พบผลลัพธ์ทั้งหมด 40 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1338/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเรื่องน้ำทางไหล การพิสูจน์น้ำทางไหลตามธรรมชาติ และการอ้างสิทธิภาระจำยอมโดยอายุความที่ไม่ตรงกับรูปคดี
โจทก์ฟ้องตั้งรูปคดีว่า ที่นาจำเลยสูงกว่าที่นาโจทก์ การทำนาของโจทก์ต้องอาศัยน้ำจากลำเหมืองซึ่งผ่านที่นาจำเลยโดยเปิดคันนาจำเลยให้น้ำซึ่งไหลตามธรรมดาจากที่นาจำเลยเข้าไปสู่ที่นาโจทก์จำเลยปิดกั้นคันนาของจำเลยไม่ยอมให้น้ำไหลเข้าสู่ที่นาโจทก์ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยเปิดคันนาและเรียกค่าเสียหาย เป็นการฟ้องว่าจำเลยใช้สิทธิโดยฝ่าฝืน ป.พ.พ. มาตรา 1339 อันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ เมื่อศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าน้ำที่ไหลเข้าที่นาจำเลยไม่ใช่น้ำที่ไหลตามธรรมดาจากที่ดินสูงไปสู่ที่ดินต่ำมิใช่กรณีตาม ป.พ.พ. มาตรา 1339 และมิใช่กรณีเป็นการชักน้ำไว้เกินกว่าจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการทำนาของจำเลย ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1355 ฎีกาโจทก์ที่ว่าจำเลยยอมเปิดคันนาให้น้ำไหลผ่านที่นาจำเลยเข้าสู่ที่นาโจทก์เพื่อให้โจทก์ใช้ทำนาติดต่อกันมาเกินกว่า 10ปี โจทก์ย่อมได้ภารจำยอมโดยอายุความนั้น จึงไม่ตรงกับรูปเรื่องและเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามฎีกาตามป.วิ.พ. มาตรา 249.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 122/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความน่าเชื่อถือพยานหลักฐานในคดีข่มขืน พยานเบิกความขัดแย้งกัน รูปคดีมีเหตุให้สงสัย
ผู้เสียหายและ ส. พยานโจทก์เบิกความขัดกันในสาระสำคัญหลายประการและขัดกับคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายเองด้วยทำให้น่าสงสัยและที่ผู้เสียหายเบิกความว่า จำเลยพาผู้เสียหายไปโดยการขู่เข็ญ บังคับโดยผู้เสียหายไม่เต็มใจไปกับจำเลย จำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย โดยจับมือทั้งสองของผู้เสียหายและเหวี่ยงบังคับกดลงกับพื้น จำเลยกดทับตัวผู้เสียหาย ผู้เสียหายรู้สึกเจ็บที่อวัยวะเพศและพบว่ามีเลือดไหลออกมามากจนเปรอะเปื้อนพื้นกระดาน จำเลยเอาน้ำจากห้องน้ำมาล้าง ส่วนผู้เสียหายลุก ไม่ไหวจนกระทั่งรุ่งเช้าผู้เสียหายลุกขึ้นยังเดินเซ จะเข้าห้องน้ำจนจำเลยต้องช่วยประคอง นั้น พยานโจทก์ซึ่งเป็นแพทย์ก็เบิกความว่าได้ตรวจร่างกายผู้เสียหายหลังจากถูกข่มขืนเพียง 5 วัน ไม่พบรอยฉีก ขาดหรือฟกช้ำ รูปคดีจึงมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำผิดหรือไม่ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้แก่จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 697/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละประเด็นข้อพิพาทและการสืบพยานในประเด็นเดียวที่เหลืออยู่ ศาลต้องวินิจฉัยตามรูปคดี
ก่อนสืบพยานคู่ความแถลงขอสละประเด็นข้อพิพาททุกข้อคงเหลือเพียงข้อเดียวว่าโจทก์รังวัดเข้ามาในที่ดินของจำเลยหรือไม่ แสดงว่าจำเลยสละข้อต่อสู้อื่น ๆ ทั้งหมด คงให้ศาลสืบพยานและวินิจฉัยประเด็นดังกล่าวข้อเดียวเป็นข้อแพ้ชนะ ฉะนั้นหากสืบพยานเสร็จฟังได้ว่าโจทก์รังวัดเข้าไปในที่ดินของจำเลย ศาลต้องพิพากษายกฟ้อง แต่ถ้า ฟังได้ว่าไม่ได้รังวัดเข้าไปในที่ดินของจำเลยก็ต้องพิพากษาบังคับให้จำเลยรับรองแนวเขตที่ดินของโจทก์ตามฟ้อง มิใช่ว่าแม้จะพิจารณาได้ความอย่างไรคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ก็ไม่อาจบังคับตามกฎหมายให้โจทก์ได้ ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องด้วยเหตุดังกล่าว ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ศาลฎีกาจึงชอบที่จะพิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไปให้สิ้นกระแสความแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี โจทก์ฎีกาขอให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ มิได้ฎีกาขอให้โจทก์ชนะคดีตามฟ้อง ทั้งประเด็นค่าเสียหายโจทก์จำเลยก็สละแล้ว จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลสองร้อยบาท ตามตาราง 1 ท้าย ป.วิ.พ. ข้อ 2(ก).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2900/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลาอุทธรณ์: เหตุผลความจำเป็นและผลกระทบต่อรูปคดี
ข้ออ้างของทนายจำเลยในการขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ที่ว่า จำเลยไม่นำหนังสือรับรองที่ใช้ประกอบคำอุทธรณ์มาให้ทนายจำเลยกับอ้างประโยชน์แห่งความยุติธรรม และมิได้ทำให้โจทก์เสียเปรียบในรูปคดีนั้น มิใช่พฤติการณ์พิเศษที่ศาลจะสั่งขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบกับ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยคดีลายมือชื่อ แม้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ก็ไม่เป็นประโยชน์ หากพยานหลักฐานอื่นเพียงพอต่อการวินิจฉัย
