พบผลลัพธ์ทั้งหมด 19 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1116-1118/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานลงชื่อรับรองเอกสารตรวจรับรถยนต์ที่ไม่เป็นความจริง มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 162
จำเลยเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่เป็นกรรมการตรวจรับรถยนต์ซึ่งเทศบาลซื้อ ได้ลงชื่อในใบตรวจรับพัสดุซึ่งมีข้อความว่าคณะกรรมการได้ตรวจรับรถยนต์แล้ว เห็นว่ามีปริมาณและคุณภาพถูกต้องครบถ้วน ทั้งราคาก็เป็นไปตามราคาในท้องตลาด และได้ส่งมอบให้แก่เจ้าหน้าที่แผนกช่างรับไว้เป็นการถูกต้องแล้วซึ่งความจริงไม่มีการกระทำดังกล่าวเลย เพราะผู้ขายยังไม่ได้นำรถมาส่งมอบการที่จำเลยยังไม่ได้ตรวจรับและส่งมอบแต่ลงชื่อรับรองเป็นหลักฐานว่าได้กระทำการดังกล่าว จึงเป็นการรับรองเท็จอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 162(1)และการที่จำเลยรับรองเป็นหลักฐานว่ารถที่ตรวจรับมอบนี้มีปริมาณคุณภาพถูกต้องครบถ้วน ทั้งราคาก็เป็นไปตามราคาในท้องตลาด และได้ส่งมอบให้แก่เจ้าหน้าที่แผนกช่างรับไว้เป็นการถูกต้องแล้วนั้น เป็นการรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 162(4) ด้วย แม้การรับรองเป็นหลักฐานเช่นนี้ จำเลยจะกระทำไปโดยไม่ทุจริต ไม่เกิดความเสียหายก็เป็นผิดตามมาตราดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองเอกสารแปลและภาระการพิสูจน์ค่าเสียหาย: ศาลยึดถือเอกสารแปลที่โจทก์รับรองหากไม่มีการโต้แย้ง
คำแปลเอกสารภาษาต่างประเทศที่โจทก์รับรองว่าถูกต้องและอ้างส่งต่อศาลนั้น เมื่อไม่มีการโต้แย้งหรือขอแก้ไขก่อนเสร็จสำนวน ย่อมต้องถือเป็นยุติ ศาลจะรับรู้ต้นฉบับภาษาต่างประเทศว่ามีข้อความอย่างไร ไม่ได้ กรณีต่างกับสำเนาเอกสารที่มีต้นฉบับ (เป็นภาษาไทย) ในสำนวนซึ่งศาลย่อมตรวจดูต้นฉบับได้
ในเรื่องฟ้องเรียกค่าเสียหายนั้น แม้จำเลยจะไม่ได้นำสืบโต้แย้งจำนวนค่าเสียหายก็เป็หน้าที่ของโจทก์ผู้กล่าวอ้างจะต้องนำสืบโดยตลอด จำเลยไม่ต้องยกเป็นประเด็นขึ้นต่อสู้ในเรื่องจำนวนค่าเสียหายมากน้อยเพียงใด
พยานบุคคลให้การเรื่องจำนวนค่าเสียหายตรงตามที่โจทก์ฟ้อง แต่คำแปลเอกสารคิดได้เป็นจำนวนน้อยกว่า ศาลถือว่ากรณีเป็นที่สงสัย ยกประโยชน์ให้แก่จำเลยผู้ต้องเสียในมูลหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 11
ในเรื่องฟ้องเรียกค่าเสียหายนั้น แม้จำเลยจะไม่ได้นำสืบโต้แย้งจำนวนค่าเสียหายก็เป็หน้าที่ของโจทก์ผู้กล่าวอ้างจะต้องนำสืบโดยตลอด จำเลยไม่ต้องยกเป็นประเด็นขึ้นต่อสู้ในเรื่องจำนวนค่าเสียหายมากน้อยเพียงใด
พยานบุคคลให้การเรื่องจำนวนค่าเสียหายตรงตามที่โจทก์ฟ้อง แต่คำแปลเอกสารคิดได้เป็นจำนวนน้อยกว่า ศาลถือว่ากรณีเป็นที่สงสัย ยกประโยชน์ให้แก่จำเลยผู้ต้องเสียในมูลหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 11
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 798-799/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างเอกสารประกอบคำถามค้านพยาน: ศาลมีดุลพินิจรับฟังได้หากโจทก์รับรองเอกสารนั้นแล้ว
คดีพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิที่ดิน โจทก์อ้างว่าซื้อมาจำเลยต่อสู้ว่าให้ที่ดินทำต่างดอกเบี้ยในขณะที่โจทก์อ้างตนเองเป็นพยานและจำเลยเป็นฝ่ายถามค้านโจทก์ให้การปฏิเสธการกู้เงินจำเลยย่อมอ้างเอกสารการกู้เงินมายันโจทก์ได้โดยไม่ต้องระบุพยานและส่งเอกสารล่วงหน้าเมื่อโจทก์รับรองเอกสารนั้นแล้วจำเลยก็ย่อมส่งอ้างเป็นพยานประกอบคำโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 220/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการสืบพยานเพิ่มเติมในสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร โดยเฉพาะเมื่อมีการรับรองเอกสารแล้ว
