คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ร่วมกระทำความผิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 52 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3614/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความถูกต้องของฟ้องคดีอาญา: การบรรยายลักษณะการกระทำผิดและการร่วมกระทำความผิด
โจทก์บรรยายฟ้องชัดแจ้งแล้วว่าจำเลยทั้งสองครอบครองอาคารเพื่อพานิชกรรมและจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันดัดแปลงอาคารเพื่อพาณิชยกรรมดังกล่าวซึ่งครบองค์ประกอบความผิด มาตรา 21 ประกอบมาตรา 70 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 โดยมาตรา 70 ระบุถึงกรณีกระทำการดัดแปลงอาคารเพื่อพาณิชยกรรม มิใช่ดัดแปลงอาคารโดยมีเจตนาพิเศษเพื่อพาณิชยกรรม จึงหาจำต้องบรรยายว่าจำเลยทั้งสองดัดแปลงอาคารโดยมีเจตนาพิเศษเพื่อพาณิชยกรรมไม่ และที่โจทก์บรรยายว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำผิดก็เข้าใจได้ในตัวเองแล้วไม่จำต้องบรรยายในรายละเอียดอีกว่าร่วมกันกระทำโดยตลอดหรือแบ่งหน้าที่กันทำอย่างไร โจทก์ไม่จำต้องอ้างมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรือมาตรา 72 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคารฯเพราะมิใช่มาตราที่บัญญัติว่าการกระทำเช่นใดเป็นความผิด ดังนั้น ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุมและถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)(6)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2923/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกระทำความผิดทางอาญา: การรับเอกสารจากผู้กระทำผิดโดยไม่มีเจตนาช่วยเหลือ
พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 ดึงใบสมัครงานทั้งสองฉบับไปจากมือของผู้เสียหายเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นในทันทีทันใดโดยจำเลยที่ 1 กระทำลงไปตามลำพัง จำเลยที่ 2มิได้สมคบร่วมรู้เห็นมาก่อน ดังนั้น แม้จำเลยที่ 2 จะเห็นการโต้ตอบระหว่างผู้เสียหายกับจำเลยที่ 1 และเห็นจำเลยที่ 1 แย่งเอกสารจากผู้เสียหายซึ่งเป็นเอกสารสำคัญ โดยมีพนักงานของจำเลยที่ 1 ประมาณ 20 คน ยืนล้อมผู้เสียหายอยู่และจำเลยที่ 2 ยอมรับเอกสารดังกล่าวมาเก็บรักษาไว้ก็ตาม ก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมมือกับจำเลยที่ 1 โดยยอมรับผลของการกระทำของจำเลยที่ 1 เพราะจำเลยที่ 2 มิได้มีการกระทำการใด ๆ ที่ส่อแสดงว่ามีการยอมรับการกระทำของจำเลยที่ 1 หรือร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำต่อผู้เสียหาย ทั้งจำเลยที่ 2 ก็มิได้มีหน้าที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลร้ายจากการกระทำของจำเลยที่ 1 ด้วย ฉะนั้น การที่จำเลยที่ 2 เพียงแต่รับเอกสารจากจำเลยที่ 1 ผู้เป็นนายจ้างมาเก็บรักษาไว้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6951/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการปล้นทรัพย์: การกระทำที่สนับสนุนและร่วมกระทำความผิด
จำเลยที่4ถึงที่7ร่วมกับจำเลยที่1ถึงที่3ว่าจ้างผู้เสียหายขับรถยนต์รับจ้างไปส่งที่เกิดเหตุขณะเกิดเหตุจำเลยที่3ซึ่งนั่งรวมอยู่กับจำเลยที่4ถึงที่7ด้านหลังลงมาช่วยจำเลยที่1และที่2ปลดทรัพย์ผู้เสียหายหลังเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่5ถึงที่7ได้ในลักษณะที่ตัวจำเลยที่5ถึงที่7เปรอะเปื้อนและเปียกส่วนจำเลยที่4ตามจับได้ตามคำซัดทอดของผู้ถูกจับได้ก่อนขณะเกิดเหตุจำเลยที่4ถึงที่7ไม่ห้ามปรามจำเลยที่1ถึงที่3ทั้งยังแยกย้ายกันหลบหนีพยานหลักฐานโจทก์ฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลยทั้งหมดฟังได้ว่าจำเลยที่4ถึงที่7ร่วมกับจำเลยที่1ถึงที่3ปล้นทรัพย์ผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505-506/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกระทำความผิดฐานพรากผู้เยาว์ ต้องเป็นการเข้าร่วมขณะเกิดเหตุ หากไม่มีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น ไม่เป็นตัวการ
การเข้าร่วมกระทำความผิดด้วยกันที่กฎหมายบัญญัติว่าเป็นตัวการนั้นจะต้องเป็นการเข้าร่วมในระหว่างที่มีการกระทำความผิดเมื่อไม่ปรากฎว่าระหว่างที่ อ.กับ น. ไปรับผู้เสียหายออกมาจากบ้านจนถึงเวลาที่นำผู้เสียหายไปยังบ้านที่เกิดเหตุนั้นจำเลยทั้งสองได้มีส่วนร่วมรู้เห็นหรือร่วมกระทำการดังกล่าวด้วยแต่อย่างใดทั้งการที่ อ.กับ น.จะพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารก็ไม่ปรากฎว่าจำเลยทั้งสองร่วมคบคิดหรือนัดแนะกับ อ. และ น. อยู่ก่อนแล้วดังนี้แม้จำเลยทั้งสองได้ตามไปยังบ้านที่เกิดเหตุและได้ร่วมประเวณีกับผู้เสียหายจริงก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นตัวการร่วมกับ อ. และ น. พาผู้เสียหายไปในคืนเกิดเหตุจำเลยทั้งสองจึงไม่มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3257/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์-ปล้นทรัพย์ และบทบาทของผู้ร่วมกระทำความผิดที่แตกต่างกัน
