พบผลลัพธ์ทั้งหมด 25 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1510/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รั้วบังแสงทางลมเกินควร ก่อความเสียหาย/เดือดร้อน เจ้าของที่ดินมีสิทธิรื้อได้ แม้ได้รับอนุญาต
รั้วที่จำเลยที่ 1 สร้างเป็นกำแพงทึบมีความสูงถึง 2.70 เมตรส่วนอีกสามด้านไม่ได้สร้างเช่นนั้น เมื่อพิจารณาถึงสภาพและตำแหน่งที่ตั้งอยู่ของบ้านโจทก์ซึ่งปลูกค่อนมาทางแนวเขตที่ดินด้านทิศใต้ติดต่อกับที่ดินที่จำเลยที่ 1 สร้างรั้วกำแพงทึบโดยชายคาชั้นล่างของบ้านโจทก์ด้านใกล้แนวเขตที่ดินมีความสูงจากพื้นดินระหว่าง 3 ถึง 3.10 เมตร และบ้านโจทก์ไม่ได้ตั้งอยู่ในย่านชุมชนกลางเมืองประกอบกันแล้ว เห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้สร้างรั้วกำแพงทึบสูงเกินสมควร เป็นเหตุให้บังแสงสว่างและทางลมที่จะเข้าไปในห้องชั้นล่างของบ้านโจทก์เป็นบางส่วน ย่อมจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ข้างเคียง หรืออย่างน้อยก็ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญเกินกว่าที่ควรคาดคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเกิดขึ้นตามปกติ โจทก์จึงมีสิทธิที่จะปฏิบัติการเพื่อยังให้ความเสียหายหรือความเดือดร้อนรำคาญนั้นให้สิ้นไปได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337 แม้ว่ารั้วที่จำเลยที่ 1สร้างนั้นจะได้รับอนุญาตจากทางราชการแล้วก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1510/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รั้วบังแสงทางลม ก่อความเดือดร้อนเกินควร เจ้าของที่ดินมีสิทธิรื้อได้ แม้ได้รับอนุญาต
รั้วที่จำเลยที่ 1 สร้างเป็นกำแพงทึบมีความสูงถึง 2.70เมตรส่วนอีกสามด้านไม่ได้สร้างเช่นนั้น เมื่อพิจารณาถึงสภาพและตำแหน่งที่ตั้งอยู่ของบ้านโจทก์ซึ่งปลูกค่อนมาทางแนวเขตที่ดินด้านทิศใต้ติดต่อกับที่ดินที่จำเลยที่ 1สร้างรั้วกำแพงทึบโดยชายคาชั้นล่างของบ้านโจทก์ด้านใกล้แนวเขตที่ดินมีความสูงจากพื้นดินระหว่าง 3 ถึง 3.10 เมตรและบ้านโจทก์ไม่ได้ตั้งอยู่ในย่านชุมชนกลางเมืองประกอบกันแล้วเห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้สร้างรั้วกำแพงทึบสูงเกินสมควร เป็นเหตุให้บังแสงสว่างและทางลมที่จะเข้าไปในห้องชั้นล่างของบ้านโจทก์เป็นบางส่วนย่อมจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ข้างเคียงหรืออย่างน้อยก็ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญเกินกว่าที่ควรคาดคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเกิดขึ้นตามปกติโจทก์จึงมีสิทธิที่จะปฏิบัติการเพื่อยังให้ความเสียหายหรือความเดือดร้อนรำคาญนั้นให้สิ้นไปได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337แม้ว่ารั้วที่จำเลยที่ 1 สร้างนั้นจะได้รับอนุญาตจากทางราชการแล้วก็ ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดจากการรื้อรั้ว, อายุความ, การรับสภาพหนี้, และค่าฤชาธรรมเนียม
