พบผลลัพธ์ทั้งหมด 20 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1890/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการยึดที่ดินของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในที่ดินที่มีผู้ซื้อรายอื่นยังไม่ได้จดทะเบียน
คำสั่งของศาลที่ได้สืบตัวจำเลยในฐานะเป็นพยานของโจทก์และจำเลยพร้อมกัน หลังจากที่โจทก์นำสืบพยานโจทก์คนอื่น ๆ หมดแล้วนั้น หาใช่คำสั่งที่ไม่ให้โจทก์อ้างจำเลยเป็นพยานไม่ แต่เป็นคำสั่งใช้ดุลพินิจสั่งตามหน้าที่ที่เป็นผู้ควบคุมการพิจารณาคดีให้รวดเร็วและเที่ยงธรรม เป็นคำสั่งที่ชอบแล้ว
การอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาซึ่งทำพร้อมกับการอุทธรณ์คำพิพากษา ชอบที่จะทำรวมกันมาในคำฟ้องอุทธรณ์หรือในคำแก้อุทธรณ์ฉบับเดียวกันแล้วแต่กรณี ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะวินิจฉัยปัญหาทั้งหมดนั้นรวมในคำพิพากษาฉบับเดียวกันได้ ไม่ขัดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 เพราะมาตรานี้ใช้สำหรับกรณีที่อุทธรณ์คำสั่ง โดยที่ศาลชั้นต้นได้ชี้ขาดตัดสินคดีแล้ว เท่านั้น
การที่คู่ความไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของศาลในเรื่องลำดับของการนำพยานเข้าสืบ จึงแถลงว่าไม่สืบพยานเช่นนี้ ไม่ใช่กรณีที่ศาลปฏิเสธไม่สืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(2)
การอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาซึ่งทำพร้อมกับการอุทธรณ์คำพิพากษา ชอบที่จะทำรวมกันมาในคำฟ้องอุทธรณ์หรือในคำแก้อุทธรณ์ฉบับเดียวกันแล้วแต่กรณี ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะวินิจฉัยปัญหาทั้งหมดนั้นรวมในคำพิพากษาฉบับเดียวกันได้ ไม่ขัดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 เพราะมาตรานี้ใช้สำหรับกรณีที่อุทธรณ์คำสั่ง โดยที่ศาลชั้นต้นได้ชี้ขาดตัดสินคดีแล้ว เท่านั้น
การที่คู่ความไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของศาลในเรื่องลำดับของการนำพยานเข้าสืบ จึงแถลงว่าไม่สืบพยานเช่นนี้ ไม่ใช่กรณีที่ศาลปฏิเสธไม่สืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1887/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินยังไม่สมบูรณ์จนกว่าจะจดทะเบียน การยึดที่ดินของผู้ขายย่อมชอบด้วยกฎหมาย
การซื้อขายที่ดินมีโฉนด แม้ผู้ซื้อจะชำระราคาเรียบร้อยและเข้าครอบครองที่ดินแล้วก็ตาม ถ้ายังไม่ได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ การซื้อขายย่อมยังไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ฉะนั้น ผู้ซื้อที่ดินโฉนดพิพาทส่วนหนึ่งตามกรณีข้างต้นนี้ย่อมไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยที่ดินส่วนของผู้ซื้อซึ่งถูกโจทก์เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ขายนำยึดบังคับชำระหนี้ เพราะแม้แต่การยึดที่ดินที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษากับผู้อื่นมีกรรมสิทธิ์รวมโดยยังไม่ได้แบ่งกันเป็นส่วนสัดนั้น เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาถึงยังมีสิทธิยึดได้ทั้งแปลง แต่คดีนี้ผู้ร้องยังไม่มีกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินที่โจทก์นำยึด จึงไม่มีสิทธิ์ร้องขัดทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1887/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินยังไม่สมบูรณ์หากยังมิได้จดทะเบียน การยึดที่ดินทำได้แม้มีเจ้าของร่วม
