พบผลลัพธ์ทั้งหมด 39 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3123/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาของเจ้าพนักงานที่ลงนามในเอกสารโดยมิได้ตรวจสอบความถูกต้อง และการเบียดบังเงิน
หนังสือนำส่งเงินพิมพ์ 2 ครั้ง ครั้งแรกระบุจำนวนเงิน 350,009 บาท ครั้งที่ 2 จำนวนเงิน 370,009 บาทผู้พิมพ์ฉีกทำลายต้นฉบับและสำเนาสลับกัน แล้วนำเสนอจำเลยซึ่งเป็นสมุห์บัญชีประจำกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดลงชื่อโดยมิได้ตรวจสอบว่าต้นฉบับกับสำเนาตรงกันหรือไม่เป็นเหตุให้มีเงินเกินอยู่ที่จำเลย 20,000 บาท ตรวจไม่พบว่าเป็นเงินประเภทใดและเกิดการผิดพลาดด้วยเหตุใดรุ่งขึ้นได้รายงานให้รองผู้กำกับการตำรวจภูธรทราบ แต่ไม่ได้นำเงินเก็บไว้ในเซฟ ผิดระเบียบของทางราชการจำเลยไม่แจ้งให้พนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่มาตรวจนับตัวเงินให้ทราบว่ามีเงินเกินบัญชีอยู่ที่จำเลย แต่แจ้งให้ทราบในวันที่มาตรวจสอบบัญชี เมื่อจำเลยเก็บเงินไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานโดยไม่ปรากฏว่าได้เอาเงินนั้นไปเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยมิชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นแต่อย่างใด จึงไม่พอฟังว่าจำเลยเบียดบังเงินนั้นเป็นของตนโดยทุจริต ไม่มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3533/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาต่างประเทศ, ใบมอบอำนาจ, การลงนามสัญญาที่ไม่ถูกต้อง, อายุความหนี้, การยอมรับผลงาน
ใบมอบอำนาจให้ฟ้องคดีแม้จะมิได้ระบุว่าให้ฟ้องคดีในศาลประเทศไทยผู้รับมอบอำนาจก็มีอำนาจฟ้องคดีได้
สาระสำคัญของสัญญามีความว่า โจทก์ตกลงจะให้คำแนะนำช่วยเหลือจำเลยในการก่อตั้งโรงงานทอกระสอบและช่วยฝึกฝนพนักงานของจำเลยในด้านเทคนิคและบริหารโรงงานทอกระสอบของจำเลย โดยจำเลยตกลงให้ค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายที่โจทก์เสียไปแก่โจทก์ เป็นงานที่โจทก์ตกลงจะทำให้จำเลยหลายสิ่งหลายอย่างทั่ว ๆ ไปและไม่กำหนดให้งานนั้นสำเร็จอย่างไรเมื่อใด จึงไม่มีลักษณะเป็นการจ้างทำของอันจะต้องเสียอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร
กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยลงนามในสัญญาพิพาทเพียงคนเดียวและไม่ประทับตามของบริษัท ไม่ถูกต้องตามข้อบังคับของบริษัท แต่หลังจากทำสัญญาแล้วโจทก์ได้ส่งพนักงานของโจทก์มาช่วยเหลือแนะนำจำเลยตามสัญญา จนการก่อตั้งโรงงานทอกระสอบของจำเลยสำเร็จเรียบร้อยเปิดดำเนินการได้ และจำเลยได้ยอมรับเอาผลงานของโจทก์ไว้เป็นประโยชน์แล้วตลอดมา จำเลยจึงต้องผูกพันรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาพิพาทนั้น
กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลย เป็นผู้ติดต่อกับโจทก์ตลอดมาเกี่ยวกับการดำเนินงานตามสัญญา ในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลย และจำเลยก็ยอมรับเอาผลงานของโจทก์แล้ว เมื่อผู้แทนโจทก์มาเจรจาเรื่องหนี้ตามสัญญาพิพาท กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยก็เป็นผู้เจรจากับผู้แทนโจทก์ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจึงถือได้ว่าบริษัทจำเลยเชิดกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลย
การที่กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยมีหนังสือลงวันที่ 24 เมษายน 2514 ในนามบริษัทจำเลยถึงโจทก์รับรองจะชำระเงินค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายให้แก่โจทก์ตามสัญญาพิพาทนั้น เป็นการยอมรับสภาพหนี้ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่า กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยพ้นจากตำแหน่งหรือไม่มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทจำเลยแล้วแต่อย่างใด จำเลยจึงต้องผูกพันรับผิดต่อโจทก์ตามหนังสือรับสภาพหนี้นับแต่วันที่ 24 เมษายน 2514ซึ่งเป็นวันรับสภาพหนี้ถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 10 ปี คดีโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ
สาระสำคัญของสัญญามีความว่า โจทก์ตกลงจะให้คำแนะนำช่วยเหลือจำเลยในการก่อตั้งโรงงานทอกระสอบและช่วยฝึกฝนพนักงานของจำเลยในด้านเทคนิคและบริหารโรงงานทอกระสอบของจำเลย โดยจำเลยตกลงให้ค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายที่โจทก์เสียไปแก่โจทก์ เป็นงานที่โจทก์ตกลงจะทำให้จำเลยหลายสิ่งหลายอย่างทั่ว ๆ ไปและไม่กำหนดให้งานนั้นสำเร็จอย่างไรเมื่อใด จึงไม่มีลักษณะเป็นการจ้างทำของอันจะต้องเสียอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร
กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยลงนามในสัญญาพิพาทเพียงคนเดียวและไม่ประทับตามของบริษัท ไม่ถูกต้องตามข้อบังคับของบริษัท แต่หลังจากทำสัญญาแล้วโจทก์ได้ส่งพนักงานของโจทก์มาช่วยเหลือแนะนำจำเลยตามสัญญา จนการก่อตั้งโรงงานทอกระสอบของจำเลยสำเร็จเรียบร้อยเปิดดำเนินการได้ และจำเลยได้ยอมรับเอาผลงานของโจทก์ไว้เป็นประโยชน์แล้วตลอดมา จำเลยจึงต้องผูกพันรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาพิพาทนั้น
กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลย เป็นผู้ติดต่อกับโจทก์ตลอดมาเกี่ยวกับการดำเนินงานตามสัญญา ในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลย และจำเลยก็ยอมรับเอาผลงานของโจทก์แล้ว เมื่อผู้แทนโจทก์มาเจรจาเรื่องหนี้ตามสัญญาพิพาท กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยก็เป็นผู้เจรจากับผู้แทนโจทก์ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจึงถือได้ว่าบริษัทจำเลยเชิดกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลย
การที่กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยมีหนังสือลงวันที่ 24 เมษายน 2514 ในนามบริษัทจำเลยถึงโจทก์รับรองจะชำระเงินค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายให้แก่โจทก์ตามสัญญาพิพาทนั้น เป็นการยอมรับสภาพหนี้ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่า กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยพ้นจากตำแหน่งหรือไม่มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทจำเลยแล้วแต่อย่างใด จำเลยจึงต้องผูกพันรับผิดต่อโจทก์ตามหนังสือรับสภาพหนี้นับแต่วันที่ 24 เมษายน 2514ซึ่งเป็นวันรับสภาพหนี้ถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 10 ปี คดีโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1424/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลายมือชื่อในฟ้อง: ผู้มีอำนาจลงนามแทนโจทก์
