คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ล่อซื้อ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 33 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 59/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การล่อซื้อยาเสพติด การครอบครองเพื่อจำหน่าย พยายามจำหน่าย และการใช้พยานหลักฐานที่ไม่ชอบ
จำเลยรับเงินจากสายลับแล้วไปเอาถุงพลาสติกใส่เมทแอมเฟตามีนและฝิ่นของกลางมาเพื่อจะมอบให้สายลับ แต่ถูกพันตำรวจโท ส.กับพวกจับเสียก่อน การที่โจทก์ไม่ได้นำสายลับมาเบิกความ ไม่ทำให้พยานหลักฐานของโจทก์ไม่น่าเชื่อถือ และการที่เจ้าพนักงานตำรวจใช้ให้สายลับนำเงินไปล่อซื้อยาเสพติดให้โทษจากจำเลย การกระทำดังกล่าวมิได้ฝ่าฝืนกฎหมาย มิได้ผิดศีลธรรมหรือทำนองคลองธรรม มิได้เป็นการใส่ร้ายป้ายสีหรือยัดเยียดความผิดให้จำเลย หากจำเลยมิได้มียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เมื่อสายลับไปขอซื้อยาเสพติดให้โทษจากจำเลย จำเลยย่อมไม่มียาเสพติดให้โทษจะจำหน่ายให้แก่สายลับความผิดย่อมไม่อาจเกิดขึ้นได้ การกระทำของเจ้าพนักงานตำรวจดังกล่าวเป็นเพียงวิธีการเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลย ไม่เป็นการแสวงหาหลักฐานโดยมิชอบ ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ย่อมรับฟังลงโทษจำเลยได้ ไม่ต้องห้ามตามป.วิ.อ. มาตรา 226
จำเลยรับเงินจากสายลับ แล้วจำเลยไปหยิบฝิ่นมาแต่ยังไม่ทันได้ส่งมอบฝิ่นให้แก่สายลับ เจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับจำเลยเสียก่อน จำเลยจึงยังไม่มีความผิดฐานจำหน่ายฝิ่น คงมีความผิดฐานพยายามจำหน่ายฝิ่นโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 59/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การล่อซื้อยาเสพติด, ความผิดพยายามจำหน่าย, และการลดโทษจากคำรับสารภาพ
การที่เจ้าพนักงานตำรวจใช้สายลับนำเงินไปล่อซื้อ ยาเสพติดให้โทษจากจำเลยมิได้เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย มิได้ผิดศีลธรรมหรือทำนองคลองธรรม มิได้เป็นการใส่ร้าย ป้ายสีหรือยัดเยียด ความผิดให้จำเลย หากจำเลยมิได้มี ยาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เมื่อสายลับ ไปขอซื้อยาเสพติดให้โทษจากจำเลย จำเลยย่อมไม่มียาเสพติดให้โทษ จะจำหน่ายให้แก่สายลับ ความผิดย่อมไม่อาจเกิดขึ้นได้ การกระทำของเจ้าพนักงานตำรวจดังกล่าวเป็นเพียงวิธีการ เพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลย ไม่เป็นการแสวงหาหลักฐานโดยมิชอบ ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน รับฟังลงโทษจำเลยได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226 จำเลยรับเงินจากสายลับ แล้วจำเลยไปหยิบฝิ่นมา แต่ยังไม่ทันได้ส่งมอบฝิ่นให้แก่สายลับ เจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับ จำเลยเสียก่อน จำเลยจึงยังไม่มีความผิดฐานจำหน่ายฝิ่น คงมีความผิดฐานพยายามจำหน่ายฝิ่นโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้นปัญหานี้แม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยให้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4343/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อยาเสพติดเพื่อส่งมอบให้สายลับ ไม่ถือว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย การล่อซื้อเพื่อช่วยเหลือเจ้าพนักงานไม่ได้รับการพิสูจน์
