พบผลลัพธ์ทั้งหมด 120 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9546/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดฐานฉายวิดีโอคาราโอเกะโดยไม่ได้รับอนุญาต และการริบของกลาง
ผู้ร้องเป็นเจ้าของตู้คาราโอเกะ อันประกอบด้วยเครื่องรับโทรทัศน์สี เครื่องเล่นวิดีโอซีดี แผ่นวิดีโอซีดี และเครื่องเสียงพร้อมลำโพง ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาให้ริบตาม ป.อ. มาตรา 33 เพราะจำเลยได้นำไปฉายหรือให้บริการ วิดีโอซีดีคาราโอเกะที่มีการแสดงภาพและเสียงเพลงบริการลูกค้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตาม พ.ร.บ. ควมคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 มาตรา 4, 20 วรรคสอง, 38 แต่ผู้ร้องทราบความต้องการของจำเลยว่าจำเลยต้องการติดตั้งตู้คาราโอเกะอย่างเร่งด่วนในทันทีแม้จำเลยยังไม่ได้รับใบอนุญาต ทั้งนี้เพื่อเป็นการเอาใจลูกค้ารวมถึงกิจการค้าขายเจริญขึ้นตามไปด้วย ดังนี้รับฟังได้ว่า ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาคดีถึงที่สุด ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้จัดให้มีการฉายวิดีโอซีดีที่มีการแสดงภาพและเสียงเพลงขึ้นในสถานที่ให้บริการเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ แม้คำพิพากษาดังกล่าวไม่ผูกพันผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอก แต่เมื่อผู้ร้องไม่ได้โต้แย้งว่าจำเลยไม่ได้ใช้ตู้คาราโอเกะของกลางอันประกอบด้วยเครื่องรับโทรทัศน์สีวิดีโอซีดี เครื่องเล่นวิดีโอซีดี เครื่องเสียงและลำโพงในการกระทำความผิดฐานฉายวิดีโอซีดีของกลางที่มีการแสดงภาพและ เสียงเพลงในสถานที่ให้บริการเทปหรือวัสดุโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงต้องฟังว่าทรัพย์ทั้งหมดถูกใช้ในการกระทำผิดของจำเลย ทรัพย์ชิ้นใดโดยตัวของมันเองจะเป็นวัสดุโทรทัศน์หรือไม่ก็ตาม ทรัพย์นั้นก็ยังคงเป็นทรัพย์ที่ ถูกใช้ร่วมกับทรัพย์อื่นในการกระทำความผิดฐานฉายวิดีโอซีดีที่มีการแสดงภาพและเสียงเพลงขึ้นในสถานที่ให้บริการเทปหรือวัสดุโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาตอันควรต้องริบตาม ป.อ. มาตรา 33 อยู่ดี จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกาว่าทรัพย์ชิ้นใดเป็นวัสดุโทรทัศน์อันจะริบตาม พ.ร.บ. ควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 มาตรา 4 หรือไม่
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาคดีถึงที่สุด ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้จัดให้มีการฉายวิดีโอซีดีที่มีการแสดงภาพและเสียงเพลงขึ้นในสถานที่ให้บริการเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ แม้คำพิพากษาดังกล่าวไม่ผูกพันผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอก แต่เมื่อผู้ร้องไม่ได้โต้แย้งว่าจำเลยไม่ได้ใช้ตู้คาราโอเกะของกลางอันประกอบด้วยเครื่องรับโทรทัศน์สีวิดีโอซีดี เครื่องเล่นวิดีโอซีดี เครื่องเสียงและลำโพงในการกระทำความผิดฐานฉายวิดีโอซีดีของกลางที่มีการแสดงภาพและ เสียงเพลงในสถานที่ให้บริการเทปหรือวัสดุโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงต้องฟังว่าทรัพย์ทั้งหมดถูกใช้ในการกระทำผิดของจำเลย ทรัพย์ชิ้นใดโดยตัวของมันเองจะเป็นวัสดุโทรทัศน์หรือไม่ก็ตาม ทรัพย์นั้นก็ยังคงเป็นทรัพย์ที่ ถูกใช้ร่วมกับทรัพย์อื่นในการกระทำความผิดฐานฉายวิดีโอซีดีที่มีการแสดงภาพและเสียงเพลงขึ้นในสถานที่ให้บริการเทปหรือวัสดุโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาตอันควรต้องริบตาม ป.อ. มาตรา 33 อยู่ดี จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกาว่าทรัพย์ชิ้นใดเป็นวัสดุโทรทัศน์อันจะริบตาม พ.ร.บ. ควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 มาตรา 4 หรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2300/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า, พยายามฆ่า, การสนับสนุนความผิด, การกระทำโดยรู้เห็นเป็นใจ
ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยที่ 1 มาก่อนในวันเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ซึ่งจำเลยที่ 2 ขับแล่นผ่านบริเวณที่ผู้เสียหายกับพวกนั่งดื่มสุราอยู่ ต่อมาจำเลยที่ 1 ก็นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของจำเลยที่ 2 มาจอดติดเครื่องรออยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 1 ถึง 2 เมตร จำเลยที่ 1 ลงจากรถแล้วเข้าไปใช้ไม้ท่อนกลม ผิวขรุขระ เส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5 นิ้ว ยาว 1 ช่วงแขน ตีศีรษะผู้เสียหาย 2 ถึง 3 ครั้ง จนผู้เสียหายหมดสติ การที่จำเลยที่ 1 ใช้ไม้ท่อนขนาดใหญ่ตีผู้เสียหายที่ศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ 2 ถึง 3 ครั้ง จนเป็นเหตุให้กะโหลกศีรษะแตก หากรักษาไม่ทันอาจได้รับอันตรายถึงชีวิต และจำเลยที่ 1 กับผู้เสียหายมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน แสดงว่า จำเลยที่ 1 มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย แม้ผู้เสียหายจะมีบาดแผลเพียงแห่งเดียวก็ตาม เมื่อจำเลยที่ 1 มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตาย เพียงแต่ได้รับอันตรายสาหัส การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น
จำเลยที่ 2 จอดรถจักรยานยนต์ติดเครื่องรอจำเลยที่ 1 อยู่ห่างจากผู้เสียหายประมาณ 1 ถึง 2 เมตร และสามารถเห็นการกระทำของจำเลยที่ 1 โดยตลอด จำเลยที่ 2 ไม่รู้ถึงเจตนาของจำเลยที่ 1 ก่อนจะมากระทำความผิดแต่ทราบได้ในขณะที่เห็นจำเลยที่ 1 ลงมือกระทำความผิด จำเลยที่ 2 ก็ยังคงจอดรถรออยู่พร้อมที่จะรับจำเลยที่ 1 พาหลบหนีไปเพื่อให้พ้นการจับกุมได้ทุกเมื่อและก็รับจำเลยที่ 1 หลบหนีไปด้วย อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ในขณะกระทำความผิดครบองค์ประกอบความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตาม ป.อ มาตรา 86 การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นการสนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น
จำเลยที่ 2 จอดรถจักรยานยนต์ติดเครื่องรอจำเลยที่ 1 อยู่ห่างจากผู้เสียหายประมาณ 1 ถึง 2 เมตร และสามารถเห็นการกระทำของจำเลยที่ 1 โดยตลอด จำเลยที่ 2 ไม่รู้ถึงเจตนาของจำเลยที่ 1 ก่อนจะมากระทำความผิดแต่ทราบได้ในขณะที่เห็นจำเลยที่ 1 ลงมือกระทำความผิด จำเลยที่ 2 ก็ยังคงจอดรถรออยู่พร้อมที่จะรับจำเลยที่ 1 พาหลบหนีไปเพื่อให้พ้นการจับกุมได้ทุกเมื่อและก็รับจำเลยที่ 1 หลบหนีไปด้วย อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ในขณะกระทำความผิดครบองค์ประกอบความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตาม ป.อ มาตรา 86 การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นการสนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาของผู้ให้เช่าซื้อที่เพิกเฉยต่อการผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อ และรับชำระเงินต่อ ย่อมถือได้ว่ารู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิด
ผู้ร้องทราบว่าศาลชั้นต้นพิพากษาริบรถจักรยานยนต์ของกลาง แต่ผู้ร้องก็เพิกเฉยหาได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อไม่ ทั้งยังรับชำระค่าเช่าซื้อต่อมาอีก 2 งวด หลังจากนั้นอีกประมาณ 5 เดือน ผู้ร้องจึงบอกเลิกสัญญาและมายื่นคำร้องขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลาง พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ผู้ร้องมีเจตนาเพียงต้องการที่จะได้รับเงินค่าเช่าซื้อตามสัญญาเช่าซื้อเท่านั้น จึงเพิกเฉยไม่บอกเลิกสัญญาและไม่ติดตามเอารถจักรยานยนต์ของกลางคืน ทั้ง ๆ ที่มีการผิดนัดค่าเช่าซื้อติดต่อกันมาหลายงวด การที่ผู้ร้องมาขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลางจึงเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของจำเลย เข้าลักษณะผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7186/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรู้เห็นเป็นใจในสัญญาเช่าซื้อและการขอคืนรถยนต์ที่ถูกยึด ศาลฎีกาตัดสินว่าผู้ให้เช่าซื้อไม่มีสิทธิขอคืน
ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ให้เช่าซื้อทราบว่ารถยนต์บรรทุกสิบล้อของกลางถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิดต่อกฎหมายจนถูกจับกุม และถูกพนักงานสอบสวนยึดไว้เป็นของกลาง แต่ยังคงทำหนังสือมอบอำนาจให้ผู้เช่าซื้อดำเนินการขอรับรถยนต์บรรทุกสิบล้อของกลางคืนจากพนักงานสอบสวน โดยมิได้บอกเลิกสัญญาแก่ผู้เช่าซื้อรวมทั้งยังคงรับชำระค่าเช่าซื้อภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ริบรถยนต์บรรทุกสิบล้อของกลางแล้ว ตามพฤติการณ์ดังกล่าวของผู้ร้องย่อมเห็นได้ว่าการที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์บรรทุกสิบล้อของกลางน่าจะเป็นไปเพื่อผลประโยชน์แก่ผู้เช่าซื้อที่จะผ่อนชำระค่าเช่าซื้อต่อไปและได้รับรถยนต์บรรทุกสิบล้อของกลางไปจากผู้ร้องในภายหลัง ซึ่งมีลักษณะเป็นการร่วมรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยลูกจ้างผู้เช่าซื้อ ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอคืนรถยนต์บรรทุกสิบล้อของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5857/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ปกครองต่อการกระทำผิดของบุตร การรู้เห็นเป็นใจและละเลยการดูแล
จำเลยนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปขับแข่ง แสดงให้เห็นว่าจำเลยขับรถจักรยานยนต์เป็นและขับเก่ง การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นมารดาไม่ทราบว่าจำเลยขับเก่งแสดงว่าไม่สนใจดูแลเอาใจใส่จำเลยซึ่งเป็นบุตรเท่าที่ควรและไม่ปรากฏว่าผู้ร้องใส่กุญแจลิ้นชักที่วางกุญแจรถจักรยานยนต์ไว้ให้ดีเป็นเหตุให้จำเลยนำรถจักรยานยนต์ไปขับได้โดยง่ายเช่นนี้ ถือได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิดของจำเลยแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 612/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนทรัพย์สินของกลางแก่ผู้เสียหาย ผู้ซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของผู้อื่น
แม้จำเลยจะเป็นบุตรของผู้ร้องและอาศัยอยู่บ้านเดียวกันแต่จำเลยก็มีครอบครัวแล้ว การที่จำเลยซึ่งเป็นบุตรถือวิสาสะนำรถยนต์ของผู้ร้องซึ่งเป็นมารดาไปทำการค้าบรรทุกผักแล้วเกิดความคิดซุกซ่อนเมทแอมเฟตามีนไว้ในรถยนต์เอากลับมาบ้านจนเจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นยึดไว้ได้นั้นไม่ปรากฏพฤติการณ์ชี้ชัดว่าผู้ร้องเคยทราบว่าจำเลยมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาก่อน ผู้ร้องจึงมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการที่จำเลยนำเอารถยนต์ของผู้ร้องไปใช้ในการกระทำความผิด ต้องคืนรถยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 539/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิขอคืนรถจักรยานยนต์ของผู้ให้เช่าซื้อเมื่อผู้เช่าซื้อนำไปใช้กระทำผิด โดยผู้ให้เช่าซื้อมิได้รู้เห็นเป็นใจ
การที่มีบุคคลเอารถจักรยานยนต์ของผู้ร้องไปกระทำผิดผู้ร้องย่อมไม่อาจทราบได้ทั้งโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาสืบให้เห็นว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดอย่างใด นอกจากนี้ผู้ร้องยังได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อไปยัง บ. ผู้เช่าซื้อหลังจากที่จำเลยที่ 2 ได้นำรถจักรยานยนต์ของกลางไปใช้ในการกระทำผิด จึงน่าเชื่อว่าผู้ร้องไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดและใช้สิทธิขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลาง ผู้ร้องจึงมีสิทธิขอ รถจักรยานยนต์ของกลางคืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 376/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในรถเช่าซื้อ & การไม่รู้เห็นเป็นใจต่อความผิด: สิทธิขอคืนของกลาง
