คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ร่วมกันฆ่า

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 29 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2241/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น: การช่วยเหลือให้กระทำผิด vs. เจตนาเข้าร่วม
จำเลยที่ 1 กับผู้ตายเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันมาก่อน วันเกิดเหตุจำเลยทั้งสองพบกับผู้ตายและ ว. โดยบังเอิญ จำเลยที่ 1 ใช้ท่อนไม้ไล่ตีผู้ตาย จำเลยที่ 2ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายไม่ได้ร่วมไล่ตีด้วย แต่เมื่อ ว. หยิบไม้จะไปช่วยผู้ตายจำเลยที่ 2 หยิบไม้คานมาถือและห้ามไม่ให้ ว. ไปช่วยผู้ตาย จึงเป็นการให้ความช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ในการกระทำผิด จำเลยที่ 2 หามีเจตนาร่วมกระทำผิดด้วยไม่เมื่อผู้ตายถูกจำเลยที่ 1 ตีตาย จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 86.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5402/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าร่วมกับผู้อื่น แม้ไม่มีการตกลงกันไว้ก่อน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำแสดงเจตนาชัดเจน
ผู้ตายด่า ล. และจำเลยก่อน ล. จึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายแม้จำเลย จะไม่ได้พูดจาตกลงกับ ล. ในการที่จะฆ่าผู้ตาย แต่เมื่อ ล. ยิงผู้ตาย ล้มลงแล้ว จำเลยได้วิ่งเข้ามาใช้มีดแทงผู้ตายที่หน้าอกระหว่างนม เป็นบาดแผลกว้าง 1 เซนติเมตร ยาว 2 เซนติเมตร ลึก 2 เซนติเมตรครึ่ง ในเวลาใกล้เคียงกับเวลาที่ผู้ตายถูกยิง และพูดในลักษณะที่มีความประสงค์จะให้ผู้ตายถึงแก่ความตายแสดงว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับ ล. ในการที่จะฆ่าผู้ตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานร่วมกับ ล. ฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5402/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาเข้าร่วมฆ่า: การกระทำร่วมกันแม้ไม่มีข้อตกลงชัดเจน
ผู้ตายด่า ล. และจำเลยก่อน ล. จึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายแม้จำเลย จะไม่ได้พูดจาตกลงกับ ล. ในการที่จะฆ่าผู้ตายแต่เมื่อ ล. ยิงผู้ตาย ล้มลงแล้ว จำเลยได้วิ่งเข้ามาใช้มีดแทงผู้ตายที่หน้าอกระหว่างนม เป็นบาดแผลกว้าง 1เซนติเมตร ยาว 2 เซนติเมตร ลึก 2 เซนติเมตร ครึ่ง ในเวลาใกล้เคียงกับเวลาที่ผู้ตายถูกยิง และพูดในลักษณะที่มี ความประสงค์จะให้ผู้ตายถึงแก่ความตายแสดงว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับล. ในการที่จะฆ่าผู้ตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานร่วมกับล. ฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4308-4309/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและร่วมกันฆ่า: การลงโทษประหารชีวิตและบทบาทของผู้ร่วมกระทำ
จำเลยกับพวกโกรธผู้ตาย จึงเตรียมอาวุธไปที่บ้านผู้ตายเมื่อพบภริยาผู้ตายก็ยิงภริยาผู้ตายตาย แล้วตามผู้ตายไปจนพบกำลังรุนกุ้งในทะเลมิได้พูดจาไต่ถามอะไรก็ใช้อาวุธปืนยิงทันทีจนผู้ตายถึงแก่ความตายและยังจุดไฟเผาเรือเสียด้วยการที่จำเลยกับพวกฆ่าผู้ตายถือเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่ที่จำเลยกับพวกฆ่าภริยาผู้ตายด้วยอาจเป็นเพราะไม่พบผู้ตายจึงฆ่าเสียก่อน เป็นการฆ่าในทันทีทันใด ไม่ถือว่าเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 มิได้ร่วมยิงผู้ตาย แต่การเตรียมอาวุธไปด้วยและร่วมปรึกษาหารือกันมาก่อน เมื่อจำเลยที่ 4 ยิงภริยาผู้ตายแล้วจำเลยที่ 2 ก็ยังขับเรือตามหาผู้ตายต่อไปอีกจำเลยที่ 1 และที่ 3 ก็มิได้ทักท้วงห้ามปราม ถือว่าจำเลยทั้งสามร่วมกับจำเลยที่ 4 ฆ่าผู้ตายและภริยาผู้ตาย
จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 กระทงหนึ่งให้จำคุกคนละ 20 ปี มาตรา 289 (4), 83 กระทงหนึ่งให้ประหารชีวิตและมาตรา 217, 83 อีกกระทงหนึ่งให้จำคุกคนละ 4 ปีเมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสี่แล้วจึงไม่นำโทษจำคุกมารวมคงให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสี่สถานเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1839/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน การแบ่งหน้าที่ความผิด ผู้สนับสนุน vs ผู้ร่วมกระทำ
การที่จำเลยที่ 1 ถอดหลังคารถเพื่อความคล่องตัวในการนำรถไปใช้กระทำความผิดและใช้รถหลบหนี โดยจำเลยที่ 1 รู้มาแต่แรกว่าคนร้ายให้ขับรถไปเพื่อฆ่าผู้อื่น แล้วจำเลยที่ 1 ขับรถพาคนร้ายไป จอดรถที่ถนนหน้าร้านผู้ตาย ติดเครื่องรออยู่ให้คนร้ายลงจากรถไปใช้อาวุธปืนยิงเร็วยิงผู้ตายกับพวกประมาณ 50 คนที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่แล้วคนร้ายกลับมาขึ้นรถ จำเลยที่ 1 ขับรถพาคนร้ายหลบหนีไป การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำความผิดที่ร่วมกันไปฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนมิใช่เป็นเพียงผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด
โจทก์มิได้อุทธรณ์ ฎีกาขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลยที่ 1 ศาลฎีกาจึงจะลงโทษจำเลยที่ 1 หนักกว่าที่ศาลชั้นต้นลงโทษไม่ได้
ศาลล่างปรับบทกฎหมายไม่ถูกต้อง แม้โจทก์จะไม่ได้ฎีกาขึ้นมาศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2681/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการฆ่าผู้อื่น: การถือปืนขณะที่พวกกระทำผิดและพูดเพื่อปกป้องตนเอง ถือเป็นความผิดฐานร่วมกันฆ่า
จำเลยกับพวกเดินมาด้วยกันและเข้าไปพูดกับผู้ตาย แล้วพวกของจำเลยใช้ปืนยิงผู้ตาย 1 นัด ส่วนจำเลยยืนถือปืนอยู่ด้วยเมื่อพวกของจำเลยยิงผู้ตายแล้ว จำเลยกับพวกเดินหนีไปด้วยกัน ก่อนจะหนี จำเลยพูดดัง ๆ 2 ครั้งว่า คนอื่นไม่เกี่ยว ดังนี้พฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1519/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน การพิจารณาโทษจำคุกตลอดชีวิตและการเปลี่ยนโทษตามมาตรา 91
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ซึ่งใช้ป้ายทะเบียนปลอมโดยมีจำเลยที่ 2 นั่งซ้อนท้าย จำเลยที่ 1 มีปืนพกขนาด 11 มม. ไม่มีทะเบียนพกอยู่ที่เอวไม่ได้ความว่าจำเลยทั้งสองพบผู้ตายโดยบังเอิญหรือมีสาเหตุแห่งการยิงกันเกิดขึ้นในปัจจุบันทันที เมื่อจำเลยที่ 1 ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังรถยนต์ของผู้ตายเข้าไปใกล้ในระยะห่างพอควรจำเลยที่ 2 ก็ใช้ปืนยิงเข้าไปในรถของผู้ตายทางด้านหลังรถทันที จากนั้นจำเลยที่ 1 ก็ขับรถจะแซงรถของผู้ตายขึ้นไปในขณะที่รถยนต์ของผู้ตายแฉลบไปทางขวามือเพราะถูกยิงเพื่อจะพากันหลบหนี เป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์คันที่จำเลยที่ 1 ขับชนกับรถยนต์ของผู้ตายจำเลยทั้งสองตกจากรถ จำเลยที่ 1 ได้รับบาดเจ็บจำเลยที่ 2 ใช้อาวุธปืนของจำเลยที่ 2 และของจำเลยที่ 1 ยิงผู้ตายอีกหลายนัดจนผู้ตายถึงแก่ความตายพฤติการณ์ดังนี้รับฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันกระทำความผิดฐานฆ่าผู้ตายแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดหลายกรรม กรรมหนึ่งให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตอีกสองกรรมให้ลงโทษจำคุก 1 