พบผลลัพธ์ทั้งหมด 21 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4170/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสั่งการของผู้บังคับบัญชาและการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีรายงานเท็จทำให้ถูกสอบสวน
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นสรรพากรจังหวัดสั่งให้จำเลยที่ 1ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาษี 3 เสนอสำนวนการตรวจสอบภาษีอากรของห้าง จ.ต่อจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 1 ก็ปฏิบัติตาม โดยไม่ผ่านการตรวจพิจารณาของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ช่วยสรรพากรจังหวัด ตามคำสั่งและระเบียบปฏิบัติของทางราชการนั้น เป็นกรณีที่จำเลยที่2 ในฐานะผู้บังคับบัญชาย่อมมีอำนาจที่จะสั่งการใดให้ผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติตามได้ เพื่อให้งานดำเนินไปโดยถูกต้องและรวดเร็วเกิดผลดีแก่ทางราชการทั้งนี้เพราะคำสั่งและระเบียบปฏิบัติต่าง ๆ ย่อมมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม ส่วนจำเลยที่ 1 นั้นเพิ่งจะเข้ารับราชการ ย่อมจะต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดในสำนักงาน ประกอบกับโจทก์และจำเลยที่ 1 ได้มีการโต้เถียงกันเกี่ยวกับการตรวจสอบภาษีอากรของห้างดังกล่าว การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงไม่อาจฟังได้ว่ามีเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์อันจะเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ส่วนการที่จำเลยที่ 2 รายงานต่ออธิบดีกรมสรรพากรว่า โจทก์ได้มอบเงินแก่จำเลยที่ 2 เพื่อให้จำเลยที่ 2 ช่วยเหลือในการชำระภาษีอากรของห้าง จ. นั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าโจทก์มีพฤติการณ์ดังที่จำเลยที่ 2 รายงานโดยจำเลยที่ 2 ซึ่งมีเรื่องโกรธเคืองกับโจทก์เป็นส่วนตัวแกล้งรายงานดังกล่าวจนโจทก์ถูกตั้งกรรมการสอบสวนและให้ออกจากราชการไว้ก่อน จึงเป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และการบรรยายฟ้องในเรื่องแกล้งรายงานของจำเลยที่ 2 นี้ เป็นการบรรยายฟ้องอ้างว่าจำเลยที่ 2 ได้กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ตามมาตรา 157 อีกกระทงหนึ่ง นอกเหนือจากข้อหาหมิ่นประมาทตามมาตรา 326 ซึ่งถึงที่สุดแล้ว จึงลงโทษจำเลยที่ 2 ตามมาตรา 157 ได้
เมื่อการกระทำของจำเลยก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์โจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายฟ้องจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนประกอบกับจำเลยที่ 2 รับราชการมานาน ทำคุณประโยชน์แก่ทางราชการจนได้รับแต่งตั้งให้เป็นสรรพากรจังหวัด กรณีจึงมีเหตุสมควรรอการลงโทษแก่จำเลยที่ 2.