การซื้อขายที่ดินมีโฉนด แม้ผู้ซื้อจะชำระราคาเรียบร้อยและเข้าครอบครองที่ดินแล้วก็ตาม. ถ้ายังไม่ได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์. การซื้อขายย่อมยังไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย. ฉะนั้น ผู้ซื้อที่ดินโฉนดพิพาทส่วนหนึ่งตามกรณีข้างต้นนี้ย่อมไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยที่ดินส่วนของผู้ซื้อซึ่งถูกโจทก์เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ขายนำยึดบังคับชำระหนี้. เพราะแม้แต่การยึดที่ดินที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษากับผู้อื่นมีกรรมสิทธิ์รวมโดยยังมิได้แบ่งกันเป็นส่วนสัดนั้น. เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาก็ยังมีสิทธิยึดได้ทั้งแปลง.แต่คดีนี้ผู้ร้องยังไม่มีกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินที่โจทก์นำยึด จึงไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1494/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์จากการยึดที่ดิน: ผู้ซื้อต้องพิสูจน์การครอบครองและกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง แม้จะซื้อมาจากภริยา
ผู้ร้องขัดทรัพย์กล่าวอ้างว่า ที่ดินมือเปล่าซึ่งโจทก์นำยึดเป็นของตน ซื้อจากจำเลยกับภริยา และครอบครองมาเกิน 1 ปี โดยให้ผู้อื่นเช่าทำนาตลอดมา โจทก์ต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยจำนองสหกรณ์ไว้ยังมิได้ไถ่ถอน จำเลยกับภริยาไม่ได้ขาย และมิได้มอบการครอบครองให้แก่ผู้ร้อง สัญญาซื้อขายทำโดยไม่สุจริตเพื่อฉ้อโกงโจทก์ เมื่อขณะโจทก์นำยึด มีผู้อื่นเช่าทำนาอยู่ โจทก์ปฏิเสธการครอบครองของผู้ร้อง ผู้ร้องย่อมมีหน้าที่นำสืบก่อน
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้องแม้จะฟังว่าเป็นของภริยาจำเลย ก็ไม่มีเหตุที่จะถอนการยึดให้ผู้ร้อง
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้องแม้จะฟังว่าเป็นของภริยาจำเลย ก็ไม่มีเหตุที่จะถอนการยึดให้ผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1494/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์จากการยึดที่ดิน: ผู้ซื้อต้องพิสูจน์การครอบครองและกรรมสิทธิ์ หากถูกปฏิเสธโดยเจ้าหนี้
ผู้ร้องขัดทรัพย์กล่าวอ้างว่า ที่ดินมือเปล่าซึ่งโจทก์นำยึดเป็นของตน ซื้อจากจำเลยกับภริยา และครอบครองมาเกิน 1 ปี โดยให้ผู้อื่นเช่าทำนาตลอดมา โจทก์ต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยจำนองสหกรณ์ไว้ยังมิได้ไถ่ถอน จำเลยกับภริยาไม่ได้ขาย และมิได้มอบการครอบครองให้แก่ผู้ร้อง สัญญาซื้อขายทำโดยไม่สุจริตเพื่อฉ้อโกงโจทก์ เมื่อขณะโจทก์นำยึด มีผู้อื่นเช่าทำนาอยู่ โจทก์ปฏิเสธการครอบครองของผู้ร้อง ผู้ร้องย่อมมีหน้าที่นำสืบก่อน
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้อง แม้จะฟังว่าเป็นของภริยาจำเลย ก็ไม่มีเหตุที่จะถอนการยึดให้ผู้ร้อง
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้อง แม้จะฟังว่าเป็นของภริยาจำเลย ก็ไม่มีเหตุที่จะถอนการยึดให้ผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1026/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดที่ดินกรรมสิทธิ์รวม: ศาลมีสิทธิขายทั้งแปลงหากไม่ตกลงแบ่ง
