พบผลลัพธ์ทั้งหมด 26 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5745/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเช่าตกทอดต่อบุคคลภายนอก: การรับทราบและตกลงยินยอมทำให้บุคคลภายนอกมีสิทธิเรียกร้องตามสัญญาเช่าเดิม
การที่จำเลยออกเงินปลูกสร้างตึกแถวให้ ช. เจ้าของที่ดินเดิมและ ช. ให้จำเลยทำสัญญาเช่าตึกแถวมีกำหนดเวลารวม 12 ปี เช่นนี้สัญญาเช่าตึกแถวเป็นสัญญาต่างตอบแทนระหว่าง ช. กับจำเลยยิ่งกว่าการเช่าธรรมดา แม้สัญญาเช่าดังกล่าวที่ทำกัน 4 ฉบับ ๆ ละ 3 ปี โดยมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จะเป็นเพียงบุคคลสิทธิซึ่งผูกพันจำเลยกับ ช. คู่สัญญา เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกรับโอนที่ดินและตึกแถวจาก ช. ได้รับทราบและตกลงยินยอมปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวนั้น ซึ่งมีผลเป็นการตกลงยินยอมเข้าผูกพันตนในอันที่จะปฏิบัติตามสัญญานั้นแทน ช. ผู้ให้เช่าเดิมต่อไป อันเป็นการตกลงว่าจะชำระหนี้แก่บุคคลภายนอก ซึ่งทำให้จำเลยในฐานะบุคคลภายนอกและเป็นผู้เช่าตึกแถวจาก ช. มีสิทธิเรียกร้องชำระหนี้จากโจทก์ซึ่งเป็นลูกหนี้โดยตรงได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 374 โจทก์ย่อมต้องผูกพันที่จะให้จำเลยเช่าต่อไปตามกำหนดเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ เพราะในกรณีเช่นนี้ผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน โจทก์จะอ้างว่าได้ที่ดินและตึกแถวโดยสุจริตหาได้ไม่ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1054/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จัดหางานผิดกฎหมายและผลกระทบจากความเสี่ยงที่ผู้เสียหายรับทราบ
จำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้จัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ จำเลยชักชวนผู้เสียหายให้ไปทำงานที่ประเทศสิงคโปร์ และเรียกเงินค่าใช้จ่ายจากผู้เสียหาย แล้วจำเลยพาผู้เสียหายลักลอบเข้าไปทำงานในประเทศสิงคโปร์ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดเพราะไม่ได้รับอนุญาตให้จัดหางานเท่านั้นแต่จำเลยได้ทำหน้าที่ของจำเลยโดยครบถ้วน โดยได้เป็นธุระพาผู้เสียหายไปทำงานยังประเทศสิงคโปร์ได้ การที่ผู้เสียหายถูกส่งตัวกลับนั้นผู้เสียหาย ทราบดีอยู่แล้วว่าการเดินทางเข้าประเทศสิงคโปร์จะต้องลักลอบเข้าไป จึงเป็นเรื่องที่ผู้เสียหายยอมเสี่ยงต่อการที่จะต้องถูกส่งตัวกลับเอาเอง ไม่ใช่เป็นความผิดของจำเลยและข้อเท็จจริงไม่ได้ความว่าจำเลยหลอกลวงผู้เสียหาย ทั้งคำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างมีเหตุบรรเทาโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2292/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับทราบกำหนดนัดสืบพยาน: ความรับผิดชอบของผู้รับหมาย และการเข้าใจผิดของผู้ถูกแจ้ง
ศาลชั้นต้นได้เกษียณสั่งกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ไว้ในคำให้การจำเลยในวันที่จำเลยยื่นคำให้การ ต้องถือว่าจำเลยทราบกำหนดนัดวันสืบพยานโจทก์ตั้งแต่วันที่จำเลยนำคำให้การไปยื่นต่อศาล
จำเลยได้รับหมายนัด และได้ทราบกำหนดนัดวันสืบพยานโจทก์โดยชอบแล้ว การที่จำเลยเข้าใจหรือจำเวลานัดสืบพยานโจทก์ผิดพลาดไปเพราะความเข้าใจผิดหรือหลงลืมของจำเลยเอง ไม่มีเหตุสมควรที่จะขอให้พิจารณาใหม่และไม่จำต้องไต่สวนคำร้องของจำเลย