ผู้ร้องเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด การให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางเป็นวัตถุประสงค์ข้อหนึ่งของผู้ร้อง หลังจากผู้ร้องให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางไปแล้ว ผู้เช่าซื้อเป็นผู้ครอบครองใช้สอยรถจักรยานยนต์ดังกล่าว ผู้ร้องไม่อาจทราบได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นลูกเลี้ยงของผู้เช่าซื้อจะเอารถจักรยานยนต์ของกลางไปใช้กระทำความผิดเมื่อใด ทางนำสืบของโจทก์ก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ร้องมีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดของจำเลย จึงน่าเชื่อว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด และที่ผู้ร้องไม่ได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อหลังจากทราบว่าจำเลยนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปใช้กระทำความผิด จะถือว่าผู้ร้องทำไปเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นอันเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตหาได้ไม่ เพราะกฎหมายให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลทุกคนกระทำการโดยสุจริต เมื่อรถจักรยานยนต์ของกลางเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง การยื่นคำร้องขอคืนของกลางก็เพื่อประโยชน์ของผู้ร้องเอง ผู้ร้องย่อมมีสิทธิร้องขอให้ศาลสั่งคืนของกลางแก่ผู้ร้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3321/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรู้เห็นเป็นใจในการจัดให้มีการเล่นการพนันสนุกเกอร์ แม้จะติดป้ายห้ามเล่น
การเล่นสนุกเกอร์มีลักษณะเป็นการแข่งขันกันระหว่างผู้เล่น การเก็บเงินจากผู้เล่นจึงมีส่วนทำให้ผู้เล่นพนันเอาทรัพย์สินกันเพื่อนำเอาเงินส่วนหนึ่งมาชำระค่าเล่นเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยทั้งสามในวันเวลาเดียวกันแสดงว่ามีการเล่นการพนันสนุกเกอร์ถึง 3 โต๊ะเป็นลักษณะเล่นกันโดยเปิดเผย มิใช่ลักษณะลักลอบเล่น จำเลยที่ 1เป็นลูกจ้างผู้ร้อง เป็นผู้ดูแลอยู่ที่สมาคมของผู้ร้อง หากผู้ร้องห้ามเล่นสนุกเกอร์จริงแล้ว จำเลยที่ 1 ไม่น่าจะกล้าจัดให้มี การเล่นโดยเปิดเผยเช่นนี้ การที่ผู้ร้องปิดป้ายห้ามเล่นการพนัน ไว้ที่ทางเข้าสมาคมน่าจะเพียงเพื่อนำไว้ใช้เป็นหลักฐาน ที่จะอ้างว่าผู้ร้องมิได้ร่วมกระทำผิดด้วยเท่านั้น เชื่อได้ว่า ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1681/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ปกครองยินยอมให้ผู้เยาว์ใช้รถโดยขาดการควบคุม ย่อมถือว่ารู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิด
กุญแจที่ใช้กับรถจักรยานยนต์ของกลางมีจำนวน 2 ชุดโดยชุดหนึ่งแขวนไว้ในบ้านเพื่อให้บุคคลในบ้านสามารถหยิบไปใช้ได้ ส่วนอีกชุดหนึ่งจะเก็บรักษาไว้สำหรับเมื่อกุญแจที่แขวนไว้ดังกล่าวสูญหาย และจำเลยซึ่งเป็นผู้เยาว์สามารถนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปใช้ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตผู้ร้อง และส่วนใหญ่จำเลยจะนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปใช้โดยไม่ได้บอกผู้ร้อง แสดงว่าผู้ร้องยินยอมอนุญาตให้จำเลยหยิบกุญแจรถจักรยานยนต์ของกลางดังกล่าวไปใช้ได้ตลอดเวลาตามที่จำเลยต้องการใช้ โดยไม่คำนึงถึงว่าผู้เยาว์ซึ่งอยู่ในอำนาจปกครองของตนจะนำรถจักรยานยนต์ไปใช้ในกิจการใดเมื่อจำเลยนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปขับขี่แข่งขันกันในถนนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจรเช่นนี้ ย่อมถือว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดของจำเลยแล้ว