คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยื่นฟ้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 15 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 890/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาที่ยื่นก่อนกฎหมายวิธีพิจารณาใหม่ ใช้กฎหมายเดิมบังคับ แม้ส่งสำเนาฎีกาไม่ได้
คดีที่ได้ยื่นฟ้องฎีกาก่อนวันประกาศใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาที่แก้ไขใหม่นั้น ต้องใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาที่ใช้อยู่เดิมบังคับเมื่อส่งสำเนาฎีกาไม่ได้ต้องจำหน่ายคดี(ประชุมใหญ่ครั้งที่5/2499)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 411/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อผิดพลาดในการยื่นฟ้องอุทธรณ์: อำนาจย้อนสำนวนเพื่อตรวจสอบตัวผู้ร้อง
ผู้ร้องอ้างว่าเขียนชื่อผิดพลาดชั้นยื่นฟ้องอุทธรณ์โดยความพลั้งเผลอ ศาลฎีกา+อำนาจย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นสอบสวนความข้อนี้+ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 791-793/2483

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความอุทธรณ์และการยื่นฟ้องนอกเวลาทำการ: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการรับฟ้องหลังเวลาทำการยังถือว่าไม่ขาดอายุความ
ประกาศเรื่องกำหนดเวลาทำงานและวันหยุดราชการลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2482 จำเลยต้องขังอยู่ในเรืองจำได้นำฟ้อง อุทธรณ์ไปยื่นต่อ+เรือนจำในวันสุดท้าย++อายุความอุทธรณ์ซึ่งเป็นวันเสาร์เวลา 15.00 น.+เรือนจำรับฟ้อง อุทธรณ์ขั้นส่งต่อศาลดังนี้ ถือว่าฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยยังไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12454/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้อนและการยื่นฟ้องคดีบัตรเครดิตเมื่อคดีเดิมยังไม่ถึงที่สุด ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องไม่ซ้อน
คดีก่อนศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลแขวงพระนครใต้และยกคำสั่งศาลแขวงพระนครใต้ที่ให้รับคำฟ้องของโจทก์ แม้โจทก์จะยื่นฟ้องคดีนี้ขณะคดีก่อนยังอยู่ในกำหนดระยะเวลาฎีกา แต่เมื่อโจทก์ยังไม่ได้ฎีกา ถือไม่ได้ว่าคดีก่อนอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา จึงไม่ต้องห้ามไม่ให้โจทก์ยื่นคำฟ้องคดีนี้ก่อนครบกำหนดระยะเวลาฎีกาในคดีก่อน ไม่มีเหตุที่โจทก์จะต้องรอให้ครบกำหนดระยะเวลาฎีกาในคดีก่อนจึงจะฟ้องคดีนี้ได้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้อน
เมื่อผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 และศาลฎีกามีเพียงให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่เท่านั้น อุทธรณ์ของโจทก์และฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันมิอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ซึ่งต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8592/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาลภาษีอากร: การยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดเมื่อจำเลยมีภูมิลำเนาต่างท้องที่
มาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 เป็นบทบัญญัติที่ใช้เฉพาะกรณีที่ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 และข้อกำหนดคดีภาษีอากร พ.ศ.2544 มิได้บัญญัติไว้เป็นการเฉพาะ จึงให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม เมื่อ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 33 บัญญัติถึงเงื่อนไขในการยื่นคำฟ้องคดีภาษีอากรต่อศาลจังหวัดไว้แล้ว จึงไม่ต้องด้วยมาตรา 17 ที่จะนำ ป.วิ.พ. มาตรา 4 (1) มาใช้บังคับโดยอนุโลม ดังนั้น แม้มูลคดีนี้จะเกิดที่จังหวัดหนองบัวลำภู แต่เมื่อปรากฏว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่กรุงเทพมหานคร โจทก์จึงไม่สามารถยื่นคำฟ้องต่อศาลจังหวัดหนองบัวลำภูได้
of 2