คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ร่วมกระทำ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 48 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4949/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมทำร้ายร่างกายผู้อื่น: การพิสูจน์เจตนาและความเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด
ก่อนเกิดเหตุที่ผู้เสียหายถูกทำร้ายจนนิ้วก้อยข้างซ้ายขาดนั้น ผู้เสียหายไม่ได้มีสาเหตุหรือทะเลาะกับจำเลยที่ 2 มาก่อน ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 มีส่วนร่วมสมคบหรือวางแผนเพื่อทำร้ายผู้เสียหาย และขณะผู้เสียหายถูกทำร้ายนั้นจำเลยที่ 2 ก็มิได้อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุพอที่จะช่วยเหลือจำเลยที่ 1 และที่ 3 คงได้ความเพียงว่าเมื่อผู้เสียหายวิ่งหลบหนีภายหลังถูกจำเลยที่ 1 และที่ 3 ทำร้ายแล้วมาพบจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ได้จับชายผ้าขาวม้าที่ผู้เสียหายคาดเอวไว้และจำเลยที่ 2 กับพวกรุมชกต่อยผู้เสียหายจนกระทั่งจำเลยที่ 1 และที่ 3 ตามมาทัน จำเลยที่ 1 จึงใช้มีดฟันผู้เสียหาย แต่พลาดไปถูกขาจำเลยที่ 2 ได้รับบาดเจ็บพฤติการณ์และการกระทำของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังผู้เสียหายถูกทำร้ายจนได้รับอันตรายสาหัสไปแล้ว การที่จำเลยที่ 2 ชกต่อยทำร้ายผู้เสียหายในตอนหลัง และการที่จำเลยที่ 2 มางานเลี้ยงที่บ้าน ค. พร้อมกับจำเลยที่ 1 ยังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับ จำเลยที่ 1 และที่ 3 ทำร้ายผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส จำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 คงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3183/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 2 ในการละเมิด เพราะไม่มีส่วนร่วมในการตกลงใจหรือรับประโยชน์โดยตรง
จำเลยที่ 2 ได้ไปปรึกษาจำเลยที่ 3 เกี่ยวกับเรื่องจะว่าจ้างทนายความในการดำเนินการขายที่ดิน จำเลยที่ 3 ได้พาไปหา ส. ซึ่งเป็นญาติทำงานอยู่ที่สำนักงานทนายความ แล้วจึงได้มีการจ้างทนายความที่สำนักงานทนายความนั้นให้เขียนสัญญาซื้อขายและจำเลยที่ 3 เป็นเพียงพยานในสัญญาซื้อขายเท่านั้นส่วนการดำเนินการขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 กับทนายความของจำเลยที่ 2 เป็นผู้ดำเนินการ เมื่อจำเลยที่ 3 ไม่ได้เป็นผู้ออกอุบายและร่วมตกลงใจให้จำเลยที่ 2 ดำเนินการดังกล่าว แต่เป็นเรื่องที่เป็นการกระทำอันเกิดแต่เจตนาของจำเลยที่ 2 เองมาตั้งแต่แรก เพียงแต่ไม่ทราบว่าจะทำอย่างใดจึงต้องให้ทนายความช่วยดำเนินการให้ ส่วนการที่จำเลยที่ 3 ไปรับเงินจากโจทก์ที่ 3มิใช่เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 3 ไปรับเงินเพื่อประโยชน์ของจำเลยที่ 3 เอง แต่เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลุงใช้ให้จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นหลานช่วยไปรับเงินแทนเท่านั้นดังนี้ แม้จำเลยที่ 2 จะกระทำละเมิดต่อโจทก์ก็จะฟังว่าจำเลยที่ 3 มีส่วนร่วมในการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 2 ด้วยไม่ได้
ค่าเสียหายจากการขาดกำไรในการขายที่ดินพิพาทที่โจทก์เรียกร้องมาเป็นเรื่องอนาคตยังไม่แน่นอน โจทก์จึงไม่อาจเรียกร้องค่าเสียหายในส่วนนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5876/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงส่งไปทำงานต่างประเทศ: เจตนาหลอกลวง, การกระทำร่วม, รอการลงโทษสำหรับผู้กระทำผิดหญิงมีภาระ