ส่วนการที่จำเลยที่ 2 รายงานต่ออธิบดีกรมสรรพากรว่า โจทก์ได้มอบเงินแก่จำเลยที่ 2 เพื่อให้จำเลยที่ 2 ช่วยเหลือในการชำระภาษีอากรของห้าง จ. นั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าโจทก์มีพฤติการณ์ดังที่จำเลยที่ 2 รายงานโดยจำเลยที่ 2 ซึ่งมีเรื่องโกรธเคืองกับโจทก์เป็นส่วนตัวแกล้งรายงานดังกล่าวจนโจทก์ถูกตั้งกรรมการสอบสวนและให้ออกจากราชการไว้ก่อน จึงเป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และการบรรยายฟ้องในเรื่องแกล้งรายงานของจำเลยที่ 2 นี้ เป็นการบรรยายฟ้องอ้างว่าจำเลยที่ 2 ได้กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ตามมาตรา 157 อีกกระทงหนึ่ง นอกเหนือจากข้อหาหมิ่นประมาทตามมาตรา 326 ซึ่งถึงที่สุดแล้ว จึงลงโทษจำเลยที่ 2 ตามมาตรา 157 ได้
เมื่อการกระทำของจำเลยก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์โจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายฟ้องจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนประกอบกับจำเลยที่ 2 รับราชการมานาน ทำคุณประโยชน์แก่ทางราชการจนได้รับแต่งตั้งให้เป็นสรรพากรจังหวัด กรณีจึงมีเหตุสมควรรอการลงโทษแก่จำเลยที่ 2.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3569/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรายงานเท็จเกี่ยวกับสถานะการตรวจสอบสินค้า ทำให้จำเลยเสี่ยงต่อความเสียหายทางชื่อเสียงและการค้า
โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลย มีหน้าที่ควบคุมการขนถ่ายสินค้าเข้าตู้คอนเทนเนอร์ วันเกิดเหตุเมื่อโจทก์ควบคุมการขนถ่ายสินค้าเข้าตู้คอนเทนเนอร์เรียบร้อยแล้ว แต่ตัวแทนบริษัทเรือกับเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรยังมิได้ตีตราประทับตู้คอนเทนเนอร์ โจทก์กลับเสียก่อนและรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชาว่า ตัวแทนบริษัทเรือและเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ได้ตีตราประทับแล้ว ดังนี้ เมื่อตู้คอนเทนเนอร์ยังมิได้ตีตราประทับ อาจเป็นโอกาสให้ผู้อื่นเปิดตู้นำสินค้าไปได้ หรืออาจสับเปลี่ยนสินค้าได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจำเลยย่อมจะได้ชื่อว่าไม่ปฏิบัติหรือบกพร่องในการปฏิบัติการตรวจสอบสินค้ารับรองคุณภาพและปริมาณของสินค้า อันเป็นหน้าที่ตัวกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ชื่อเสียงและเกียรติคุณของจำเลยย่อมจะลดน้อยถอยลงทางทำมาหาได้หรือทางเจริญของจำเลยย่อมจะเสียหายไปด้วยในตัว การกระทำของโจทก์จึงเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานและคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลย เป็นกรณีที่ร้ายแรงแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3630/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างกรณีร้ายแรง: พฤติการณ์หลีกเลี่ยงหน้าที่, รายงานเท็จ, และใช้เวลางานผิดประเภท
