พบผลลัพธ์ทั้งหมด 23 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1273/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมทำร้ายร่างกายผู้อื่นถึงแก่ความตาย ศาลพิพากษายืนโทษฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
อ. พวกจำเลยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับผู้ตายมาก่อน เมื่อไปดูภาพยนตร์แล้วพบกัน จำเลยที่ 2 กับ ข. เรียกผู้ตายออกไปพบ จากนั้น อ. ก็ชกผู้ตายล้มลงแล้วจำเลยทั้งสองกับพวกรุมกระทืบผู้ตายชั่วประเดี๋ยวหนึ่งก็ผละวิ่งหนีไป เป็นการกระทำโดยทันทีทันใด และไม่ปรากฏความรุนแรงถึงขนาดที่จะแสดงให้เห็นว่ามีเจตนาฆ่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย: การกระทำโดยชักชวนและรู้เห็นเป็นเหตุให้ต้องรับผิด
จำเลยชักชวนให้ ท.ทำร้ายผู้ตายขณะท. ใช้ให้ผู้อื่นไปหยิบท่อนไม้ยาว 33 นิ้ว เส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้วครึ่งมาให้จำเลยก็รู้เห็นด้วย เมื่อ ท. ใช้ไม้ดังกล่าวซึ่งมีขนาดพอจะทำร้ายคนให้ถึงตายได้ตีศีรษะผู้ตายขณะที่เดินผ่าน ท. และจำเลยในระยะกระชั้นชิดเป็นการเลือกตีในที่สำคัญ แม้จำเลยจะมิได้ลงมือทำร้ายผู้ตายเองและตีเพียงทีเดียวผู้ตายก็ตายเพราะบาดแผลที่ถูกตีทำร้ายนี้ ถือได้ว่า ท. มีเจตนาฆ่าผู้ตายและจำเลยร่วมกระทำผิดกับ ท. ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 92/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสและการร่วมกันทำร้ายผู้อื่น ศาลพิจารณาเจตนาและพฤติการณ์
จำเลยจับมือ ณ. ผู้เสียหายบิดไว้ ทำให้พวกของจำเลยมีโอกาสเลือกแทงได้ แต่พวกของจำเลยกลับใช้มีดพกปลายแหลมยาวเกือบ 1 คืบ แทง ณ. บริเวณด้านหลังมีบาดแผล 2 แห่ง ยาวแผลละ 2 เซนติเมตร แผลที่หนึ่งลึกเพียง 1 เซนติเมตร แสดงว่าไม่ได้ตั้งใจแทงโดยแรง แผลที่สองเยื้องไปทางขวาบังเอิญมีดทะลุไปถูกไตต้องตัดไตข้างขวาออก และรักษาตัวราว 27 วัน ออกจากโรงพยาบาลไป ยังไม่พอที่จะแสดงให้เห็นเจตนาว่าจะฆ่า จำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส
เมื่อพวกของจำเลยแทง ย. ผู้เสียหายแล้ว ย. วิ่งหนี จำเลยกับพวกวิ่งไล่ตามไป แสดงว่าร่วมกันจะทำร้าย ย. อีก ครั้นตามไปทัน พวกของจำเลยใช้มีดแทง ย. จำเลยต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการทำร้าย ย. ด้วย
เมื่อพวกของจำเลยแทง ย. ผู้เสียหายแล้ว ย. วิ่งหนี จำเลยกับพวกวิ่งไล่ตามไป แสดงว่าร่วมกันจะทำร้าย ย. อีก ครั้นตามไปทัน พวกของจำเลยใช้มีดแทง ย. จำเลยต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการทำร้าย ย. ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องร่วมทำร้ายร่างกาย: การระบุตัวผู้กระทำความผิดไม่จำเป็นหากฟ้องว่าทั้งสองฝ่ายทำร้ายกัน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ฝ่ายหนึ่ง กับจำเลยที่ 2 ที่ 3 กับพวกอีกฝ่ายหนึ่งทั้งสองฝ่ายต่างเข้าทำร้ายซึ่งกันและกัน โดยจำเลยที่ 2ที่ 3 ใช้มือผลักและชกจำเลยที่ 1 ที่ใบหน้า ส่วนพวกที่หลบหนีคนหนึ่งใช้จอบตีจำเลยที่ 1 ย่อมมีความหมายว่า ฝ่ายของจำเลยที่2ที่ 3 ได้ร่วมกันกระทำความผิดในการทำร้ายฝ่ายจำเลยที่ 1 นั่นเองซึ่งโจทก์ก็ได้อ้างประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 มาด้วยแล้วแม้โจทก์จะไม่ได้บรรยายว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 คนใดผลักคนใดชกเป็นการกระทำร่วมกันหรือสมคบกันอย่างไร ก็ไม่ถือว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2285/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่วมกัน: แม้ไม่ได้ลงมือตีเอง แต่มีส่วนร่วมวางแผนและลงมือทำร้ายผู้อื่นย่อมมีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับ ล. ร่วมกันทำร้ายร่างกาย อ. ผู้เสียหาย โดย ล. ใช้ไม้ตีศีรษะ ส่วนจำเลยเตะและตบ ได้ความว่าจำเลยกับ ล. เมาสุราไปทุบรั้วบ้าน ต. และท้าทายให้ต.ลงไปสู้กัน ต.ลงไป อ. ภริยาของ ต. กับบุตรสาวไปดึง ต.ไว้และ ก.มารดาของ ต.ลงไปห้ามด้วยจำเลยกับ ล. พังประตูเข้ามา ล. เอาไม้ตีศีรษะ อ. จำเลยถีบ ก. แล้วพากันหนีไป พฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยกับ ล.ได้มีเจตนาร่วมกันที่จะทำร้ายคนในบ้าน ต. ด้วย ไม่เฉพาะแต่จะทำร้าย ต. เท่านั้น ที่ ล. ตีศีรษะ อ. นั้นก็ต้องถือว่าจำเลยได้ร่วมกระทำผิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 559/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาจากการร่วมกันทำร้ายร่างกาย แม้แผลมีดไม่ถึงแก่ชีวิต