เอกสารสัญญากู้ มีข้อความชัดแล้วว่า จำเลยได้ยืมเงินโจทก์ไปจริงและจำเลยได้ลงลายมือชื่อให้ไว้เป็นหลักฐาน จำเลยจะขอสืบพยานว่าความจริงเป็นเงินลงหุ้นส่วนกัน มิใช่เงินกู้ เป็นการสืบเพิ่มเติมแก้ไขห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 94
ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 94 ได้มุ่งหมายห้ามเฉพาะแต่ฝ่ายผู้อ้างเอกสารเท่านั้นที่จะสืบเพิ่มเติมแก้ไข แม้ฝ่ายที่ไม่ได้นำหรืออ้างเอกสารมา ก็อยู่ในบทบังคับแห่งมาตรานี้ดุจกัน
ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 94 ได้มุ่งหมายห้ามเฉพาะแต่ฝ่ายผู้อ้างเอกสารเท่านั้นที่จะสืบเพิ่มเติมแก้ไข แม้ฝ่ายที่ไม่ได้นำหรืออ้างเอกสารมา ก็อยู่ในบทบังคับแห่งมาตรานี้ดุจกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1427/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความสัญญาให้กรรมสิทธิที่ดินที่ขัดแย้งกับชื่อในโฉนด ศาลยึดตามเอกสารที่ผู้ให้รับรอง
โฉนดมีชื่อโจทก์กับจำเลยทั้งสองถือกรรมสิทธิร่วมกันและยังปรากฎตามเอกสารสัญญาให้กรรมสิทธิที่ดินนี้ ซึ่งโจทก์ได้รับรองแล้วแปลความหมายได้แจ้งชัดว่า ผู้ให้ (โจทก์) ได้ให้กรรมสิทธิในที่ดินแก่จำเลยทั้งสอง 2/3 ของที่ดินตามโฉนดนี้ ดังนี้โจทก์จะนำสืบว่าเป็นแต่ยกให้จำเลยทั้งสองเพียงครึ่งหนึ่งของที่ดินย่อมเป็นการสืบแก้ไขเอกสารสัญญาซึ่งโจทก์ได้รับรองแล้วโดยตรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 122/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองสำเนาเอกสาร (ดีกา) โดยอธิบดีกรมอัยการ: ความชอบด้วยกฎหมาย
หนังสือรับรองดีกาของอธิบดีกรมอัยการซึ่งยื่นมาพร้อมกับดีกา ย่อมเปนการรับรองที่ชอบด้วยกดหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14496/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ประกอบความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม รวมถึงความรับผิดฐานของทนายความในการรับรองเอกสาร
โจทก์กล่าวหาจำเลยที่ 1 ว่าปลอมรายงานการประชุมวิสามัญ ครั้งที่ 3/2527 ของบริษัท ง. รายงานการประชุมระบุว่า ป. กับพวก ซื้อที่ดินโฉนดตราจองเลขที่ 169 มาจากบุคคลภายนอกในนามกิจการ โดยให้ ช. ถือกรรมสิทธิ์แทน ซึ่งเป็นความเท็จ ทั้งไม่มีการประชุมจริง แต่ในคำฟ้องมิได้บรรยายว่าเป็นการปลอมเอกสารสิทธิโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและกระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง อันเป็นองค์ประกอบของความผิดฐานปลอมเอกสาร รายงานการประชุมวิสามัญ ครั้งที่ 3/2527 ตามเอกสารท้ายฟ้องถือเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องซึ่งเป็นรายละเอียดที่แสดงให้เห็นว่าใครร่วมประชุมและประชุมเรื่องใดบ้าง ใครเป็นผู้ลงลายมือชื่อในรายงานการประชุม แต่ก็มิใช่องค์ประกอบความผิด และการนำไปเป็นหลักฐานเสนอต่อศาลชั้นต้นเพื่อประกอบ การฟ้องคดีแพ่ง ก็อาจมิได้มีมูลเหตุจูงใจที่จะให้ศาลหลงเชื่อว่ารายงานการประชุมเป็นเอกสารที่แท้จริงได้ เมื่อฟ้องโจทก์ขาดองค์ประกอบความผิดฐานปลอมเอกสาร จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) ศาลต้องพิพากษายกฟ้องตามมาตรา 161 ส่วนความผิดฐานทำคำรับรองเป็นเอกสารอันเป็นความเท็จนั้น จำเลยที่ 3 ลงลายมือชื่อรับรองสำเนารายงานการประชุมวิสามัญฉบับดังกล่าว เป็นเพียงการให้คำรับรองว่าสำเนาเอกสารนี้มีข้อความถูกต้องตรงกับต้นฉบับหาได้มีความหมายเป็นการรับรองว่า บริษัท ง. ได้จัดให้มีการประชุมวิสามัญตามเนื้อความที่ระบุในสำเนารายงานการประชุมวิสามัญฉบับดังกล่าวแต่อย่างใดไม่ แม้จะได้ความตามที่โจทก์ทั้งสามกล่าวอ้างว่าบริษัท ง. ไม่ได้จัดให้มีการประชุมวิสามัญ และรายงานการประชุมวิสามัญเป็นเอกสารเท็จ จำเลยที่ 3 ก็ไม่มีความผิดฐานทำคำรับรองเป็นเอกสารอันเป็นเท็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 245/2550