ระเบียบข้อบังคับของผู้ร้องไม่ได้ระบุไว้โดยตรงว่าการกระทำผิดวินัยกรณีใดถือว่าเป็นกรณีร้ายแรงจึงต้องพิเคราะห์พฤติการณ์เป็นรายกรณีไปกรณีของผู้คัดค้านซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้างและกรรมการสหภาพแรงงานองค์การค้าของผู้ร้องขอลาป่วยต่อผู้ร้องทั้งๆที่ไม่ได้ป่วยจำนวน3วันแล้วไปดำเนินคดีที่ศาลแรงงานกลางให้แก่ว.ซึ่งไม่ใช่ลูกจ้างของผู้ร้องหรือเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานองค์การค้าของผู้ร้องการกระทำดังกล่าวจึงเป็นการรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชาและเป็นการไม่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายและหลีกเลี่ยงหน้าที่การงานนอกจากนี้ผู้คัดค้านยังถือโอกาสที่ได้รับอนุญาตให้ไปข้างนอกเพื่อกระทำกิจกรรมให้แก่สมาชิกสหภาพแรงงานองค์การค้าของคุรุสภาที่ศาลแรงงานกลางแล้วไปดำเนินคดีให้แก่ว.หลายครั้งหลายหนโดยใช้วิธีนัดวันให้ตรงกันแต่ต่างเวลากันหากวันนัดไม่ตรงกันผู้คัดค้านก็จะใช้วิธีขอลากิจหรือลาป่วยแทนเพื่อไปดำเนินคดีให้แก่ว.และยังปรากฏว่าผู้คัดค้านขอใช้สิทธิออกไปข้างนอกเพื่อกระทำกิจกรรมของสหภาพแรงงานองค์การค้าของผู้ร้องและกระทำกิจกรรมส่วนตัวในปี2526-2527มีจำนวน68ครั้งเป็นเวลา310ชั่วโมงเศษและในปี2527-2528มีจำนวน82ครั้งเป็นเวลา390ชั่วโมงเศษซึ่งผู้ร้องย่อมขาดประโยชน์ที่ควรจะได้การกระทำของผู้คัดค้านจึงเป็นการกระทำผิดวินัยฐานรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชาไม่รักษาผลประโยชน์ของนายจ้างและไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอันถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของผู้ร้องเป็นกรณีร้ายแรงตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์พ.ศ.2518มาตรา123แล้วผู้ร้องจึงมีสิทธิที่จะเลิกจ้างผู้คัดค้านได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3073/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รายงานเท็จต้องเป็นข้อมูลที่ทราบความจริงแล้ว การกำหนดเงื่อนไขชำระเงินในอนาคตไม่ถือเป็นรายงานเท็จ
การกระทำความผิดฐานรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชานั้น จะต้องเป็นกรณีที่ลูกจ้างรายงานเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นในอดีตหรือในปัจจุบันไม่ตรงต่อความจริง โดยรู้ถึงเหตุการณ์ที่แท้จริงอยู่แล้ว การที่ลูกจ้างรายงานถึงเหตุการณ์ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตนั้น แม้ในเวลาต่อมาจะไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นหรือมิได้เป็นไปดังรายงานก็ตามก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา
ลูกจ้างทำรายงานขออนุมัติซื้อแบตเตอรี่ของนายจ้างโดยกำหนดว่าจะชำระเงินภายใน 30 วันนับแต่วันรับของ เมื่อถึงกำหนดลูกจ้างมิได้ชำระเงินแก่นายจ้าง ดังนี้เป็นเพียงลูกจ้างผิดนัดชำระหนี้หรือผิดสัญญา เท่านั้น จะถือว่าเป็นรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชาหาได้ไม่แม้จะมีประกาศของนายจ้างกำหนดว่า ถ้าไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดและนายจ้างไม่สามารถหักรายได้ของลูกจ้างชำระค่าแบตเตอรี่ได้ในเวลากำหนดถือว่าเป็นรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชาก็ไม่มีผลทำให้รายงานของลูกจ้างนั้นกลับกลายเป็นรายงานเท็จไปได้
ลูกจ้างทำรายงานขออนุมัติซื้อแบตเตอรี่ของนายจ้างโดยกำหนดว่าจะชำระเงินภายใน 30 วันนับแต่วันรับของ เมื่อถึงกำหนดลูกจ้างมิได้ชำระเงินแก่นายจ้าง ดังนี้เป็นเพียงลูกจ้างผิดนัดชำระหนี้หรือผิดสัญญา เท่านั้น จะถือว่าเป็นรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชาหาได้ไม่แม้จะมีประกาศของนายจ้างกำหนดว่า ถ้าไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดและนายจ้างไม่สามารถหักรายได้ของลูกจ้างชำระค่าแบตเตอรี่ได้ในเวลากำหนดถือว่าเป็นรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชาก็ไม่มีผลทำให้รายงานของลูกจ้างนั้นกลับกลายเป็นรายงานเท็จไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3073/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รายงานเท็จต้องเป็นข้อมูลปัจจุบันหรืออดีต การกำหนดเงื่อนไขชำระเงินในอนาคตไม่ถือเป็นรายงานเท็จ
การกระทำความผิดฐานรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชานั้น จะต้องเป็นกรณีที่ลูกจ้างรายงานเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นในอดีตหรือในปัจจุบันไม่ตรงต่อความจริง โดยรู้ถึงเหตุการณ์ที่แท้จริงอยู่แล้ว การที่ลูกจ้างรายงานถึงเหตุการณ์ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตนั้น แม้ในเวลาต่อมาจะไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นหรือมิได้เป็นไปดังรายงานก็ตามก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา
ลูกจ้างทำรายงานขออนุมัติซื้อแบตเตอรี่ของนายจ้างโดยกำหนดว่าจะชำระเงินภายใน 30 วันนับแต่วันรับของ เมื่อถึงกำหนดลูกจ้างมิได้ชำระเงินแก่นายจ้าง ดังนี้เป็นเพียงลูกจ้างผิดนัดชำระหนี้หรือผิดสัญญา เท่านั้น จะถือว่าเป็นรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชาหาได้ไม่ แม้จะมีประกาศของนายจ้างกำหนดว่า ถ้าไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดและนายจ้างไม่สามารถหักรายได้ของลูกจ้างชำระค่าแบตเตอรี่ได้ในเวลากำหนดถือว่าเป็นรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชาก็ไม่มีผลทำให้รายงานของลูกจ้างนั้นกลับกลายเป็นรายงานเท็จไปได้
ลูกจ้างทำรายงานขออนุมัติซื้อแบตเตอรี่ของนายจ้างโดยกำหนดว่าจะชำระเงินภายใน 30 วันนับแต่วันรับของ เมื่อถึงกำหนดลูกจ้างมิได้ชำระเงินแก่นายจ้าง ดังนี้เป็นเพียงลูกจ้างผิดนัดชำระหนี้หรือผิดสัญญา เท่านั้น จะถือว่าเป็นรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชาหาได้ไม่ แม้จะมีประกาศของนายจ้างกำหนดว่า ถ้าไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดและนายจ้างไม่สามารถหักรายได้ของลูกจ้างชำระค่าแบตเตอรี่ได้ในเวลากำหนดถือว่าเป็นรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชาก็ไม่มีผลทำให้รายงานของลูกจ้างนั้นกลับกลายเป็นรายงานเท็จไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 470/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลูกจ้างรายงานเท็จเพื่อรับค่าแรง ย่อมเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ นายจ้างมีสิทธิเลิกจ้างได้
ผู้คัดค้านมีหน้าที่ตัดผ้าใบ แล้วไม่ตัดผ้าใบตามคำสั่งกลับทำรายงานเท็จว่าตัดเสร็จแล้ว เพื่อแสวงหาประโยชน์จากเงินค่าแรงที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ย่อมถือได้ว่าเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานข้อ 47(1)(2) จึงเป็นความผิดทางวินัยดังระบุไว้ตามข้อบังคับของผู้ร้อง ผู้ร้องมีสิทธิเลิกจ้างได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 814/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานรายงานเท็จและสมรู้ร่วมคิดยักยอกทรัพย์ กรณีเจ้าหน้าที่ทหารยักยอกกระสุน
สิบเอกทหาร ซึ่งมีหน้าที่เป็นพนักงานกระสุนทำรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชาถึงจำนวนกระสุนที่ทหารฝึกยิงไปแล้ว เป็นความผิดตาม มาตรา230