โจทก์บรรยายฟ้องว่ารั้วไม้ของโจทก์เสียหายรวม 74 ช่วงและรั้วลวดตาข่ายเสียหายราว 165 เมตรคิดเป็นค่าเสียหายทั้งสิ้น 335,295 บาทแม้มิได้แสดงว่ารั้วไม้ยาวช่วงละเท่าใด รั้วไม้และรั้วตาข่ายช่วงไหนเสียหายเสียหายช่วงละเท่าใดหรือเสียหายอย่างไรแต่โจทก์ก็ได้แนบแผนผังแสดงแนวรั้วไม้และรั้วตาข่ายที่เสียหายมาท้ายคำฟ้องด้วยคำฟ้องนี้จึงได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้วฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม จำเลยที่ 1 รื้อรั้วของโจทก์หลายครั้งโดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์จึงเป็นการจงใจทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายให้โจทก์เสียหายแก่ทรัพย์สินเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์การที่จำเลยที่ 1 มีหนังสือถึงโจทก์รับว่าจะซ่อมรั้วไม้ที่รื้อออกไป เมื่องานต่างๆ ที่จะต้องทำเสร็จเรียบร้อยแล้วเป็นการรับสภาพต่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้องอายุความเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดจากการที่จำเลยรื้อรั้วไม้ที่โจทก์รู้ก่อนวันที่13 ธันวาคม 2521อันเป็นวันที่จำเลยทำหนังสือให้โจทก์จึงสะดุดหยุดลงตั้งแต่วันนั้นโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2522จึงไม่ขาดอายุความ ข้อที่จำเลยฎีกาว่า กรุงเทพมหานครได้จ่ายค่าเสียหายให้โจทก์ไปแล้วซึ่งคลุมถึงค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องในคดีนี้ด้วย จึงไม่มีค่าเสียหายที่โจทก์จะเรียกร้องจากจำเลยอีกเป็นปัญหาที่จำเลยมิได้ให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามเรียกค่าเสียหายในมูลละเมิดเป็นเงิน362,537.70 บาทศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์ 183,736.00 บาท โจทก์อุทธรณ์และฎีกาขอให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนตามฟ้องเมื่ออุทธรณ์และฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้นศาลฎีกาเห็นสมควรให้จำเลยทั้งสามใช้ค่าขึ้นศาลแทนโจทก์เฉพาะในศาลชั้นต้นเท่าที่โจทก์ชนะคดีส่วนค่าทนายความเมื่อคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความและการดำเนินคดีของทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นควรให้จำเลยใช้ค่าทนายความทั้งสามศาลแทนโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอม: การฟ้องร้องไม่สมบูรณ์เมื่อรั้วปิดกั้นอยู่บนที่ดินของโจทก์เอง
ลักษณะสำคัญของภารจำยอม คือ ต้องมีอสังหาริมทรัพย์อย่างน้อยสองอสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์หนึ่งต้องตกอยู่ในภาระรับกรรมบางอย่างหรือต้องงดเว้นการใช้สิทธิบางอย่างเพื่อประโยชน์แก่อีกอสังหาริมทรัพย์หนึ่ง อสังหาริมทรัพย์ที่ต้องตกอยู่ในภาระรับกรรมนั้นเรียก'ภารยทรัพย์' และที่มีสิทธิเหนือภารยทรัพย์นั้นเรียก 'สามยทรัพย์'
โจทก์ฟ้องอ้างสิทธิภารจำยอมให้บังคับจำเลยเปิดทางเดินโดยอ้างว่าจำเลยล้อมรั้วปิดกั้นทางผ่านเข้าออกบนที่ดินของจำเลย แต่ตามแผนที่พิพาทที่โจทก์นำชี้กลับปรากฏว่ารั้วที่จำเลยปิดกั้นทางผ่านเข้าออกที่โจทก์ขอให้รื้อถอนนั้นอยู่ภายในเขตที่ดินของโจทก์เอง ดังนี้ เป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องดำเนินการฟ้องร้องในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์จะฟ้องอ้างสิทธิภารจำยอมให้จำเลยรื้อรั้วและจดทะเบียนทางเป็นภารจำยอมในที่ดินซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นของโจทก์หาได้ไม่ กรณีเช่นนี้ถือว่าโจทก์นำสืบได้ไม่สมสภาพข้อหาข้ออ้างในคำฟ้อง ศาลชอบที่จะยกฟ้องเสียได้