ทนายโจทก์ลงลายมือชื่อในฟ้องแทนโจทก์ไม่ได้ ตัวโจทก์หรือผู้ที่โจทก์มอบอำนาจให้ฟ้องแทนเป็นผู้ที่ต้องลงลายมือชื่อเป็นโจทก์ในฟ้อง ชั้นฎีกาล่วงเลยเวลาที่จะสั่งแก้ไขเสียแล้ว ถือเป็นฟ้องไม่มีลายมือชื่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงนามในเอกสารราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้วางระเบียบไว้ว่าใบสุทธิและใบรับรองให้ครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ ผู้อำนวยการหรือผู้รักษาการแทนเท่านั้นเป็นผู้ลงชื่อตัวชื่อสกุลพร้อมด้วยตำแหน่ง จำเลยเช่ากิจการโรงเรียนราษฎร์ที่อยู่ในความควบคุมของกระทรวงศึกษาธิการจาก ส.ซึ่งได้รับอนุญาตให้เปิดทำการสอนนักเรียนได้ ระหว่างที่จำเลยเช่านั้นตำแหน่งครูใหญ่ว่างอยู่ ส.จึงยื่นเรื่องราวขอบรรจุจำเลยเป็นผู้จัดการและครูใหญ่ แต่ก่อนที่ทางการจะสั่ง ส.ได้ไปขอถอนเรื่องคืน ระหว่างที่ ส.ยื่นเรื่องราวไว้นั้น จำเลยได้ลงชื่อในใบสุทธิให้แก่นักเรียนไปโดยบางฉบับระบุว่าเป็นครูใหญ่ บางฉบับว่าอาจารย์ใหญ่ ดังนี้เป็นการปลอมตนว่าเป็นผู้มีอำนาจลงนามในเอกสารนั้น เอกสารนี้จึงไม่ใช่เอกสารที่แท้จริง เพราะไม่ได้ลงนามผู้ที่มีอำนาจจะออกใบสุทธิได้ แม้ข้อความในใบสุทธินั้นเป็นความจริงก็มิใช่ว่าเอกสารปลอมจะมีข้อความตรงกับความจริงมิได้ สารสำคัญอยู่ที่ว่าจำเลยมีอำนาจลงนามในเอกสารนั้นได้หรือไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงนามในเอกสารราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้วางระเบียบไว้ว่าใบสุทธิและใบรับรองให้ครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ ผู้อำนวยการหรือผู้รักษาการแทนเท่านั้น เป็นผู้ลงชื่อสกุลพร้อมด้วยตำแหน่งจำเลยเช่ากิจการโรงเรียนราษฎร์ที่อยู่ในความควบคุมของกระทรวงศึกษาธิการจาก ส. ซึ่งได้รับอนุญาตให้เปิดทำการสอนนักเรียนได้ ระหว่างที่จำเลยเช่านั้นตำแหน่งครูใหญ่ว่างอยู่ ส. จึงยื่นเรื่องราวขอบรรจุจำเลยเป็นผู้จัดการและครูใหญ่แต่ก่อนที่ทางการจะสั่ง ส. ได้ไปขอถอนเรื่องคืนระหว่างที่ ส. ยื่นเรื่องราวไว้นั้นจำเลยได้ลงชื่อในใบสุทธิให้แก่นักเรียนไปโดยบางฉบับระบุว่าเป็นครูใหญ่ บางฉบับว่าอาจารย์ใหญ่ ดังนี้ เป็นการปลอมตนว่าเป็นผู้มีอำนาจลงนามในเอกสารนั้น เอกสารนี้จึงไม่ใช่เอกสารที่แท้จริง เพราะไม่ได้ลงนามผู้ที่มีอำนาจจะออกใบสุทธิได้ แม้ข้อความในใบสุทธินั้นเป็นความจริง ก็มิใช่ว่าเอกสารปลอมจะมีข้อความตรงกับความจริงมิได้สารสำคัญอยู่ที่ว่าจำเลยมีอำนาจลงนามในเอกสารนั้นได้หรือไม่การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 323/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับสัญญาและการรับผิดของผู้แทน แม้การลงนามไม่ครบถ้วน
กรรมการบริษัทลงชื่อและประทับตราไม่ครบตามข้อบังคับของบริษัท แต่จำเลยให้การรับว่าได้ชำระค่าน้ำมันตามสัญญาแล้ว เท่ากับยอมรับว่าได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ ส่วนกรรมการบริษัทจำเลยซึ่งมีข้อสัญญาว่าผู้แทนที่ลงชื่อในสัญญาต้องรับผิดด้วย ผู้แทนนั้นก็ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว
จำเลยมีภูมิลำเนาในเขตศาลแพ่ง สัญญาซื้อขายน้ำมันทำในเขตศาลแพ่ง แม้ส่งมอบทรัพย์ในต่างประเทศ ศาลแพ่งพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้ไม่มีกฎหมายว่าหนังสือรับสภาพหนี้ต้องปิดอากรแสตมป์
จำเลยมีภูมิลำเนาในเขตศาลแพ่ง สัญญาซื้อขายน้ำมันทำในเขตศาลแพ่ง แม้ส่งมอบทรัพย์ในต่างประเทศ ศาลแพ่งพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้ไม่มีกฎหมายว่าหนังสือรับสภาพหนี้ต้องปิดอากรแสตมป์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 782/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อจะขายผูกพันบริษัท แม้ไม่มีการลงชื่อกรรมการครบถ้วน หากผู้จัดการลงนามในนามบริษัท