จำเลยกับพวกได้ไปที่บ้านผู้เสียหายทั้งสองแล้วได้ใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายทั้งสองว่า จำเลยกับพวกสามารถส่งบุตรของผู้เสียหายทั้งสองไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นได้โดยต้องเสียเงินแก่จำเลยกับพวกผู้เสียหายทั้งสองหลงเชื่อจึงได้มอบเงินจำนวน210,000 บาท แก่จำเลยกับพวกไป โดยความจริงจำเลยกับพวกไม่สามารถส่งคนไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นได้ และการที่ผู้เสียหายทั้งสองติดตามไปที่บ้านของจำเลย แต่จำเลยกลับปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็น แสดงว่าขณะที่จำเลยกับพวกไปชักชวนผู้เสียหายทั้งสองก็ดี และขณะที่จำเลยกับพวกไปรับเงินจากผู้เสียหายทั้งสองก็ดี จำเลยมีเจตนาที่จะไม่ส่งบุตรของผู้เสียหาย ไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นจำเลยจึงมีความผิดฐานร่วมกับพวกฉ้อโกงผู้เสียหายทั้งสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505-506/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ตัวการร่วมในความผิดพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร ต้องแสดงการร่วมกระทำในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ
การเข้าร่วมกระทำความผิดด้วยกันที่กฎหมายบัญญัติว่าเป็นตัวการจะต้องเป็นการเข้าร่วมในระหว่างที่มีการกระทำความผิดแต่เมื่อไม่ปรากฏว่าระหว่างที่ อ. กับ น. ไปรับผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ออกมาจากบ้านจนถึงเวลาที่นำผู้เสียหายไปยังบ้านที่เกิดเหตุนั้นจำเลยทั้งสองได้มีส่วนร่วมรู้เห็นหรือร่วมกระทำการด้วยทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองร่วมคบคิดหรือนัดแนะกับ อ.และ น. อยู่ก่อนแล้วในการที่ อ. กับ น. จะพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารแม้จำเลยทั้งสองได้ตามไปยังบ้านที่เกิดเหตุและได้ร่วมประเวณีกับผู้เสียหายก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นตัวการร่วมกับ อ. และ น. พาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจาร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1524/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมวางแผนฆ่าโดยแบ่งหน้าที่: การกระทำที่บ่งชี้ถึงเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน
การที่จำเลยได้พูดปรึกษากับ ธ. และ ม. พร้อมทั้งได้มอบอาวุธปืนสั้นให้ ธ. แล้วมานอนคอยสังเกตการณ์อยู่ในร้ายที่เกิดเหตุจนกระทั่ง ธ.ย้อนกลับมายิงผู้ตายถึงแก่ความตายนั้น เป็นพฤติการณ์ที่บ่งชี้ให้เห็นอย่างแน่ชัดว่าจำเลยกับพวกได้ร่วมกันวางแผนฆ่าผู้ตายโดยแบ่งหน้าที่กันทำ จึงถือว่าเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4749/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่น ต้องเป็นการกระทำเพื่อผู้อื่น มิใช่เพื่อตนเองหรือผู้ร่วมกระทำ
การเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไป เพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นอันจะเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 283 จะต้องเป็นกรณีที่เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นแต่หากเป็นกรณีที่กระทำไปเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้กระทำเองหรือร่วมกันกระทำเพื่อผู้ใดในบรรดาผู้ร่วมกระทำด้วยกันแล้วก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรานี้ การที่จำเลยกับ ส. และพวกอีกคนหนึ่งร่วมกันดักฉุดผู้เสียหายเพื่อสำเร็จความใคร่ของส. และเพื่อการอนาจารผู้เสียหายเป็นกรณีที่กระทำไปเพื่อ ส. ซึ่งเป็นผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกัน หาใช่เป็นกรณีร่วมกันพาไปให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นไม่จำเลยจึงไม่มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 283.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปล้นทรัพย์: การกระทำร่วมกันและบทบาทของผู้ร่วมกระทำ
จำเลยทั้งสามไล่ตาม ผู้เสียหายทั้งสองไปจนทันแล้วจำเลยที่ ๓ตบหน้าและชิง เอาเงินของผู้เสียหายไป โดย จำเลยที่ ๒ ล็อก คอผู้เสียหาอีกคนหนึ่งไว้เพื่อมิให้เข้าช่วยเหลือกัน จำเลยที่ ๑ แนะนำให้พาผู้เสียหายทั้งสองเข้าไปในซอย เพราะเกรงว่าจุดที่เกิดเหตุอยู่ริมถนนอาจมีผู้ผ่านไปมาพบเห็น จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ก็ล็อก คอและลากตัวผู้เสียหายเข้าไปในซอย แล้วจำเลยที่ ๓ ลงมือทำร้ายผู้เสียหายอีกแม้จำเลยที่ ๑ จะห้ามปรามก็เป็นขณะที่การประทุษร้ายต่อ ทรัพย์ได้ผ่านพ้นไปแล้ว การกระทำของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ เป็นการกระทำร่วมกับจำเลยที่ ๓ มาตั้งแต่ ต้น จนเหตุการณ์สิ้นสุดลง การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นความผิดฐาน ปล้นทรัพย์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3595/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดยักยอกทรัพย์: ตัวการร่วมกับผู้มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สิน แม้ไม่ใช่ผู้มีอาชีพที่ไว้วางใจได้ก็มีความผิด
ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ไม่ใช่ความผิดเฉพาะตัวของผู้ครอบครองทรัพย์เพียงผู้เดียว ผู้อื่นก็อาจร่วมกระทำความผิดกับผู้ครอบครองในการยักยอกทรัพย์ได้ หากได้ร่วมมือร่วมใจกันกระทำการยักยอกกับผู้ได้รับมอบหมายให้ครอบครองทรัพย์ ข้อที่ว่า ผู้ใดครอบครองทรัพย์นั้น มิใช่คุณสมบัติเฉพาะตัวผู้กระทำ แต่เป็นเพียงองค์ประกอบความผิดในส่วนการกระทำอันหนึ่งเท่านั้น
การที่จำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมิใช่ผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนได้ร่วมกับผู้จัดการและสมุห์บัญชีของธนาคารยักยอกทรัพย์ของธนาคาร จำเลยย่อมมีความผิดฐานเป็นตัวการยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ประกอบด้วยมาตรา 83แม้จำเลยจะร่วมกระทำผิดกับผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนก็เป็นเหตุเฉพาะตัวผู้กระทำผิดแต่ละคน จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 354 ประกอบด้วยมาตรา 86.
(วรรคสองวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2532)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2341/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย เจตนาของผู้กระทำเป็นสำคัญ
จำเลยที่ 3 โกรธที่ผู้ตายทวงเงิน 10 บาทที่จำเลยที่ 3 ยืมไป จำเลยที่ 3 จึงชวนจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และพวกมาดัก ทำร้ายผู้ตายกับพวก สาเหตุที่ดัก ทำร้ายเป็นเรื่องเล็กน้อย จำเลยทั้งสี่มิได้พกอาวุธมาด้วย แสดงว่าเจตนาเพียงชกต่อยทำร้ายร่างกายผู้ตายกับพวกเท่านั้น เมื่อชกต่อยจนผู้ตายล้มลงจำเลยที่ 1กระชากไม้รั้วจากข้างทางตี ผู้ตายจนตาย จึงเป็นการกระทำโดย เจตนาฆ่าของจำเลยที่ 1 เพียงผู้เดียวเท่านั้น จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4มิได้มีเจตนาร่วมในการกระทำในส่วนนี้ด้วย คงมีเจตนาเพียงร่วมทำร้ายร่างกายผู้ตายเท่านั้น เมื่อการร่วมทำร้ายเป็นผลให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 มีความผิดฐาน ร่วมทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2105/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกระทำความผิดพาตัวผู้เสียหายไปอนาจาร พยานผู้เสียหายให้การยืนยัน และผลกระทบจาก พ.ร.บ. ล้างมลทิน
โจทก์มีพยานคือผู้เสียหายเพียงปากเดียวที่เบิกความถึงการกระทำของจำเลย แต่ก็มีน้ำหนักน่าเชื่อเพราะเหตุเกิดเวลากลางวัน พยานมีโอกาสได้เห็นคนร้ายได้ชัดเจน และเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยมา ได้ให้ผู้เสียหายดูตัวผู้เสียหายก็ยืนยันในทันทีว่า จำเลยเป็นคนที่ร่วมกับคนร้ายช่วยฉุดพาผู้เสียหายลงเรือ ทั้งไม่มีเหตุที่จะพึงระแวงว่าผู้เสียหายปรักปรำใส่ร้ายจำเลย จึงเชื่อได้ว่าได้เบิกความไปตามที่ได้รู้เห็นจริง
คำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนไม่ได้รับสารภาพผิด เพียงแต่อ้างว่าจำเลยอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยเท่านั้น คำให้การดังกล่าวย่อมไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลจึงไม่ลดโทษให้
ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ได้มี พ.ร.บ. ล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระชนมพรรษา60 พรรษา พ.ศ. 2530 ใช้บังคับ ซึ่งล้างมลทินโทษจำเลยที่เคยต้องคำพิพากษาและพ้นโทษไปแล้วก่อนวันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับ จึงเพิ่มโทษและกักกันจำเลยไม่ได้
ศาลล่างพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 284 โดยมิได้ระบุวรรคนั้น ศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
of 5