คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยกคำร้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 46 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3720/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประวิงคดีด้วยการขอเลื่อนนัดซ้ำๆ ศาลมีอำนาจยกคำร้องได้
ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องของผู้คัดค้านทั้งห้าถึง4นัดในนัดที่สี่ผู้คัดค้านทั้งห้าไม่มาศาลคงมีแต่ทนายความผู้คัดค้านทั้งห้ามาแถลงขอเลื่อนคดีอ้างว่าผู้คัดค้านทั้งห้าติดพิธีกรรมทางศาสนาอิสลามทั้งเคยขอเลื่อนคดีมาถึง3นัดติดต่อกันแล้วและในนัดที่แล้วทนายผู้คัดค้านทั้งห้าก็แถลงว่าจะขอเลื่อนคดีเป็นนัดสุดท้ายพฤติการณ์เช่นนี้เป็นการไม่นำพาต่อกำหนดนัดของศาลจึงถือว่าเป็นการประวิงคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3431/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลในการไต่สวนคำร้องขอเป็นผู้จัดการทรัพย์สินเพื่อชำระหนี้ ศาลมีสิทธิยกคำร้องได้หากข้อกล่าวอ้างไม่น่าเชื่อถือ
คำร้องขอให้ตั้งผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์หรือการประกอบกิจการตามความใน ป.วิ.พ.มาตรา 307 ไม่มีกฎหมายบังคับว่าศาลจะต้องทำการไต่สวนคำร้องเสียก่อนแล้วจึงจะมีคำสั่งได้ การที่จะต้องไต่สวนตามคำร้องเสียก่อนแล้วจึงจะมีคำสั่งหรือไม่ ย่อมอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณาเห็นสมควรเป็นเรื่อง ๆ ไป
ตามคำร้องของจำเลยอ้างว่า ทรัพย์สินของจำเลยที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้นั้น จำเลยได้ใช้ประกอบกิจการหารายได้มีรายได้ประจำปีเพียงพอที่จะนำมาชำระหนี้ตามคำพิพากษารวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องร้องและการบังคับคดีได้ แต่ตามพฤติการณ์ในสำนวนปรากฏว่าจำเลยได้ผิดนัดชำระหนี้นับถึงวันที่จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลคิดเป็นเวลาได้ไม่ต่ำกว่า 5 ปี โดยในระหว่างนั้นไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ชำระหนี้หรือผ่อนชำระหนี้ให้แก่โจทก์แต่อย่างใด ทั้ง ๆ ที่ตามคำพิพากษาของศาลก็เปิดโอกาสให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ได้ จึงเป็นที่เห็นได้ว่าข้อกล่าวอ้างของจำเลยตามคำร้องเป็นเพียงการกล่าวอ้างลอย ๆ ศาลชอบที่จะสั่งยกคำร้องเสียได้โดยไม่จำต้องทำการไต่สวนตามคำร้องเสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 580/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจกรรมการและการถอนฟ้อง: ศาลชอบที่จะยกคำร้องเพิกถอนการถอนฟ้องเมื่อข้ออ้างขัดกับเอกสารทางทะเบียน
ตามคำร้องลงวันที่ 24 ตุลาคม 2534 ของโจทก์ขอให้เพิกถอน คำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้อง อ้างว่า พ.และท. ได้พ้นจากตำแหน่งกรรมการของโจทก์ตามมติของที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่8 กรกฎาคม 2534 แต่ตามหนังสือรับรองของนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทฯเอกสารท้ายฟ้อง ซึ่งออกเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2534 ปรากฏว่า พ.และท.ยังเป็นกรรมการของโจทก์อยู่ ทั้งในคำร้องของโจทก์ดังกล่าวก็หาได้อ้างว่าได้มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการของ โจทก์ภายหลังจากวันที่ 22 กรกฎาคม 2534 ไม่ เมื่อข้ออ้างตามคำร้อง ของโจทก์ที่ว่า พ.และท. พ้นจากตำแหน่งกรรมการของโจทก์ตั้งแต่วันที่8 กรกฎาคม 2534 ฟังไม่ได้เพราะขัดต่อหนังสือรับรองของ นายทะเบียนเช่นนี้แล้ว ศาลก็ชอบที่จะสั่งยกคำร้องของโจทก์ดังกล่าว เสียได้โดยไม่จำต้องไต่สวนเสียก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4910/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเป็นจำเลยอนาถา: ศาลไม่เห็นเหตุผลเพิ่มเติมจากที่เคยพิจารณา จึงยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของจำเลยในชั้นอุทธรณ์ที่ยื่นครั้งแรกแล้วฟังว่า จำเลยมีที่ดิน 1 แปลงเนื้อที่ 20 ไร่ แม้จำเลยจะอ้างว่านำที่ดินไปจำนองเป็นประกันหนี้และยังไม่มีเงินไถ่ คืน ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนยากจนที่ไม่อาจเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ จำเลยมิได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นคงยื่นคำร้องเพื่อให้ศาลอนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าเป็นคนยากจน แต่ข้ออ้างที่ขอให้ไต่สวนใหม่ปรากฏในคำร้องว่าเป็นเหตุเดียวกับที่อ้างไว้เดิม และศาลชั้นต้นวินิจฉัยไปแล้วทำให้เห็นว่าไม่น่าจะมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมแสดงให้เห็นฐานะของจำเลยนอกเหนือไปจากที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยไปแล้ว ดังนี้ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะมีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาคำขอใหม่ของจำเลยนั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4897/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคำร้องระงับการบังคับคดี: ศาลไม่จำเป็นต้องไต่สวนก่อนสั่งยกคำร้องหากพิจารณาแล้วไม่มีเหตุสมควร
การพิจารณาคำร้องของผู้ร้องว่าที่ดินและบ้านเรือนที่เจ้าพนักงานบังคับคดีให้จำเลยและบริวารออกไปนั้น เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องมิใช่กรรมสิทธิ์ของจำเลย ขอให้ระงับการบังคับคดีไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องทำการไต่สวนก่อน ที่ศาลชั้นต้นสั่งนัดพร้อมให้ผู้ร้อง โจทก์ จำเลยมาศาลก็เพื่อทำการพิจารณาสั่งคำร้องของผู้ร้อง และในวันนัดพร้อม หากศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่าคำร้องของผู้ร้องไม่สมควรอนุญาตตามคำร้องก็อาจยกคำร้องเสียได้ ซึ่งศาลชั้นต้นได้พิเคราะห์แล้วว่าคำร้องของผู้ร้องไม่มีเหตุที่จะอนุญาตตามคำร้อง จึงยกคำร้อง มิได้สั่งยกคำร้องเพราะเหตุผู้ร้องไม่มาศาล.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5011/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดไต่สวนคำร้องขอพิจารณาใหม่เนื่องจากจำเลยไม่นำพยานมาสืบพยาน และการยกคำร้องเนื่องจากเหตุผลที่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลย โดยอ้างเหตุว่า คำร้องของจำเลยมิได้คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลโดยละเอียดชัดแจ้งไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แม้จำเลยจะฎีกาคัดค้านในประเด็นดังกล่าวขึ้นมา แต่เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้งดไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยเพราะเห็นว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบด้วย และคำสั่งดังกล่าวชอบด้วยเหตุผลแล้ว เช่นนี้ ก็ไม่เป็นเหตุให้ศาลฎีกาหยิบยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยขึ้นไต่สวนต่อไปตามข้อฎีกาของจำเลยได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องฎีกาไม่ถูกต้องตามรูปแบบและขาดการโต้แย้งข้อเท็จจริง/ข้อกฎหมาย ศาลฎีกายกคำร้อง
ฟ้องฎีกาจำเลยไม่มีลายมือชื่อผู้เรียง เป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (7), 215, 225 ซึ่งจะต้องจัดการให้ถูกต้องเสียก่อน แต่เมื่อฎีกาจำเลยมิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายอย่างไรไว้โดยชัดเจน เพียงแต่อ้างว่ายังไม่ทราบเหตุผลที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษมาเท่านั้น เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคสอง, 195, 225 อันจะพึงรับไว้วินิจฉัย คดีจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้นเพื่อจัดการให้มีการลงชื่อผู้เรียงให้ถูกต้องศาลฎีกาพิพากษายกฎีกาจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องฎีกาไม่ถูกต้องตามรูปแบบและขาดการโต้แย้งเหตุผลศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกายกคำร้อง