เมื่อพยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบมาพอแก่การวินิจฉัยคดีแล้วแม้ผู้เชี่ยวชาญจะตรวจลายมือชื่อจำเลยในเอกสารก็ไม่เป็นประโยชน์แก่รูปคดีของจำเลย เพราะจำเลยเบิกความรับอยู่แล้วว่าลายมือชื่อจำเลยแตกต่างกันบ้าง และตัวอย่างลายมือชื่อที่จำเลยให้ไว้แก่ธนาคารโจทก์กับตัวอย่างลายมือชื่อที่จำเลยขอให้ศาลหมายเรียกมาจากธนาคารอื่นก็ไม่เหมือนกัน แสดงว่าจำเลยเขียนลายมือชื่อหลายแบบ จึงไม่จำเป็นต้องให้พยานผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของจำเลยไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 336/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคดีที่ขัดต่อข้อห้ามตามกฎหมาย และอุทธรณ์ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี
คดีโจทก์ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคดีของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่ง ที่ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์อ้างเหตุว่า โจทก์ไม่ยื่นอุทธรณ์ภายใน 10 วัน ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์อุทธรณ์คำสั่งภายในกำหนดแล้วจึงให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ ดังนี้ เมื่ออุทธรณ์ของโจทก์มุ่งผลขอให้มีการสืบพยานโจทก์ต่อไปเท่านั้น จึงไม่เป็นประโยชน์แก่รูปคดีของโจทก์และเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายที่ไร้สาระ ไม่สมควรที่ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 336/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี แม้ศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์ไว้ ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการเสียเวลา
คดีโจทก์ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคดีของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่ง ที่ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์อ้างเหตุว่า โจทก์ไม่ยื่นอุทธรณ์ภายใน 10 วันศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์อุทธรณ์คำสั่งภายในกำหนดแล้วจึงให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ ดังนี้ เมื่ออุทธรณ์ของโจทก์มุ่งผลขอให้มีการสืบพยานโจทก์ต่อไปเท่านั้น จึงไม่เป็นประโยชน์แก่รูปคดีของโจทก์และเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายที่ไร้สาระไม่สมควรที่ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3239/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จต่อศาลมีผลต่อรูปคดี แม้ศาลมิได้หยิบยกขึ้นวินิจฉัย ถือเป็นข้อสำคัญในคดี
ตามคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยได้ความว่าจำเลยรู้เห็นใกล้ชิดกับเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ แต่ในชั้นศาลจำเลยกลับเบิกความอันเป็นเท็จว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุขณะเกิดเหตุ หากจำเลยเบิกความไปตามที่รู้เห็นดังที่ให้การไว้ในชั้นสอบสวนจำเลยย่อมเป็นพยานที่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์สนับสนุนคำของพยานโจทก์ปากอื่นให้มีน้ำหนักมั่นคงยิ่งขึ้นอันอาจทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไปในทางตรงข้ามได้ ดังนี้ แม้ศาลจะมิได้หยิบยกคำเบิกความของจำเลยขึ้นวินิจฉัย คำเบิกความอันเป็นเท็จของจำเลยก็เป็นข้อสำคัญในคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 276/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานประกอบเหตุผลแห่งรูปคดีและการกระทำหลังเกิดเหตุเป็นเหตุให้เชื่อได้ว่าจำเลยมีความผิด
หลังเกิดเหตุจำเลยหายไปจากบ้านจนตำรวจต้องสืบสวนติดตามตัวอยู่หลายวันจึงจับตัวได้ เป็นการส่อพิรุธศาลฟังประกอบการวินิจฉัยลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 223/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้าพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือไม่สมบูรณ์ ศาลต้องพิจารณาตามรูปคดี
ในชั้นพิจารณาโจทก์จำเลยท้ากันให้ส่งเอกสารรวม 5 ฉบับไปพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือที่กองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจ ถ้าผลการพิสูจน์น่าเชื่อว่าเป็นลายพิมพ์นิ้วมือของโจทก์แม้แต่ลายพิมพ์หนึ่งลายพิมพ์ใด โจทก์ยอมแพ้คดี แต่ถ้าผลปรากฏว่าไม่น่าเชื่อว่าเป็นลายพิมพ์นิ้วมือของโจทก์แล้ว จำเลยยอมแพ้คดี ครั้นกองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจตรวจพิสูจน์แล้ว ลงความเห็นว่า เอกสาร 4 ฉบับ ไม่ใช่ลายพิมพ์นิ้วมือของโจทก์ ส่วนอีกฉบับหนึ่งเลอะเลือน ไม่อาจตรวจลงความเห็นได้ ดังนี้ ย่อมไม่ครบถ้วนตรงตามคำท้าของฝ่ายจำเลยที่ว่า จะถือว่าจำเลยแพ้คดีก็ต่อเมื่อไม่น่าเชื่อว่าเป็นลายพิมพ์นิ้วมือของโจทก์ทั้งหมดเท่านั้น แม้เอกสารฉบับที่ 5 ที่พิสูจน์ไม่ได้จะเป็นคู่ฉบับของเอกสารฉบับที่ 1 ก็ตาม ก็จะพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีไม่ได้ เพราะไม่ตรงตามคำท้าที่โจทก์จำเลยตกลงกัน กรณีเช่นนี้คำท้าของโจทก์จำเลยย่อมเป็นอันตกไป และศาลต้องดำเนินการพิจารณาต่อไปตามรูปคดี