แม้จะปรากฏในแผนที่พิพาทว่าทางบางส่วนอยู่ในเขตที่ดินจำเลย แต่เป็นทางตอนปลายซึ่งจำเลยมิได้ทำรั้วปิดกั้น เมื่อทางตอนต้นทางซึ่งจำเลยปิดกั้นรั้ว โจทก์ไม่อาจขอให้บังคับ จำเลยเปิดในฐานะเป็นทางภารจำยอมได้ในคดีนี้ย่อมไม่มีประโยชน์ที่ศาลจะวินิจฉัยเฉพาะทางตอนปลายเพราะถึงอย่างไรโจทก์ก็ยังไม่อาจใช้ทางผ่านเข้าออกได้ศาลย่อมยกฟ้องได้ทั้งหมด แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องใหม่เกี่ยวกับทางนี้ตามที่ถูกต้อง
โจทก์ฟ้องอ้างสิทธิภารจำยอมให้บังคับจำเลยเปิดทางเดินโดยอ้างว่าจำเลยล้อมรั้วปิดกั้นทางผ่านเข้าออกบนที่ดินของจำเลย แต่ตามแผนที่พิพาทที่โจทก์นำชี้กลับปรากฏว่ารั้วที่จำเลยปิดกั้นทางผ่านเข้าออกที่โจทก์ขอให้รื้อถอนนั้นอยู่ภายในเขตที่ดินของโจทก์เอง ดังนี้ เป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องดำเนินการฟ้องร้องในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์จะฟ้องอ้างสิทธิภารจำยอมให้จำเลยรื้อรั้วและจดทะเบียนทางเป็นภารจำยอมในที่ดินซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นของโจทก์หาได้ไม่ กรณีเช่นนี้ถือว่าโจทก์นำสืบได้ไม่สมสภาพข้อหาข้ออ้างในคำฟ้อง ศาลชอบที่จะยกฟ้องเสียได้
แม้จะปรากฏในแผนที่พิพาทว่าทางบางส่วนอยู่ในเขตที่ดินจำเลย แต่เป็นทางตอนปลายซึ่งจำเลยมิได้ทำรั้วปิดกั้น เมื่อทางตอนต้นทางซึ่งจำเลยปิดกั้นรั้ว โจทก์ไม่อาจขอให้บังคับ จำเลยเปิดในฐานะเป็นทางภารจำยอมได้ในคดีนี้ย่อมไม่มีประโยชน์ที่ศาลจะวินิจฉัยเฉพาะทางตอนปลายเพราะถึงอย่างไรโจทก์ก็ยังไม่อาจใช้ทางผ่านเข้าออกได้ศาลย่อมยกฟ้องได้ทั้งหมด แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องใหม่เกี่ยวกับทางนี้ตามที่ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1092/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิภารจำยอม: การรื้อรั้วกีดขวางทางออกสู่สาธารณะ ถือเป็นการใช้สิทธิโดยสุจริต
คดีก่อนโจทก์เคยฟ้องจำเลยขอให้ศาลพิพากษาว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมและบังคับให้จำเลยขนย้ายกองไม้ออกไปให้พ้นทางภารจำยอม ศาลพิพากษาบังคับตามฟ้องโจทก์ แต่มีรั้วพิพาทในคดีนี้ปิดกั้นกีดขวางทางภารจำยอมอยู่ โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้ขอให้บังคับจำเลยรื้อรั้วพิพาทออกไป ดังนี้ ถือว่าเป็นการใช้สิทธิของโจทก์โดยสุจริต
การที่โจทก์ฟ้องจำเลยให้รื้อรั้วพิพาทดังกล่าว เป็นการใช้สิทธิของโจทก์เพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ตามปกติธรรมดา ไม่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงในภารยทรัพย์หรือสามยทรัพย์เรียกไม่ได้ว่าความต้องการแห่งเจ้าของสามยทรัพย์เปลี่ยนแปลงไป และไม่ทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์ด้วย
การที่โจทก์ฟ้องจำเลยให้รื้อรั้วพิพาทดังกล่าว เป็นการใช้สิทธิของโจทก์เพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ตามปกติธรรมดา ไม่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงในภารยทรัพย์หรือสามยทรัพย์เรียกไม่ได้ว่าความต้องการแห่งเจ้าของสามยทรัพย์เปลี่ยนแปลงไป และไม่ทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1092/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิภารจำยอมและการรื้อรั้วกีดขวางทางออกสู่สาธารณะ การใช้สิทธิโดยสุจริตไม่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงภาระ
คดีก่อนโจทก์เคยฟ้องจำเลยขอให้ศาลพิพากษาว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมและบังคับให้จำเลยขนย้ายกองไม้ออกไปให้พ้นทางภารจำยอม ศาลพิพากษาบังคับตามฟ้องโจทก์ แต่มีรั้วพิพาทในคดีนี้ปิดกั้นกีดขวางทางภารจำยอมอยู่ โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้ ขอให้บังคับจำเลยรื้อรั้วพิพาทออกไป ดังนี้ ถือว่าเป็นการใช้สิทธิของโจทก์โดยสุจริต
การที่โจทก์ฟ้องจำเลยให้รื้อรั้วพิพาทดังกล่าว เป็นการใช้สิทธิของโจทก์เพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ตามปกติธรรมดา ไม่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงในภารยทรัพย์หรือสามยทรัพย์เรียกไม่ได้ว่าความต้องการแห่งเจ้าของสามยทรัพย์เปลี่ยนแปลงไป และไม่ทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์ด้วย
การที่โจทก์ฟ้องจำเลยให้รื้อรั้วพิพาทดังกล่าว เป็นการใช้สิทธิของโจทก์เพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ตามปกติธรรมดา ไม่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงในภารยทรัพย์หรือสามยทรัพย์เรียกไม่ได้ว่าความต้องการแห่งเจ้าของสามยทรัพย์เปลี่ยนแปลงไป และไม่ทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 922/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดรุกล้ำที่ดินกับฟ้องซ้ำ: คดีเดิมพิพาทเรื่องทำเขื่อน คดีใหม่พิพาทเรื่องรั้ว
คดีหมายเลขแดงที่ 212/2504 พิพาทกันเรื่องละเมิด ขอให้ทำเขื่อนกั้นที่ดิน คดีเสร็จเด็ดขาดกันไปแล้ว คดีนี้ โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยทำรั้วเขตที่รุกล้ำเข้ามาในที่ของโจทก์ เป็นคนละเรื่อง จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ทางจำเป็นและข้อยกเว้นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
จำเลยกับครอบครัวใช้ทางเดินในที่ดินของโจทก์ไปออกทางสาธารณะเกินกว่า 10 ปีแล้ว โดยมีช่องประตูรั้วสำหรับเข้าออกบ้าน จำเลยได้ ต่อมาโจทก์ทำรั้วใหม่ตามแนวรั้วเดิมที่ผุพัง และล้อมปิดกั้นช่องประตูรั้วที่เคยมีเข้าออกบ้านจำเลยเสียด้วย จำเลยไม่มีทางอื่นออก เพราะที่บ้านจำเลยอยู่ในที่ผู้อื่นล้อมรอบมีรั้วกั้น จำเลยร้องต่ออำเภอขอให้โจทก์เปิดรั้วให้จำเลยเข้าออกได้ โจทก์ไม่ยอม จำเลยจึงได้รื้อรั้วเฉพาะตรงที่เคยเป็นช่องประตูเข้าออกบ้านจำเลย กว้างประมาณ 1 วา เพื่อเดินเข้าออกบ้านจำเลย ตามเดิม ดังนี้ จำเลยมีสิทธิทำได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337 จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 258
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 276/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รั้วเก็บถ่านติดทางสาธารณะเข้าข่าย 'อาคาร' ตาม พ.ร.บ.ควบคุมการก่อสร้างอาคาร
รั้วกั้นไว้สำหรับเก็บถ่านเพื่อการค้าอยู่ติดต่อกับทางสาธารณะย่อมเป็น " อาคาร " ตาม ม.4 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ.2479.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 276/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รั้วเก็บถ่านติดทางสาธารณะเข้าข่าย 'อาคาร' ตาม พ.ร.บ.ควบคุมการก่อสร้างอาคาร
รั้วกั้นไว้สำหรับเก็บถ่านเพื่อการค้าอยู่ติดต่อกับทางสาธารณะย่อมเป็น'อาคาร' ตาม มาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ.2479