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบและให้สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวเป็นการไม่ชอบ ทั้งมีสัญญาต่างตอบแทนระหว่างผู้ให้เช่ากับจำเลย โจทก์บอกเลิกการเช่าโดยมิชอบและค่าเสียหายของโจทก์ไม่ถึงจำนวนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นนั้นเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4096/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายที่จำกัดตามค่าเช่าอาคาร ทำให้ต้องห้ามอุทธรณ์ตามมาตรา 224
การที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากอาคารพิพาท และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 20,000 บาทนั้น เมื่อโจทก์เรียกค่าเสียหายมาเป็นส่วนหนึ่งของการฟ้องขับไล่ มิได้เรียกมาอย่างเอกเทศในข้อหาอื่น และขณะยื่นคำฟ้องปรากฏว่าอาคารพิพาทมีค่าเช่าไม่ถึงเดือนละ 2,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
ในคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริง แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงให้ก็เป็นการไม่ชอบ ถือว่าข้อเท็จจริงดังกล่าวมิใช่ข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 เช่นเดียวกับฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์
แม้จำเลยจะได้ทำสัญญาเช่าอาคารพิพาทกับเจ้าของอาคารซึ่งได้เลิกสัญญาเช่ากับโจทก์แล้วก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยก่อนที่จำเลยจะทำสัญญาเช่ากับเจ้าของอาคารโดยขณะนั้นโจทก์ยังเป็นผู้เช่าอาคารพิพาทอยู่จำเลยจึงหาอาจยกสัญญาเช่าของจำเลยมาเป็นข้อต่อสู้ไม่ยอมออกจากอาคารพิพาทที่จำเลยอาศัยอยู่โดยสิทธิของโจทก์ได้ไม่.
ในคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริง แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงให้ก็เป็นการไม่ชอบ ถือว่าข้อเท็จจริงดังกล่าวมิใช่ข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 เช่นเดียวกับฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์
แม้จำเลยจะได้ทำสัญญาเช่าอาคารพิพาทกับเจ้าของอาคารซึ่งได้เลิกสัญญาเช่ากับโจทก์แล้วก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยก่อนที่จำเลยจะทำสัญญาเช่ากับเจ้าของอาคารโดยขณะนั้นโจทก์ยังเป็นผู้เช่าอาคารพิพาทอยู่จำเลยจึงหาอาจยกสัญญาเช่าของจำเลยมาเป็นข้อต่อสู้ไม่ยอมออกจากอาคารพิพาทที่จำเลยอาศัยอยู่โดยสิทธิของโจทก์ได้ไม่.