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นพระภิกษุร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3เข้าไปในห้องเกิดเหตุ แล้วจำเลยที่ 2 จากไปด้วยอาการรีบร้อนเป็นพฤติการณ์ที่เปิดโอกาสให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 ลงมือทำร้ายและลักทรัพย์ของผู้เสียหาย และอาวุธปืนที่ยึดได้จากจำเลยที่ 1 ก็เป็นอาวุธปืนกระบอกเดียวกับที่จำเลยที่ 2 นำไปฝากไว้แก่พยานโจทก์ และจำเลยที่ 2 ไปขอคืนมาในตอนเช้าวันเกิดเหตุ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร แต่การกระทำของจำเลยที่ 2 ยังไม่ถึงขั้นเป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 โดยแบ่งหน้าที่กันทำ แต่เป็นเพียงผู้สนับสนุนให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 กระทำผิดเท่านั้น ก่อนเกิดเหตุ จำเลยที่ 4 เป็นผู้พาจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3ไปชี้ห้องที่เกิดเหตุเท่านั้น การกระทำของจำเลยที่ 4 เป็นเพียงผู้สนับสนุน มิใช่ตัวการร่วมกระทำผิด แม้จำเลยที่ 4 มิได้ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจปรับบทลงโทษจำเลยที่ 4 ให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ และอำนาจการริบทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้ในการกระทำความผิด
ปล้นทรัพย์มาแล้วนำไปจำนำ ตั๋วรับจำนำมิใช่ทรัพย์ที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิดหรือได้มาโดยการกระทำความผิดศาลไม่มีอำนาจริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3183/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกระทำความผิด แบ่งแยกหน้าที่: การรู้เห็นเป็นใจและกีดขวางการช่วยเหลือ
การที่จำเลยเดินเข้าไปในที่เกิดเหตุพร้อมกับ ก.และ ฉ.ซึ่งเคยมีเรื่องชกต่อยกับผู้เสียหายเมื่อ 2 วันก่อน ซึ่งจำเลยรู้เรื่องดีอยู่แล้ว ก.ชกต่อยผู้เสียหายและจับตัวผู้เสียหายให้ ฉ.ใช้มีดฟันผู้เสียหายที่ศีรษะ จนได้รับอันตรายสาหัสส่วนจำเลยเข้าไปยืนชิดตัว ช.เพื่อนผู้เสียหาย ไม่เปิดโอกาสให้ ช.เข้าช่วยเหลือผู้เสียหาย หลังเกิดเหตุแล้ว ก.ฉ.และจำเลยเดินกลับไปด้วยกัน เช่นนี้แสดงให้เห็นว่าจำเลยร่วมกระทำความผิดกับ ก.และ ฉ.โดยแบ่งแยกหน้าที่กันทำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3183/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกระทำความผิดทำร้ายร่างกาย: การแบ่งหน้าที่ชัดเจนบ่งชี้เจตนา
การที่จำเลยเดินเข้าไปในที่เกิดเหตุพร้อมกับ ก. และ ฉ.ซึ่งเคยมีเรื่องชกต่อยกับผู้เสียหายเมื่อ 2 วันก่อน ซึ่งจำเลยรู้เรื่องดีอยู่แล้ว ก. ชกต่อยผู้เสียหายและจับตัวผู้เสียหายให้ฉ. ใช้มีดฟันผู้เสียหายที่ศีรษะ จนได้รับอันตรายสาหัส ส่วนจำเลยเข้าไปยืนชิดตัว ช.เพื่อนผู้เสียหายไม่เปิดโอกาสให้ช.เข้าช่วยเหลือผู้เสียหาย หลังเกิดเหตุแล้ว ก. ฉ. และจำเลยเดินกลับไปด้วยกัน เช่นนี้แสดงให้เห็นว่า จำเลยร่วมกระทำความผิดกับ ก. และ ฉ. โดยแบ่งแยกหน้าที่กันทำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร: การกระทำของผู้ร่วมกระทำความผิดและการยินยอมของมารดา
มารดาผู้เสียหายอนุญาตให้จำเลยทั้งสองพาผู้เสียหายอายุ 16 ปีไปเดินเที่ยวเมื่อผู้เสียหายจะกลับบ้าน จำเลยทั้งสองไม่ยอมให้กลับแต่พาผู้เสียหายไปบ้านที่เกิดเหตุเพื่อให้ พ. ร่วมประเวณีเป็นการพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปีไปเพื่อการอนาจาร.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พรากเด็กจากผู้ดูแล, ร่วมประเวณีกับเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี, ความผิดฐานร่วมกระทำความผิด
การที่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ร่วมกันพาผู้เสียหายซึ่งมีอายุ 14 ปีเศษและอยู่ในความดูแลของ ช. ออกจากบ้านโดยไม่ให้คนในบ้านรู้ แล้วจำเลยที่ 1 พาผู้เสียหายไปชำเราในป่ายางข้างทางและที่อื่น ๆ อีกหลายครั้ง หลังจากจำเลยที่ 1 ได้ร่วมประเวณีแล้วยังได้มอบผู้เสียหายให้ไปกับจำเลยที่ 2 ปล่อยให้จำเลยที่ 2ร่วมประเวณีอีกหลายคืน ถือได้ว่าเป็นการพรากเด็กไปเสียจากผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317
of 6