การรายงานเท็จถึงจำนวนกระสุนที่ยิงภายหลังที่ผู้รับมอบหมายกระสุนได้ยักยอกไปแล้ว ไม่เป็นความผิดฐานสมรู้ในการยักยอกแต่ผู้ที่ติดต่อจ่ายเงินให้ทหารงดยิง เพื่อจะได้มีโอกาสยักยอกกระสุน เป็นการสมรู้ให้ยักยอกได้
การรายงานเท็จถึงจำนวนกระสุนที่ยิงภายหลังที่ผู้รับมอบหมายกระสุนได้ยักยอกไปแล้ว ไม่เป็นความผิดฐานสมรู้ในการยักยอกแต่ผู้ที่ติดต่อจ่ายเงินให้ทหารงดยิง เพื่อจะได้มีโอกาสยักยอกกระสุน เป็นการสมรู้ให้ยักยอกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยไม่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนคดีลักทรัพย์ และไม่มีความเสียหายจากรายงานเท็จ จึงไม่มีความผิด
จำเลยเป็นเลขานุการกรมเชื้อเพลิง มีหน้าที่แต่ทำหนังสือราชการ ไม่มีอำนาจและหน้าที่ในการสอบสวนสืบสวนความผิดเรื่องผู้ร้ายลัก หรือยักยอกทรัพย์ของกรมเชื้อเพลิง หน้าที่พิเศษที่จำเลยได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นกรรมการสอบสวนหรือสืบสวนเรื่องผู้ร้ายลักหรือยักยอกแผ่นเหล็กของกรมเชื้อเพลิงนั้น จำเลยได้รับแต่งตั้งภายหลังเวลาที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยได้เรียกหรือรับสินบลจาก ส. และ ง. ซึ่งรับซื้อแผ่นเหล็กของกรมเชื้อเพลิง จึงถือไม่ได้ว่าขณะจำเลยกระทำการตามฟ้องจำเลยมีอำนาจหน้าที่ดังฟ้อง
ความผิดฐานรายงานเท็จ เมื่อไม่ปรากฎว่า การที่จำเลยรายงานเท็จดังฟ้องได้เกิดความเสียหาย หรืออาจจะเสียหายแก่กรมเชื้อเพลิงได้อย่างไร ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้.
ความผิดฐานรายงานเท็จ เมื่อไม่ปรากฎว่า การที่จำเลยรายงานเท็จดังฟ้องได้เกิดความเสียหาย หรืออาจจะเสียหายแก่กรมเชื้อเพลิงได้อย่างไร ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจหน้าที่จำกัดและการพิสูจน์ความเสียหายในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่และรายงานเท็จ
จำเลยเป็นเลขานุการกรมเชื้อเพลิง มีหน้าที่แต่ทำหนังสือราชการ ไม่มีอำนาจและหน้าที่ในการสอบสวนสืบสวนความผิดเรื่องผู้ร้ายลักหรือยักยอกทรัพย์ของกรมเชื้อเพลิง หน้าที่พิเศษที่จำเลยได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นกรรมการสอบสวนหรือสืบสวนเรื่องผู้ร้ายลักหรือยักยอกแผ่นเหล็กของกรมเชื้อเพลิงนั้น จำเลยได้รับแต่งตั้งภายหลังเวลาที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยได้เรียกหรือรับสินบนจาก ส.และง. ซึ่งรับซื้อแผ่นเหล็กของกรมเชื้อเพลิงจึงถือไม่ได้ว่าขณะจำเลยกระทำการตามฟ้องจำเลยมีอำนาจหน้าที่ดังฟ้อง
ความผิดฐานรายงานเท็จ เมื่อไม่ปรากฏว่า การที่จำเลยรายงานเท็จดังฟ้องได้เกิดความเสียหาย หรืออาจจะเสียหายแก่กรมเชื้อเพลิงได้อย่างไร ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
ความผิดฐานรายงานเท็จ เมื่อไม่ปรากฏว่า การที่จำเลยรายงานเท็จดังฟ้องได้เกิดความเสียหาย หรืออาจจะเสียหายแก่กรมเชื้อเพลิงได้อย่างไร ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1517/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาการรายงานผลการขุดแร่เป็นสำคัญ หากไม่มีเจตนาเท็จ แม้รายงานผิด ก็ไม่เป็นความผิด
เพียงแต่ยื่นบัญชีแสดงรายงานงบเดือนการขุดหาแร่และจำหน่ายแร่ดีบุกต่อเจ้าพนักงานผิดจากความจริงนั้นยังไม่เป็นความผิด จะเป็นผิดต่อเมื่อโจทก์สืบได้ว่าจำเลยมีเจตนารายงานเท็จ.