การยึดที่ดินที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษากับผู้อื่นมีกรรมสิทธิ์รวม โดยยังมิได้แบ่งกันเป็นส่วนสัดนั้น เจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิยึดได้ทั้งแปลงและศาลย่อมจะขายได้ทั้งแปลง เว้นแต่จะตกลงยินยอมกันให้ขายเฉพาะส่วนของลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ เพราะแม้แต่ในระหว่างเจ้าของรวมด้วยกันเองเมื่อไม่ตกลงแบ่งกันเองได้ ก็ต้องขายทั้งแปลงเช่นเดียวกัน (ป.พ.พ. มาตรา 1364)
ฉะนั้นเจ้าของรวมจะยื่นคำร้องขอให้งดการขาย เพื่อไปแบ่งแยกกันเองเสียก่อน หรือขอให้ขายเฉพาะส่วนของลูกหนี้ไม่ได้ ในเมื่อโจทก์ยืนยันขอให้ขายทั้งแปลง
ฉะนั้นเจ้าของรวมจะยื่นคำร้องขอให้งดการขาย เพื่อไปแบ่งแยกกันเองเสียก่อน หรือขอให้ขายเฉพาะส่วนของลูกหนี้ไม่ได้ ในเมื่อโจทก์ยืนยันขอให้ขายทั้งแปลง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดที่ดินหลังทำยอมโอนกรรมสิทธิ์แต่ยังไม่ได้โอนจริง เจ้าหนี้มีสิทธิยึดได้
จำเลยทำยอมต่อศาล ยอมโอนที่ดินแปลงหนึ่งของจำเลยให้ผู้ร้องภายใน 7 วัน นับแต่วันทำยอมในระหว่างนั้น โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงิน ตามสัญญากู้ จำเลยก็ทำยอมใช้เงินแก่โจทก์แล้วไม่ชำระ โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานที่ดินที่จำเลยทำยอมแก่ผู้ร้องดังกล่าวข้างต้น ผู้ร้องจึงมาขัดทรัพย์ดังนี้ เมื่อปรากฏว่า ขณะนำยึด จำเลยยังไม่ได้ทำการโอนกรรมสิทธิในที่พิพาทจึงยังเป็นของจำเลยอยู่ โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้มีสิทธิที่จะยึดที่ดินรายนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2054/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ฟ้องคดีแพ่ง: ความเกี่ยวข้องกันของคำฟ้องเดิมและคำขอแก้ฟ้อง, การกู้ยืมเงินและยึดที่ดินเป็นประกัน
เดิมโจทก์ฟ้องว่า ไปทำสัญญาต่ออำเภอขายฝากนาให้จำเลย ขอให้จำเลยรับเงินและคืนนาให้โจทก์ แล้วโจทก์ขอแก้ฟ้องเป็นว่า ไม่ได้ทำสัญญาขายฝาก ความจริงได้ทำสัญญากู้เงินจำเลย มอบที่นาให้จำเลยยึดไว้เป็นประกันต่างดอกเบี้ย ดังนี้ ถือว่าคำขอแก้ฟ้องกับคำฟ้องเดิม มีความเกี่ยวข้องกัน ให้แก้ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 524-525/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผิดสัญญาไม่ยึดที่ดินแล้วรับเงินและยึดที่ดิน ศาลสั่งคืนเงินได้ ฐานลาภมิควรได้
โจทก์แพ้ความจำเลยโจทก์ทำสัญญากับจำเลยว่าจำเลยไม่ยึดที่ดินของโจทก์+โจทก์ยอมให้เงินแก่จำเลยจำนวนหนึ่ง แต่+หลังจำเลยก็คงยึดที่ดินขายทอดตลาดไปดังนี้+ย่อมมีสิทธิเรียกเงิน+ให้จำเลยได้ฐาน+มิควรได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1283/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดที่ดินเพื่อชำระหนี้ต้องจดทะเบียน มิฉะนั้นเป็นโมฆะ
กู้เงินกันแล้วผู้กู้มอบที่ดินและโฉนดให้ผู้ให้กู้ครอบครองและเก็บผลประโยชน์จากที่ดินนั้นการยึดถือที่ดินของผู้ใหด้กู้ตามลักษณดังนี้เป็นทรัพยสิทธิอย่างหนึ่ง เมื่อมิได้นำไปจดทะเบียนย่อมเป็นโมฆะใช้บังคับกันมิได้ ต้องคืนที่ให้ผู้กู้สิทธิเก็บกิน
ประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 178 149
ฟ้องแย้ง
ค่าธรรมเนียม
ประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 178 149
ฟ้องแย้ง
ค่าธรรมเนียม