จำเลยได้รับหมายนัด และได้ทราบกำหนดนัดวันสืบพยานโจทก์โดยชอบแล้ว การที่จำเลยเข้าใจหรือจำเวลานัดสืบพยานโจทก์ผิดพลาดไปเพราะความเข้าใจผิดหรือหลงลืมของจำเลยเอง ไม่มีเหตุสมควรที่จะขอให้พิจารณาใหม่และไม่จำต้องไต่สวนคำร้องของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2352/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับทราบคำบังคับผ่านทนายความ: ผลผูกพันจำเลย แม้ไม่ได้อยู่ในศาล
ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาตามยอมและได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โดย ว. ทนายความของจำเลยผู้มีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความแทนจำเลยดังที่ระบุไว้ในใบแต่งทนาย ได้ลงลายมือชื่อไว้หน้าสำนวนเป็นหลักฐานแสดงว่าได้ทราบคำพิพากษาและคำบังคับแล้ว แม้จำเลยมิได้อยู่ในศาลด้วย และใบแต่งทนายมิได้ระบุให้ทนายทราบคำบังคับแทนก็ตาม แต่การกระทำของ ว. เป็นการกระทำในขอบอำนาจในฐานะทนายความแทนจำเลยซึ่งเป็นตัวการ ย่อมมีผลผูกพันจำเลยตามกฎหมาย ถือได้ว่าจำเลยได้ทราบคำบังคับแล้ว ไม่จำต้องให้โจทก์นำส่งคำบังคับแก่จำเลยอีกครั้งหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 576/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับทราบวันนัดพิจารณาคดีจากหมายเหตุในคำให้การ ถือเป็นหน้าที่ของจำเลย การขาดนัดจึงถือว่าจงใจ
เมื่อจำเลยลงชื่อท้ายคำให้การซึ่งได้หมายเหตุในช่องที่จำเลยลงชื่อว่า"ข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว" จึงเป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องรอฟังคำสั่งศาล การที่ศาลมีคำสั่งอย่างใดในวันที่จำเลยยื่นคำให้การ ก็ต้องถือว่าจำเลยผู้ยื่นคำให้การนั้นได้รับทราบคำสั่งของศาลแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2772/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับทราบคำพิพากษาผ่านทนายและเสมียนทนาย: ผลผูกพันต่อจำเลย
ทนายจำเลยทราบวันนัดฟังคำพิพากษาแล้วในวันนัดได้มอบฉันทะให้เสมียนทนายมารับทราบคำสั่งศาล เมื่อศาลได้อ่านคำพิพากษาให้ฟังและบันทึกในรายงานกระบวนพิจารณา ว่าให้บังคับคดีภายใน15 วัน และเสมียนทนายได้ลงชื่อในรายงานฯ นั้นแล้วถือว่าทนายจำเลยซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยได้ทราบคำพิพากษาและคำบังคับนั้นโดยชอบแล้ว จึงถือได้ว่าจำเลยก็ได้ทราบคำพิพากษาและคำบังคับนั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3387/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับทราบคำสั่งศาล: เงื่อนไขในคำร้องและการสันนิษฐานตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งคำร้องขอเลื่อนการวางเงิน สั่งในวันเดียวกับที่ยื่นคำร้อง มีข้อความตามแบบพิมพ์ว่า "หมายเหตุข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่แล้ว ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว" ผู้ร้องไม่ลงชื่อรับทราบคำสั่งศาล ก็ถือว่าผู้ร้องทราบคำสั่งแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 974/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงชื่อโจทก์หลังยื่นฟ้อง ศาลรับทราบการเปลี่ยนแปลงชื่อจากคำแถลงและการระบุชื่อในบัญชีระบุพยานได้ แม้ไม่มีคำร้องขอแก้ไขฟ้อง
โจทก์ยื่นฟ้องแล้วระหว่างพิจารณาได้รับอนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์ให้ใช้ชื่อของบริษัทโจทก์ใหม่ แต่ไม่ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขฟ้องเกี่ยวกับชื่อโจทก์ เพียงแต่ยื่นคำแถลงว่าโจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว โดยระบุในนามบริษัทโจทก์ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ใหม่โจทก์ขอดำเนินคดีในนามใหม่ตลอดไปส่วนหนังสือที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ชื่อใหม่จะนำเสนอศาลในวันนัดพิจารณาศาลสั่งรวมคำแถลงนี้ไว้ในสำนวน