คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
มูลนิธิ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 42 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้ที่ดินแก่ มูลนิธิที่ยังมิได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล: สัญญาเป็นโมฆะ เจ้าพนักงานเพิกถอนได้
มูลนิธิที่เพียงแต่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้ง ยังมิได้จดทะเบียนไม่เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายที่จะรับการให้ได้ขณะรับการให้มูลนิธิไม่เป็นนิติบุคคลกลับอ้างว่าเป็นนิติบุคคลย่อมถือว่า เป็นการให้ที่ผู้ให้สำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรมจึงทำให้นิติกรรมเป็นโมฆะเมื่อเป็นโมฆะแล้วผู้ว่าราชการจังหวัดจำเลยที่ 1 และรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ 2ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้ได้รับเรื่องราวตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ย่อมเพิกถอนการจดทะเบียนนิติกรรมให้ได้โดยไม่จำต้องให้จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ให้ไปฟ้องร้องเพื่อเพิกถอนการให้ก่อน เมื่อคำสั่งเพิกถอนการให้ชอบแล้วจำเลยที่ 1 และที่ 2 ย่อมออกใบแทนและจดรายการเพิกถอนการให้ไว้ ในสารบัญโฉนดที่ดินได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้ที่ดินแก่มูลนิธิที่ยังไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเป็นโมฆะ เจ้าพนักงานที่ดินเพิกถอนการจดทะเบียนได้
มูลนิธิที่จะเป็นนิติบุคคลได้ต้องเป็นมูลนิธิที่ได้รับจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้วเมื่อขณะรับการให้มูลนิธิผู้รับโอนยังไม่เป็นนิติบุคคลย่อมถือว่าเป็นการให้ที่ผู้โอนให้สำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรมทำให้นิติกรรมการให้เป็นโมฆะจำเลยที่1และที่2ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้ได้รับเรื่องราวตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา61ย่อมเพิกถอนการจดทะเบียนนิติกรรมการให้ได้หาจำต้องให้ผู้โอนให้ไปฟ้องร้องเพื่อเพิกถอนการให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยการเพิกถอนการให้ก่อนไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7577/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องกรณีเงินบริจาคเพื่อจัดตั้งมูลนิธิยังไม่จดทะเบียน
โจทก์เป็นประธานกรรมการและเลขานุการจัดตั้งมูลนิธิ น.พระครู ส.ในฐานะเจ้าอาวาสวัดจำเลยได้ยืมเงินจำนวน 150,000 บาท ซึ่งเป็นเงินที่ประชาชนผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเพื่อจัดตั้งมูลนิธิ น.ไปจากโจทก์ ดังนี้ แม้มูลนิธิ น.จะยังไม่ได้จดทะเบียนก่อตั้งให้สมบูรณ์ และเงินที่พระครู ส.ขอยืมไปเป็นเงินที่ได้รับบริจาคเพื่อจัดตั้งมูลนิธิ น. มิใช่เงินของโจทก์ก็ตาม แต่เงินจำนวนดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของโจทก์ หากมูลนิธิ น.ได้จดทะเบียนก่อตั้งสมบูรณ์ตามกฎหมายโจทก์มีหน้าที่จะต้องส่งมอบคืนให้แก่มูลนิธิ น. ดังนั้นเมื่อโจทก์ต้องรับผิดชอบชดใช้เงินคืน ทั้งได้ทวงถามแล้ว พระครู ส.ไม่ยอมชดใช้ ย่อมเป็นการกระทบกระเทือนสิทธิของโจทก์ ถือว่าโจทก์ถูกจำเลยโต้แย้งสิทธิ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6207/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบริจาคที่ดินเพื่อก่อตั้งมูลนิธิ: ที่ดินตกเป็นของมูลนิธิเมื่อได้รับอนุมัติ
โจทก์ทำหนังสือบริจาคที่ดินพิพาทเพื่อเป็นกองทุนในการก่อตั้งมูลนิธิโลกุตรธรรมประทีป และมูลนิธิดังกล่าวจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเมื่อวันที่ 4กุมภาพันธ์ 2531 ที่ดินพิพาทจึงเป็นทรัพย์สินอันจัดสรรไว้เป็นแผนก ตาม ป.พ.พ.มาตรา 81 เดิม ซึ่งตรงกับมาตรา 110 ซึ่งตรวจชำระใหม่และย่อมตกเป็นของมูลนิธิตั้งแต่เวลาที่รัฐบาลให้อำนาจเป็นต้นไปตามมาตรา 87 เดิม ซึ่งตรงกับมาตรา 121 ซึ่งตรวจชำระใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6207/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบริจาคที่ดินเพื่อก่อตั้งมูลนิธิ: ที่ดินตกเป็นของมูลนิธิเมื่อจดทะเบียน
โจทก์ทำหนังสือบริจาคที่ดินพิพาทเพื่อเป็นกองทุนในการก่อตั้งมูลนิธิโลกุตรธรรมประทีป และมูลนิธิดังกล่าวจะทะเบียนเป็นนิติบุคคลเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2531ที่ดินพิพาทจึงเป็นทรัพย์สินอันจัดสรรไว้เป็นแผนกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 81 เดิมซึ่งตรงกับมาตรา 110 ซึ่งตรวจชำระใหม่และย่อมตกเป็นของมูลนิธิตั้งแต่เวลาที่รัฐบาลให้อำนาจเป็นต้นไปตามมาตรา 87 เดิม ซึ่งตรงกับมาตรา 121 ซึ่งตรวจชำระใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6207/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบริจาคที่ดินเพื่อก่อตั้งมูลนิธิ: ที่ดินตกเป็นของมูลนิธิเมื่อจดทะเบียน