ปี4 เดือน ศาลชั้นต้นจึงเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก50 ปี เพื่อเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยมีความผิดกรรมเดียวซึ่งมีโทษจำคุกตลอดชีวิต กรณีไม่จำต้องเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก 50 ปี ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตโดยไม่เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก 50 ปีได้ มิใช่เป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 669/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย แม้ไม่ได้ลงมือแทงโดยตรง ก็ถือเป็นความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น
พฤติการณ์ที่จำเลยมีอาวุธมีดเข้าไปถามหาเรื่องจะทำร้ายพวกของผู้ตายและทำร้ายพวกคนหนึ่งของผู้ตายครั้งหนึ่งแล้วเมื่อพวกจำเลยพบพวกผู้ตายกำลังจะกลับบ้าน พวกจำเลยได้ไล่แทงทำร้ายผู้ตาย จำเลยก็ขัดขวางไม่ให้พวกของผู้ตายช่วยเหลือเมื่อผู้ตายวิ่งมาล้มลง จำเลยก็เตะต่อยซ้ำเติมแม้จำเลยจะไม่ได้แทงผู้ตาย จำเลยก็มีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาด้วยเพราะถือว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับพวกเพื่อจะแทงทำร้ายผู้ตายกับพวกมาแต่เริ่มแรกแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1383/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมคบปล้นทรัพย์-ร่วมกันฆ่า: เจตนาประหัตประหารผู้ต่อสู้ถือเป็นความผิดฐานร่วมกันฆ่า
จำเลยสามคนสมคบกันมาปล้นทรัพย์ทุกคนมีอาวุธปืนติดตัวมาคนละกระบอก เมื่อขู่บังคับพวกเจ้าทรัพย์ด้วยอาวุธปืนและเก็บทรัพย์ได้แล้ว พวกเจ้าทรัพย์ขัดขืนจึงเกิดต่อสู้กันกับพวกของจำเลยจำเลยที่ 2 ได้ใช้ปืนยิงพวกของเจ้าทรัพย์คนหนึ่งทางข้างหลังถึงแก่ความตาย ดังนี้ เมื่อพวกของเจ้าทรัพย์เข้าต่อสู้กับพวกจำเลย จำเลยทั้งสามได้ใช้ปืนยิงแล้วทุกคน เป็นแต่กระสุนปืนของจำเลยคนอื่นไม่ถูกใคร คงมีแต่จำเลยที่ 2 ยิงถูกพวกเจ้าทรัพย์คนเดียวพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสามจึงเป็นการตั้งใจที่จะใช้อาวุธปืนที่เตรียมมานั้นประหัตประหารผู้ที่ต่อสู้ขัดขืน เพื่อความสะดวกในการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์หรือเพื่อเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การปล้นทรัพย์ หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญา จำเลยทุกคนจึงต้องมีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 วรรค 6 และ 7 นอกเหนือจากความผิดฐานปล้นทรัพย์ตาม มาตรา 340 วรรคสุดท้ายด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1376/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันฆ่าโดยมีเจตนาวางแผนแบ่งหน้าที่: การกระทำของพี่น้องที่สกัดขวางการไล่ล่าผู้ถูกทำร้าย
นายเอียดเป็นคนแทงผู้ตาย จำเลยกับนายเวศเป็นคนขัดขวางมิให้คนไล่ติดตามนายเอียดไล่ติดตามนายเอียดต่อไป เมื่อได้ความว่าจำเลยเป็นพี่นายเอียด นายเอียดเป็นน้องนายเวศร่วมบิดามารดากันก่อนเกิดเหตุ 1 เดือนมีเรื่องชกต่อยขึ้นระหว่างผู้ตายกับนายเวศการที่จำเลยไปแอบซุ่มอยู่ในป่าโดยมีปืนด้วยกับนายเวศ เมื่อนายเอียดแทงผู้ตายแล้วได้วิ่งไปทางที่จำเลยกับนายเวศแอบซุ่มอยู่แสดงให้เห็นว่า ได้มีการร่วมคบคิดกันฆ่าแต่แรกที่จะไปแทงทำร้ายผู้ตายรายนี้โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำกล่าวคือ เมื่อนายเอียดแทงผู้ตายแล้วมิได้วิ่งหนีไปทางอื่นกลับวิ่งไปทางที่จำเลยกับพวกคอยดักอยู่ พอถึงจำเลยกับพวกก็ลุกขึ้นยืนขู่ขัดขวางการไล่ติดตามทันที การกระทำของจำเลยเป็นตัวการกระทำผิดด้วยกันกับนายเอียด
of 3