คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ละเมิดลูกจ้าง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 22 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 767/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้าง, อายุความประกันภัย, และเขตอำนาจศาล
เมื่อข้อเท็จจริงแห่งคดีฟังได้ว่า ส. ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุของจำเลยที่ 1ในทางการที่จ้างโดยประมาทชนรถยนต์บรรทุกที่โจทก์รับประกันภัยไว้เสียหายแล้ว แม้โจทก์จะฟ้องว่าจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 เป็นผู้กระทำละเมิดในทางการที่จ้าง จำเลยที่ 1 ย่อมต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดของลูกจ้างตนตามฟ้อง กรณีหาเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นไม่
โจทก์ขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดี เพื่อใช้ค่าทดแทนในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุน อันเป็นการฟ้องตามสัญญาประกันภัย จำเลยร่วมจึงยกอายุความละเมิดมาใช้ไม่ได้ดังนั้นเมื่อปรากฏว่าขณะที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เรียกจำเลยร่วมเข้ามาเป็นคู่ความยังไม่พ้นกำหนด 2 ปี นับแต่วันวินาศภัย คดีโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ
โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 3 ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจศาลแพ่งอันเป็นศาลที่โจทก์ยื่นฟ้องไว้ เพราะเพิ่งทราบจากคำให้การของจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 3มิได้เป็นผู้รับประกันภัยรายนี้และขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยร่วมซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยที่แท้จริงการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ไม่ตัดอำนาจศาลแพ่งในอันที่จะพิจารณาและชี้ขาดและมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลแพ่งเช่นเดียวกันเข้ามาในคดีตัดสินคดีต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา173(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3912/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้างและส่วนลดหย่อนค่าเสียหายจากความประมาทของผู้เสียหาย
เหตุละเมิดเกิดขึ้นโดยคนขับรถของโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายมีส่วนประมาทอยู่ด้วย เมื่อคนขับรถเป็นลูกจ้างของโจทก์จึงถือว่าเป็นฝ่ายผู้เสียหายตามความหมายของมาตรา 223แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อันทำให้โจทก์ต้องรับผลของการกระทำละเมิดดังกล่าวตามส่วนแห่งความหนักเบาของความประมาทด้วยตามมาตรา 442 ประกอบด้วยมาตรา 223

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3153/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้างขณะปฏิบัติหน้าที่ แม้ลูกจ้างนอกเหนือคำสั่ง
จำเลยที่ 2 ลูกจ้างขับรถยนต์ไปส่งจำเลยที่ 1 ในทางการที่จ้าง ในระหว่างรอรับจำเลยที่ 1 กลับบ้านจำเลยที่ 2 ได้ลอบขับรถไปทำธุรกิจส่วนตัว แล้วขับรถไปชนโจทก์ได้รับบาดเจ็บ ก็ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ยังอยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างนั้น เพราะจำเลยที่ 2 จะพ้นหน้าที่ขับรถให้แก่จำเลยที่ 1 ก็ต่อเมื่อได้รับจำเลยที่ 1 ส่งกลับ นำรถเข้าที่เก็บเรียบร้อยเป็นปกติเช่นที่เคยปฏิบัติทุกวันนั้นแล้ว ขณะที่จำเลยที่ 2 ยังอยู่ในหน้าที่ขับรถ จำเลยที่ 1 ชอบที่จะควบคุมดูแลจำเลยที่ 2 ให้เป็นไปตามคำสั่งจำเลยที่ 1 จะอ้างการละเว้นการปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเรื่องระหว่างจำเลยทั้งสองในฐานะเป็นนายจ้างลูกจ้างมาใช้ยันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเพื่อปฏิเสธความรับผิดหาได้ไม่ และจำเลยที่ 1 จะอ้างบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของนายจ้างและลูกจ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 575 และมาตรา 583 ซึ่งเป็นบทบัญญัติบังคับระหว่างนายจ้างและลูกจ้างเพื่อปฏิเสธความรับผิดของนายจ้างต่อบุคคลภายนอกในมูลละเมิดที่ลูกจ้างกระทำต่อบุคคลภายนอกก็ไม่ได้เช่นกัน จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2424-2426/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้างในการขับรถ แม้จะมีการยืมรถและไม่ใช่เส้นทางประจำ
จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของรถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุ และให้ผู้อื่นยืมไปใช้ทอดกฐิน โดยจำเลยที่ 1 สั่งให้ ส.ซึ่งเป็นลูกจ้างมีหน้าที่ขับรถให้จำเลยที่ 1 เป็นประจำอยู่แล้วขับไป ระหว่างทางไปทอดกฐิน ส.ขับรถโดยประมาททำให้คนตาย ถือได้ว่า ส.ได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้าง แม้ผู้ยืมจะให้เงินแก่ ส.ที่มาขับรถให้ หรือแม้รถของจำเลยที่ 1 จะเป็นรถประจำทางไม่ได้รับสัมปทานให้วิ่งในเส้นทางที่ไปทอดกฐิน และการให้ยืมไม่ใช่วัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 ผู้ให้ยืมก็ตาม จำเลยที่ 1 ก็ต้องร่วมรับผิดฐานละเมิดกับ ส.ด้วย โดยไม่คำนึงว่าในวันเกิดเหตุรถชนกันนั้นจะเป็นวันหยุดของ ส.หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2424-2426/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้างในการขับรถ แม้มีการยืมรถและไม่ใช่เส้นทางปกติ
จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของรถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุ และให้ผู้อื่นยืมไปใช้ทอดกฐิน โดยจำเลยที่ 1 สั่งให้ส.ซึ่งเป็นลูกจ้างมีหน้าที่ขับรถให้จำเลยที่ 1 เป็นประจำอยู่แล้วขับไป ระหว่างทางไปทอดกฐิน ส.ขับรถโดยประมาททำให้คนตาย ถือได้ว่าส.ได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้าง แม้ผู้ยืมจะให้เงินแก่ ส.ที่มาขับรถให้ หรือแม้รถของจำเลยที่ 1 จะเป็นรถประจำทางไม่ได้รับสัมปทานให้วิ่งในเส้นทางที่ไปทอดกฐินและการให้ยืมไม่ใช่วัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 ผู้ให้ยืมก็ตามจำเลยที่ 1 ก็ต้องร่วมรับผิดฐานละเมิดกับ ส.ด้วย โดยไม่คำนึงว่าในวันเกิดเหตุรถชนกันนั้นจะเป็นวันหยุดของ ส.หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1161/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้าง และผลผูกพันของคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่ง
ศาลทหารมีคำพิพากษาถึงที่สุดฟังว่า จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์โดยประมาทแซงรถคันอื่นขึ้นมาล้ำเข้าไปในเส้นทางของรถยนต์โดยสาร จนเป็นเหตุให้ชนรถยนต์โดยสารได้รับความเสียหาย ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งเฉพาะเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 จึงต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 54 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ส่วนจำเลยที่ 2 นายจ้างของจำเลยที่ 1 มิได้ถูกฟ้องในคดีอาญาด้วยคำพิพากษาในคดีอาญาจึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก จำเลยที่ 2 จึงชอบที่จะยกข้อต่อสู้และนำสืบได้ว่าจำเลยที่ 1 มิได้เป็นฝ่ายละเมิด หากเป็นแต่ความประมาทของคนขับรถยนต์โดยสารฝ่ายเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2115/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้าง และการดำเนินคดีแทนตัวการที่ถึงแก่ความตาย
การที่คู่ความตั้งแต่งทนายความให้ว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนตนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 60 นั้น เป็นการตั้งแต่งตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ลักษณะ 15 ว่าด้วยตัวแทน ฉะนั้น เมื่อโจทก์ผู้เป็นตัวการถึงแก่กรรมกรณีจึงต้องปรับด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 828ซึ่งบัญญัติว่า เมื่อสัญญาตัวแทนระงับสิ้นไปเพราะตัวการตายตัวแทนต้องจัดการอันสมควรทุกอย่าง เพื่อจะปกปักรักษาประโยชน์ อันเขาได้มอบหมายแก่ตนไปจนกว่าทายาทหรือผู้แทนของตัวการจะเข้าปกปักรักษาประโยชน์นั้นๆ ได้ ดังนี้ ทนายโจทก์ซึ่งเป็นตัวแทนย่อมมีหน้าที่ต้องจัดการดำเนินคดีเพื่อปกปักรักษาประโยชน์ของโจทก์ตามบทกฎหมายดังกล่าว การที่ทนายโจทก์ฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนด 1 เดือน จึงเป็นการชอบด้วยกฎหมายหาเป็นโมฆะไม่ แม้ตัวโจทก์จะถึงแก่ความตายไปก่อนที่ศาลชั้นต้นจะได้อ่านคำพิพากษา และยังไม่มีทายาทร้องขอเข้ารับมรดกความและแต่งทนายโจทก์เป็นทนายความของผู้รับมรดกความก็ตาม
จำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 คันที่เกิดเหตุรถชนกันไปปฏิบัติงานในหน้าที่ของจำเลยที่ 2 มาตั้งแต่ก่อนวันเกิดเหตุโดยไม่ปรากฏว่าผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 ทักท้วงหรือมีบุคคลอื่นขับขี่รถยนต์คันนั้น วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันดังกล่าวบรรทุกเครื่องสูบน้ำไปช่วยสูบน้ำให้หมู่บ้านชาวเขาอันเป็นการกระทำเกี่ยวกับหน้าที่ราชการของจำเลยที่ 2 ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 1ได้ขับรถยนต์ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ข้อที่จำเลยที่ 2อ้างว่าได้ว่าจ้างจำเลยที่ 1 ให้ทำงานในตำแหน่งผู้ชำนาญงานเกี่ยวกับเครื่องยนต์ใช้ในการก่อสร้าง ไม่มีหน้าที่ขับรถยนต์นั้นเป็นระเบียบข้อบังคับอันเป็นเรื่องภายในของจำเลยที่ 2 จะอ้างมาต่อสู้หรือใช้ยันบุคคลภายนอกไม่ได้
หลังจากเลิกงานขนน้ำเพื่อช่วยเหลือชาวเขาอันเป็นการงานในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 แล้วจำเลยที่ 1 ยังมิได้เอารถเข้าเก็บแต่ได้ขับไปที่แห่งอื่นจนกระทั่งเกิดเหตุชนรถยนต์ของทางราชการทหารอากาศ เป็นเหตุให้บุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย ดังนี้แม้จะเกิดเหตุหลังจากเลิกงานแล้ว ก็ถือว่ายังอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ตามทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 เพราะการปฏิบัติหน้าที่ยังไม่เสร็จสิ้นโดยอยู่ในระหว่างที่จำเลยที่ 1จะต้องนำรถยนต์มาเก็บที่สำนักงานของจำเลยที่ 2 ผู้เป็นนายจ้างจำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดของจำเลยที่ 1 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1811-1812/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้าง แม้ลูกจ้างไม่มีหน้าที่ขับรถ แต่ได้รับคำสั่งให้นำรถไปล้าง
ลูกจ้างของกรมทางหลวงแผ่นดินประจำหน่วยควบคุมและตรวจสอบวัสดุก่อสร้างทางซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์วิจัยดิน หิน กรวด ไม่มีหน้าที่ในการขับรถยนต์ ได้ขับรถยนต์ของกรมทางหลวงแผ่นดินไปล้างโดยช่างตรีผู้บังคับบัญชาใช้ให้ไป เมื่อล้างเสร็จได้ขับรถกลับที่พักแต่ระหว่างทางได้ขับรถแวะไปเอาของที่บ้านพี่สาว และเกิดชนกับรถยนต์อื่นโดยประมาท เป็นเหตุให้คนตาย แม้ลูกจ้างนั้นไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการขับรถยนต์ แต่การนำรถไปล้างก็โดยผู้บังคับบัญชาใช้ให้ไป และการล้างรถก็เป็นกิจการของกรมทางหลวงแผ่นดินย่อมถือได้ว่าลูกจ้างนั้นได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้างของนายจ้างซึ่งกรมทางหลวงแผ่นดินผู้เป็นนายจ้างจะต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิด(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2516)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 884/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้าง, กรรมสิทธิ์รถยนต์, ค่ารักษาพยาบาลซ้ำซ้อน
การฟ้องนายจ้างให้ร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดที่ลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้าง ไม่จำต้องบอกกล่าวนายจ้างก่อนเพราะถือได้ว่าผิดนัดมาตั้งแต่วันละเมิดแล้ว
ผู้ซื้อรถจักรยานยนต์จากผู้ขายโดยชำระราคาเพียงครึ่งหนึ่งที่เหลือจะชำระเมื่อไรก็ได้ และผู้ขายจะโอนทะเบียนเป็นชื่อผู้ซื้อเมื่อชำระราคาให้ครบแล้ว ดังนี้ กรรมสิทธิ์ในรถได้โอนเป็นของผู้ซื้อแล้ว เมื่อมีผู้ทำละเมิดให้รถจักรยานยนต์เสียหาย ผู้ซื้อมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายได้
ข้าราชการผู้มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลจากทางราชการ และเบิกไปแล้ว จะฟ้องเรียกค่ารักษาพยาบาลจากผู้กระทำละเมิดอีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 970/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้างขณะปฏิบัติงาน แม้ฝ่าฝืนระเบียบ
ลูกจ้างผู้ทำหน้าที่ขับรถยนต์ขนหินขนดินซึ่งบริษัทจำเลยรับเหมา ขณะหยุดพักงานตอนเที่ยงวัน ได้ขับรถยนต์บรรทุกของจำเลยออกไปจากเส้นทางที่ก่อสร้าง เพื่อไปรับประทานอาหาร รถยนต์ชนจักรยานยนต์ซึ่งโจทก์นั่งซ้อนท้ายมา โดยประมาทเลินเล่อ ในการที่ลูกจ้างเอารถของจำเลยขับไปนั้น แม้จะเป็นการฝ่าฝืนระเบียบของบริษัทจำเลยที่วางไว้ แต่ก็อยู่ระหว่างเวลาที่ลูกจ้างประจำทำงานตามทางการที่จ้างให้แก่บริษัทจำเลยตลอดทั้งวัน ย่อมเป็นการละเมิดต่อโจทก์ในทางการที่จ้างของจำเลย บริษัทจำเลยต้องรับผิด
of 3