แม้สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินจะมิได้ลงชื่อกรรมการ 2 นาย และประทับตราบริษัทช้อบังคับ แต่มีข้อความระบุคู่สัญญาไว้ชัดเจนว่าเป็นที่ทำขึ้นระหว่าง ล.ผู้ขายฝ่ายหนึ่ง กับบริษัทโจทก์โดย ส.เป็นผู้จัดการ ผู้ซื้อฝ่ายหนึ่ง ดังนี้ แสดงว่า ส.ทำสัญญาในนามบริษัทโจทก์นั่นเอง หาได้ทำเป็นส่วนตัวไม่ ถือได้ว่าโจทก์เป็นคู่สัญญา สัญญาจะซื้อจะขายผูกพันบริษัทโจทก์ (อ้างฎีกาที่ 362/2512)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1880/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดลงนามสัญญาซื้อขายแทนห้างหุ้นส่วน ห้างฯ และหุ้นส่วนต้องร่วมรับผิดตามสัญญา
จำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดในห้างจำเลยที่ 1 ซึ่งจดทะเบียนเป็นหุ้นส่วนจำกัด ห้างจำเลยที่ 1 มอบให้จำเลยที่ 2 กระทำการแทนห้างจำเลยที่ 1 ที่สำนักงานกรุงเทพฯ จำเลยที่ 2 ได้ลงชื่อทำสัญญาขายปอให้แก่โจทก์ในนามห้างจำเลยที่ 1 และประทับตราห้างจำเลยที่1 ด้วย ดังนี้ ห้างจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญานั้น
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดได้เข้าทำสัญญาขายปอในนามห้างจำเลยที่ 1 โดยลงชื่อตนเองและประทับตราห้างจำเลยที่ 1 อันเป็นการสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ด้วย
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดได้เข้าทำสัญญาขายปอในนามห้างจำเลยที่ 1 โดยลงชื่อตนเองและประทับตราห้างจำเลยที่ 1 อันเป็นการสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1023/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกัน: จำเลยให้การปฏิเสธความรับผิดโดยอ้างว่าไม่ได้ลงนาม แต่ศาลพิพากษาว่าจำเลยลงนามจริงและต้องรับผิดตามสัญญา
จำเลยให้การเพียงว่า จำเลยไม่เคยทำสัญญาค้ำประกัน จำเลยไม่ต้องรับผิดตามสำเนาหนังสือสัญญาค้ำประกันท้ายฟ้องไม่มีประเด็นที่จะต้องพิจารณาว่าจำเลยค้ำประกันในฐานะห้างหุ้นส่วนจำกัดมิใช่ในฐานะส่วนตัว
โจทก์มิได้ผ่อนเวลาชำระหนี้ให้แก่นายดีผู้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์จากโจทก์ จำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันยังต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกัน
โจทก์มิได้ผ่อนเวลาชำระหนี้ให้แก่นายดีผู้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์จากโจทก์ จำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันยังต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 955/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผูกพันตามสัญญาของหุ้นส่วนผู้จัดการ: แม้ไม่มีตราบริษัท แต่ลงนามในฐานะผู้จัดการ ย่อมผูกพันบริษัท
โจทก์ฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัดและหุ้นส่วนผู้จัดการในฐานะส่วนตัวเป็นจำเลยร่วมกันเรื่องผิดสัญญาเช่า จำเลยให้การว่าหุ้นส่วนผู้จัดการในฐานะส่วนตัวเป็นคู่สัญญากับโจทก์ ห้างหุ้นส่วนจำกัดไม่ต้องรับผิดเพราะหุ้นส่วนผู้จัดการลงชื่อในสัญญาโดยไม่ได้ประทับตราของห้างหุ้นส่วนจำกัด แต่ทางพิจารณาได้ความว่าในการทำสัญญาอื่นๆ หุ้นส่วนผู้จัดการได้ลงชื่อในสัญญาเหล่านั้นในนามห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยไม่ได้ประทับตราของห้างหุ้นส่วนจำกัดและสัญญาเช่ารายพิพาทหุ้นส่วนผู้จัดการก็ทำในฐานะผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดดังนี้ ต้องถือว่าห้างหุ้นส่วนผู้จัดการทำสัญญาเช่ารายพิพาทในนามของห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องรับผิดตามสัญญา หุ้นส่วนผู้จัดการไม่ต้องรับผิดในฐานะส่วนตัว