ดังนี้ แม้โจทก์จะไม่ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขชื่อของบริษัทโจทก์ ก็ต้องถือว่าศาลชั้นต้นได้รับรู้แล้วว่าชื่อบริษัทโจทก์ได้มีการเปลี่ยนแปลงใหม่แล้ว การที่โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานมาโดยกล่าวเลขคดีเดิมได้ระบุชื่อบริษัทโจทก์เก่าใหม่มาด้วยจึงถือได้ว่าเป็นบัญชีระบุพยานของโจทก์ในคดีนั้นเองการที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานของโจทก์ไว้จึงเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1897/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องฎีกาเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาฎีกา และผลของการมีข้อความท้ายฎีกาที่ระบุการรับทราบ
ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลย และสั่งให้โจทก์(น่าจะเป็นจำเลย)นำส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ภายใน 7 วัน ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดฝ่ายจำเลยเซ็นทราบคำสั่งนี้ ต่อมาอีก 1 เดือนเศษ จำเลยยังไม่นำส่งสำเนาฎีกา ดังนี้ เมื่อแบบพิมพ์ท้ายฎีกามีข้อความว่า "ฯลฯ และรอฟังคำสั่งอยู่ถ้าไม่รอถือว่าทราบแล้ว" และศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งดังกล่าวในวันที่จำเลยยื่นฎีกานั้นเอง จึงต้องถือว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งนั้นแล้ว แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งผิดพลาดไปควรจะสั่งว่า " ให้จำเลยนำส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์" ก็ตามแต่ผู้ที่ทราบคำสั่งก็ย่อมจะทราบได้ว่าตามคำสั่งนั้นหมายถึงให้จำเลยนำส่งสำเนาฎีกานั่นเอง เพราะจำเลยเป็นผู้ฎีกา เมื่อจำเลยมิได้นำส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดเช่นนี้ จำเลยจึงทิ้งฟ้องฎีกา ศาลฎีกาจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1220/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลีกเลี่ยงการรับราชการทหาร: ฟ้องไม่สมบูรณ์หากไม่แสดงการออกหมายนัดและจำเลยรับทราบ
ความผิดฐานหลีกเลี่ยงขัดขืนไม่เข้ารับราชากรทหารกองประจำการตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 มาตรา 45 นั้น ต้องเป็นการหลีกเลี่ยงขัดขืนหมายนัดของนายอำเภอตามมาตรา 34 ฉะนั้นองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 45 จึงประกอบด้วยนายอำเภอออกหมายนัด จำเลยรับหมายแล้ว กับการขัดขืนหมายนั้น
โจทย์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นทหารกองเกินซึ่งได้รับการตรวจเลือกจากคณะกรรมการเพื่อเข้ารับราชการทหาร โดยถูกกำหนดตัวเป็นรุ่นที่ 6 ที่จะต้องมารายงานตัวเพื่อเข้ารับราชการทหารกองประจำการ แต่ไม่ได้มารายงานตนตามวันเวลาที่กำหนด ดังนี้คำบรรยายฟ้องไม่แสดงว่า การกำหนดได้เป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย เพราะไม่ปรากฏว่านายอำเภอได้ออกหมายนัดและจำเลยได้รับแล้ว ไม่เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)
โจทย์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นทหารกองเกินซึ่งได้รับการตรวจเลือกจากคณะกรรมการเพื่อเข้ารับราชการทหาร โดยถูกกำหนดตัวเป็นรุ่นที่ 6 ที่จะต้องมารายงานตัวเพื่อเข้ารับราชการทหารกองประจำการ แต่ไม่ได้มารายงานตนตามวันเวลาที่กำหนด ดังนี้คำบรรยายฟ้องไม่แสดงว่า การกำหนดได้เป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย เพราะไม่ปรากฏว่านายอำเภอได้ออกหมายนัดและจำเลยได้รับแล้ว ไม่เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)