ฟ้องฎีกาจำเลยไม่มีลายมือชื่อผู้เรียง เป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(7),215,225 ซึ่งจะต้องจัดการให้ถูกต้องเสียก่อน แต่เมื่อฎีกาจำเลยมิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายอย่างไรไว้โดยชัดเจน เพียงแต่อ้างว่ายังไม่ทราบเหตุผลที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษมาเท่านั้น เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคสอง,195,225 อันจะพึงรับไว้วินิจฉัย คดีจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้นเพื่อจัดการให้มีการลงชื่อผู้เรียงให้ถูกต้องศาลฎีกาพิพากษายกฎีกาจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2964/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องเลือกตั้งใหม่เคลือบคลุม ศาลฎีกายกคำร้องเนื่องจากขาดรายละเอียดข้อเท็จจริงที่ชัดเจน
พระราชบัญญัติการเลือกตั้งฯ มาตรา 79 ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง และมาตรา 1 (3) คำร้องที่ผู้ร้องขอให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ต้องอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 ด้วย
ผู้ร้องกล่าวในคำร้องแต่เพียงว่า ก. เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งในเขตอำเภอด่านขุนทดและอำเภอปักธงชัย ทำบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้งใหม่โดยไม่ชอบ เป็นเหตุให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งไม่ได้ ในเขตอำเภอด่านขุนทดประมาณ 6,164 คน และในเขตอำเภอปักธงชัยประมาณ 8,630 คน ข. เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งกรรมการตรวจคะแนนและเจ้าหน้าที่คะแนนในเขตอำเภอปากช่องและอำเภอสีคิ้วฝ่าฝืนกฎหมายอนุญาตให้ผู้เลือกตั้งซึ่งบัตรประจำตัวประชาชนหมดอายุเกินกว่า 60 วัน ลงคะแนนเลือกตั้ง และ ค.กรรมการเลือกตั้งเขตอำเภอด่านขุนทดบอกและจูงใจผู้เลือกตั้งให้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ผู้สมัครรับเลือกตั้งเลขหมายประจำตัว 10 และ 11 ผู้ร้องมิได้บรรยายข้อเท็จจริงให้แจ้งชัดว่าเจ้าพนักงานคนใดเป็นผู้กระทำการเช่นว่านั้นและได้กระทำการนั้นในหน่วยเลือกตังใด การที่ผู้ร้องกล่าวในคำร้องว่ามีการกระทำในเขตอำเภอด่านขุนทด อำเภอปักธงชัย อำเภอปากช่องและอำเภอสีคิ้วนั้น มิได้หมายความว่ามีการกระทำในทุกหน่วยเลือกตั้งในแต่ละอำเภอนั้น และผู้ร้องมิได้บรรยายว่าได้มีการบอกและจูงใจผู้ใดให้ลงคะแนนเลือกตั้งผู้รับสมัครเลือกตั้ง หมายเลข 10 และ 11 ส่วนคำร้องข้อ ง. นั้น ผู้ร้องกล่าวแต่เพียงว่า นายประสารใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งเกิน 350,000 บาท มิได้กล่าวถึงข้อเท็จจริงโดยแจ้งชัดว่า นายประสารใช้จ่ายในกิจการอย่างใด พอที่จะให้ผู้คัดค้านเข้าใจว่าค่าใช้จ่ายนั้นเป็นค่าใช้จ่ายในกิจการใด และเกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือไม่ ดังนี้ เห็นว่า คำร้องของผู้ร้องทุกข้อไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหานั้น จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกเฉยต่อการดำเนินคดีตามคำสั่งศาลทำให้ศาลมีอำนาจยกคำร้อง และไม่มีสิทธิยื่นคำร้องใหม่
ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องของจำเลยที่อ้างว่า ศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะจำเลยไม่เคยได้รับหมายนัดฟังคำพิพากษาดังกล่าว แต่จำเลยไม่นำส่งหมายนัดและสำเนาคำร้องดังกล่าวให้โจทก์ภายในกำหนดเวลาตามคำสั่งศาล ดังนี้เป็นกรณีที่จำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนด ศาลย่อมสั่งยกคำร้องได้
เมื่อศาลสั่งยกคำร้องดังกล่าวแล้ว จำเลยมิได้อุทธรณ์คำสั่งกลับยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนคำร้องฉบับแรกนั้นอีกอ้างว่าทนายของจำเลยทิ้งคดีไม่ดำเนินการตามที่ศาลสั่งและจำเลยอยู่ต่างจังหวัดดังนี้ไม่เป็นเหตุให้จำเลยยกเป็นข้ออ้างขอให้ศาลไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ศาลยกไปแล้วอีกได้ เพราะเป็นความผิดของฝ่ายจำเลยเองที่ไม่เอาใจใส่ในคดีของตนและจำเลยจะอ้างว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมก็ไม่ได้ เพราะต้องเป็นไปเพื่อคู่ความทั้งสองฝ่ายมิใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และต้องเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายด้วย
of 5