จำเลยกับ ส. พี่จำเลยสมัครใจต่อสู้กับผู้ตาย ส. ใช้ปืนยิงและจำเลยใช้มีดแทงถูกผู้ตายหลายแผล ผู้ตายถึงแก่ความตายในวันเกิดเหตุ เช่นนี้จำเลยย่อมมีความผิดฐานเป็นตัวการฆ่าผู้อื่น และการกระทำของจำเลยหาเป็นการป้องกันหรือบันดาลโทสะไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 5 ปี ตามมาตรา 288, 72 จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกา ดังนี้ แม้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 288 ศาลฎีกาก็ลงโทษจำเลยหนักกว่าโทษที่ศาลชั้นต้นลงมาไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้อุทธรณ์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 5 ปี ตามมาตรา 288, 72 จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกา ดังนี้ แม้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 288 ศาลฎีกาก็ลงโทษจำเลยหนักกว่าโทษที่ศาลชั้นต้นลงมาไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้อุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 351/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันทำร้ายร่างกายจนผู้เสียหายหน้าเสียโฉม ถือเป็นอันตรายสาหัส จำเลยที่ชูปืนขัดขวางการช่วยเหลือเป็นตัวการ
ลักษณะและสภาพของบาดแผลจะทำให้ผู้เสียหายถึงต้องหน้าเสียโฉมติดตัว เพราะกระโหลกศีรษะตอนหน้าผากจะเป็นรอยบุบยุบเข้าไป เช่นนี้นับได้ว่า ผู้เสียหายรับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297
การที่จำเลยทั้ง 4 วิ่งเข้าไปที่ผู้เสียหายพร้อมกัน แล้วจำเลยที่ 4 ชูปืน พร้อมกับร้องห้ามไม่ให้ผู้อื่นเข้าไปช่วย และในขณะเดียวกัน จำเลยที่ 1 - 2 - 3 ก็เข้ากลุ้มรุมทำร้ายผู้เสียหาย เช่นนี้ ถือว่าจำเลยที่ 4 ร่วมกระทำความผิด เป็นตัวการ
การที่จำเลยทั้ง 4 วิ่งเข้าไปที่ผู้เสียหายพร้อมกัน แล้วจำเลยที่ 4 ชูปืน พร้อมกับร้องห้ามไม่ให้ผู้อื่นเข้าไปช่วย และในขณะเดียวกัน จำเลยที่ 1 - 2 - 3 ก็เข้ากลุ้มรุมทำร้ายผู้เสียหาย เช่นนี้ ถือว่าจำเลยที่ 4 ร่วมกระทำความผิด เป็นตัวการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 791-792/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานฆ่าโดยเจตนาเมื่อร่วมกันทำร้ายจนถึงแก่ความตาย ไม่เข้าข้อยกเว้นชุลมุนต่อสู้
กรณีชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปและมีบุคคลถึงตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 244 นั้น หมายถึงกรณีที่ไม่ทราบว่าผู้ใดหรือผู้ใดร่วมกับใครได้ทำร้ายผู้ตายถึงตาย ถ้าเป็นกรณีที่ฝ่ายหนึ่งกลุ่มรุมกันทำร้ายผู้ตายถึงตาย ฝ่ายนั้นต้องรับผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้ตายโดยเจตนา
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 6/2504
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 6/2504
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมกันทำร้ายร่างกายและฆ่าผู้อื่น: การกระทำที่หวังผลช่วยเหลือเป็นตัวการ
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันทำตัวเป็นนักเลงมาแต่แรก เมื่อผู้ตายกับพวกพูดหรือทำอะไรไม่ถูกใจ จำเลยที่ 2 ก็ลงมือทำร้ายก่อนโดยหวังความช่วยเหลือจากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นพวกเดียวกัน และก็สมความมุ่งหมายโดยจำเลยที่ 1 เข้าช่วยทันทีทั้งใช้มือและมีดทำร้าย ครั้นแล้วจำเลยที่ 1 และ 2 ก็ร่วมทางกันไปอีกจนตำรวจจับได้ที่บ้านจำเลยที่ 1 พร้อมด้วยมีดที่จำเลยใช้ในการทำผิด จำเลยที่ 2 ย่อมเป็นตัวการด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1726/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย แม้ไม่ได้อ้างมาตรา 63 ก็สามารถฟ้องฐานสมคบได้หากมีพฤติการณ์บ่งชี้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกมีศาสตราวุธครบมือทุกคนกลุ้มรุมกันใช้ไม้ตีและหอกแทงผู้ตาย ถึงแก่ความตาย เข้าใจได้ว่าจำเลยกับพวกร่วมมือกันทำร้ายผู้ตาย โจทก์ไม่จำต้องอ้าง กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 63