โจทก์ทำหนังสือบริจาคที่ดินพิพาทเพื่อเป็นกองทุนในการก่อตั้งมูลนิธิโลกุตรธรรมประทีป และมูลนิธิดังกล่าวจะทะเบียนเป็นนิติบุคคลเมื่อวันที่4กุมภาพันธ์2531ที่ดินพิพาทจึงเป็นทรัพย์สินอันจัดสรรไว้เป็นแผนกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา81เดิมซึ่งตรงกับมาตรา110ซึ่งตรวจชำระใหม่และย่อมตกเป็นของมูลนิธิตั้งแต่เวลาที่รัฐบาลให้อำนาจเป็นต้นไปตามมาตรา87เดิมซึ่งตรงกับมาตรา121ซึ่งตรวจชำระใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1476/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงไม่แบ่งมรดกเพื่อจัดตั้งมูลนิธิ: ความชอบธรรมตามกฎหมาย
ที่พิพาทเป็นมรดกของบิดาโจทก์และจำเลย โจทก์จำเลยและทายาททุกคนได้ตกลงกันจะไม่ให้มีการแบ่งที่พิพาททั้งแปลงและวัตถุประสงค์ของโจทก์จำเลยกับทายาททุกคนที่จะไม่ให้มีการแบ่งที่พิพาทเพื่อจุดประสงค์ในการตั้งมูลนิธิหรือสมาคมของบิดามารดาก็มีลักษณะเป็นการถาวร โจทก์จึงขอแบ่งที่พิพาทไม่ได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1363 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1476/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงไม่แบ่งมรดกเพื่อจัดตั้งมูลนิธิ: ศาลยืนตามข้อตกลงเดิม แม้มีการเปลี่ยนแปลงผู้รับโอน
ที่พิพาทเป็นมรดกของบิดาโจทก์และจำเลย โจทก์จำเลยและทายาททุกคนได้ตกลงกันจะไม่ให้มีการแบ่งที่พิพาททั้งแปลงและวัตถุประสงค์ของโจทก์จำเลยกับทายาททุกคนที่จะไม่ให้มีการแบ่งที่พิพาทเพื่อจุดประสงค์ในการตั้งมูลนิธิหรือสมาคมของบิดามารดาก็มีลักษณะเป็นการถาวร โจทก์จึงขอแบ่งที่พิพาทไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1363 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3500/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งกรรมการมูลนิธิ: การดำเนินคดีไม่มีข้อพิพาทและสิทธิในการคัดค้านคำสั่งศาล
การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการมูลนิธิขึ้นใหม่โดยอ้างว่ามูลนิธิไม่มีคณะกรรมการดำเนินงาน และไม่อาจดำเนินการใด ๆ ได้หากปล่อยให้คณะกรรมการว่างเนิ่นนานไปจะเกิดความเสียหายแก่มูลนิธินั้นเป็นการใช้สิทธิทางศาลตาม ป.วิ.พ.มาตรา 55 และเป็นการดำเนินคดีอย่างคดีไม่มีข้อพิพาทตามมาตรา 188ซึ่งมิได้มีบทบัญญัติให้ต้องมีการส่งหมายและสำเนาคำร้องขอให้แก่ผู้ใด การที่ศาลเพียงแต่ประกาศคำร้องขอในหน้าหนังสือพิมพ์และไต่สวนคำร้องหลังจากครบกำหนด 15 วัน จึงเป็นการชอบแล้ว ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งกรรมการมูลนิธิขึ้นใหม่ผู้คัดค้านสามารถที่จะร้องคัดค้านได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 188(4)แต่เมื่อผู้คัดค้านมิได้คัดค้านจนศาลไต่สวนกับมีคำสั่งตามที่ผู้ร้องขอและคดีถึงที่สุด ผู้คัดค้านไม่มีสิทธิร้องขอเพิกถอนคำสั่งศาลได้ เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้สิทธิผู้ร้องเช่นนั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1869/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการมูลนิธิผิดพลาดและการถอดถอนประธานกรรมการ กรณีไม่เรียกประชุมและละเลยหน้าที่ตามตราสาร
ผู้คัดค้านเป็นประธานกรรมการและผู้จัดการมูลนิธิ เมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับการย้ายทรัพย์สินและที่ทำการของมูลนิธิคณะกรรมการมูลนิธิจำนวน 4 คน ได้มีหนังสือขอให้ผู้คัดค้านเรียกประชุมวิสามัญ แต่ผู้คัดค้านไม่ยอมเรียกประชุมและเมื่อคณะกรรมการมูลนิธิมีหนังสือถึงนายทะเบียนมูลนิธิขอให้แจ้งผู้คัดค้านเรียกประชุมผู้คัดค้านก็ตอบ ปฏิเสธ เมื่อกรรมการและเหรัญญิกของมูลนิธิถึงแก่กรรม ผู้คัดค้านก็ไม่เรียกประชุมกรรมการเพื่อแต่งตั้งเหรัญญิกคนใหม่ ทำให้การเบิกจ่ายเงินของมูลนิธิไม่สามารถทำได้ และเมื่อถึงคราวที่จะต้องเรียกประชุมสามัญประจำปีผู้คัดค้านก็ไม่เรียกประชุมตามตราสารของมูลนิธิ ทำให้เกิดข้อขัดข้องในการบริหารงานของมูลนิธิ พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการปฏิเสธการเรียกประชุมโดยไม่มีเหตุสมควรเป็นการจัดการผิดพลาด และเป็นการฝ่าฝืนข้อความแห่งตราสารก่อตั้งมูลนิธิ ผู้ร้องจึงมีสิทธิร้องขอให้ถอด ถอนผู้คัดค้านออกจากตำแหน่งได้ตามนัยแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 91.
of 5