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองเอกสารทางการต่างประเทศ และการพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางสายเลือดเพื่อเป็นคู่ความ
เอกสารคำแปลฉบับภาษาอังกฤษของใบมรณบัตรและใบสูติบัตรมีสำเนาเอกสารเป็นภาษาท้องถิ่นของประเทศนั้นแนบท้ายและมีตราประทับของสถานเอกอัครราชทูตไทยประทับรับรอง ศาลจึงรับฟังข้อความในฉบับที่แปลเป็นภาษาอังกฤษได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2567
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งข้อความเท็จต่อเจ้าพนักงาน และการรับรองเอกสารโดยเจ้าพนักงานตามระเบียบกรมที่ดิน ศาลยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 เห็นพ้องด้วยกับศาลชั้นต้นในการรับฟังพยานหลักฐาน แล้วนำมาวินิจฉัยทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมายแล้ว แม้ข้อเท็จจริงซึ่งพิจารณาได้ความและเหตุผลแห่งคำวินิจฉัย รวมทั้งบทมาตราที่ยกขึ้นปรับตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 จะเป็นอย่างเดียวกับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ก็ไม่ถือว่าเป็นการคัดลอกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและเป็นคำพิพากษาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คำเบิกความของโจทก์ในคดีแพ่งอื่น มิได้เบิกความต่อหน้าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในคดีนี้ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่มีโอกาสถามค้าน จึงมีน้ำหนักน้อย ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ปลอมและใช้หนังสือมอบอำนาจปลอม
ศ. และ อ. เจ้าพนักงานที่ดิน เป็นผู้บอกให้จำเลยที่ 3 ลงลายมือชื่อ และข้อความตามหนังสือมอบอำนาจและสัญญาขายฝากเป็นไปตามระเบียบของกรมที่ดินที่จัดทำขึ้นเพื่อป้องกันการฟ้องร้องเจ้าพนักงานที่ดินให้รับผิดในภายหลังเท่านั้น เมื่อบันทึกถ้อยคำดังกล่าวเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งกรมที่ดินเพื่อป้องกันมิให้กรมที่ดินและเจ้าพนักงานที่ดินถูกฟ้องร้องให้รับผิดทางแพ่ง จึงมิใช่บันทึกถ้อยคำตามนัยแห่งกฎหมายหรือตามหน้าที่ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ทั้งเนื้อความแห่งบันทึกถ้อยคำยังมีข้อความว่าถ้าเกิดความผิดพลาดเพราะผิดตัวเจ้าของ จำเลยที่ 3 ขอรับผิดชอบเองทั้งสิ้น เมื่อโจทก์ได้ลงลายมือชื่อตามหนังสือมอบอำนาจจริง แม้ความจริงโจทก์ไม่ได้ลงลายมือชื่อต่อหน้าจำเลยที่ 3 การกระทำของจำเลยที่ 3 ก็ไม่เป็นความผิดฐานร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานตาม ป.อ. มาตรา 137 ประกอบมาตรา 83
คำเบิกความของโจทก์ในคดีแพ่งอื่น มิได้เบิกความต่อหน้าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในคดีนี้ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่มีโอกาสถามค้าน จึงมีน้ำหนักน้อย ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ปลอมและใช้หนังสือมอบอำนาจปลอม
ศ. และ อ. เจ้าพนักงานที่ดิน เป็นผู้บอกให้จำเลยที่ 3 ลงลายมือชื่อ และข้อความตามหนังสือมอบอำนาจและสัญญาขายฝากเป็นไปตามระเบียบของกรมที่ดินที่จัดทำขึ้นเพื่อป้องกันการฟ้องร้องเจ้าพนักงานที่ดินให้รับผิดในภายหลังเท่านั้น เมื่อบันทึกถ้อยคำดังกล่าวเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งกรมที่ดินเพื่อป้องกันมิให้กรมที่ดินและเจ้าพนักงานที่ดินถูกฟ้องร้องให้รับผิดทางแพ่ง จึงมิใช่บันทึกถ้อยคำตามนัยแห่งกฎหมายหรือตามหน้าที่ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ทั้งเนื้อความแห่งบันทึกถ้อยคำยังมีข้อความว่าถ้าเกิดความผิดพลาดเพราะผิดตัวเจ้าของ จำเลยที่ 3 ขอรับผิดชอบเองทั้งสิ้น เมื่อโจทก์ได้ลงลายมือชื่อตามหนังสือมอบอำนาจจริง แม้ความจริงโจทก์ไม่ได้ลงลายมือชื่อต่อหน้าจำเลยที่ 3 การกระทำของจำเลยที่ 3 ก็ไม่เป็นความผิดฐานร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานตาม ป.อ. มาตรา 137 ประกอบมาตรา 83