จำเลยซื้อเฮโรอีนของกลางจาก อ. มาให้สายลับตามที่สายลับร้องขอ โดยมิได้มีข้อเท็จจริงอื่นใดมานำสืบว่าจำเลย ได้ผลประโยชน์ทั้งจากฝ่ายผู้ขายหรือฝ่ายขอให้ไปซื้อ จึงเป็นการซื้อแทนสายลับ เฮโรอีนของกลางที่ซื้อได้เป็นของ สายลับผู้ซื้อที่แท้จริงตั้งแต่แรกมิใช่เป็นของจำเลย จำเลยนำเฮโรอีนเพื่อมอบให้สายลับจึงเป็นการส่งมอบคืน ให้แก่สายลับมิใช่เพื่อให้เฮโรอีนแก่สายลับ ข้อเท็จจริงที่จำเลยอ้างว่าไปทำการล่อซื้อเพื่อ ช่วยเหลือเจ้าพนักงานในการจับกุม อ. ผู้จำหน่าย เป็นข้อเท็จจริงที่ขัดแย้งกับข้อนำสืบของเจ้าพนักงานตำรวจ ผู้วางแผนการจับกุม ข้อนำสืบของจำเลยปราศจากพยานหลักฐาน สนับสนุน จึงเป็นเพียงคำปฏิเสธลอย ๆ ที่ไม่มีน้ำหนัก ส่วนข้อต่อสู้ของจำเลยที่อ้างว่าครอบครองเฮโรอีนแทนผู้อื่นนั้น การครอบครองแทนคือการครอบครองลักษณะหนึ่งซึ่งอาจมีผลต่อ ทางกฎหมายส่วนแพ่งแต่ในส่วนกฎหมายอาญาไม่มีบทบัญญัติ ก่อให้เกิดผลต่างเป็นข้อจำกัดความรับผิดหรือเป็นข้อยกเว้นโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานวัตถุ (ธนบัตร) และพยานเอกสาร (แผนที่เกิดเหตุ) ใช้พิสูจน์ความผิดได้ แม้ไม่มีการลงบันทึกประจำวันหรือจัดทำแผนที่ เหตุล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนถือเป็น 'ขาย'
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226กำหนดให้พยานวัตถุซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ว่าจำเลยมีผิดให้อ้างเป็นพยานหลักฐานได้ ธนบัตรของกลางเป็นพยานวัตถุที่เจ้าพนักงานตำรวจใช้ล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยแม้จะมิได้ลงบันทึกประจำวันไว้ โจทก์ย่อมอ้างเป็นพยานเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลยได้ ไม่มีกฎหมายห้าม แผนที่เกิดเหตุเป็นเพียงพยานเอกสารจำลองถึงที่เกิดเหตุ ตามที่พนักงานสอบสวนได้จัดทำขึ้น แม้จะมีระเบียบให้พนักงานสอบสวน จัดทำขึ้นเพื่อประกอบคดี แต่ถ้าพนักงานสอบสวนมิได้ จัดทำก็หาทำให้พยานหลักฐานอื่นที่โจทก์นำสืบเสียไปแต่อย่างใดไม่ หากพยานโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง ศาลก็ลงโทษจำเลยได้โดยไม่จำต้องมีแผนที่เกิดเหตุ การที่จำเลยเอาเมทแอมเฟตามีนมาขายให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อ แม้สายลับจะไม่มีเจตนาซื้อมาเพื่อเสพหรือแสวงหาประโยชน์อื่นใด จากเมทแอมเฟตามีน ก็ถือว่าจำเลยได้ขายเมทแอมเฟตามีน ตามบทนิยามคำว่า ขาย ที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติ วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานวัตถุ-เอกสารประกอบคดี-การขายยาเสพติด: การล่อซื้อและนิยามการขาย
ธนบัตรของกลางเป็นพยานวัตถุที่เจ้าพนักงานตำรวจใช้ล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลย แม้จะมิได้ลงบันทึกประจำวัน ไว้ โจทก์ก็อ้างเป็นพยานเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลย ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226 เพราะ ไม่มีกฎหมายห้าม แผนที่เกิดเหตุเป็นเพียงพยานเอกสารจำลองถึงที่เกิดเหตุตามที่พนักงานสอบสวนได้จัดทำขึ้นแม้จะมีระเบียบให้พนักงานสอบสวนจัดทำขึ้นเพื่อประกอบคดีแต่ถ้าพนักงานสอบสวนมิได้จัดทำ ก็หาทำให้พยานหลักฐานอื่นที่โจทก์นำสืบเสียไปแต่อย่างใดไม่หากพยานโจกท์ ฟังได้ว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องศาลก็ลงโทษจำเลยได้โดยไม่จำต้องมีแผนที่เกิดเหตุ การที่จำเลยเอาเมทแอมเฟตามีนมาขายให้แก่สายลับ ผู้ล่อซื้อแม้สายลับจะไม่มีเจตนาซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยมาเพื่อเสพหรือแสวงหาประโยชน์อื่นใดจากเมทแอมเฟตามีน ก็ถือว่าจำเลยได้ขายเมทแอมเฟตามีนตามบทนิยามคำว่าขายที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 4 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7101/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยที่ 1 เป็นเพียงตัวกลางล่อซื้อ ย่อมไม่มีเจตนาจำหน่ายเฮโรอีน จึงไม่มีความผิด
ในการเจรจาติดต่อล่อซื้อเฮโรอีนของกลางตามที่เจ้าพนักงาน-ตำรวจสืบทราบว่าจำเลยที่ 2 มีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายเฮโรอีนนั้น จ่าสิบตำรวจ ส.กับพวกได้ให้สายลับซึ่งรู้จักจำเลยที่ 1 พาไปพบจำเลยที่ 1 ให้ช่วยเจรจาในการล่อซื้อเฮโรอีนจากจำเลยที่ 2 โดยจะให้ค่าตอบแทนแก่จำเลยที่ 1 เป็นเงิน 2,000 บาทจำเลยที่ 1 จึงดำเนินการตามที่จ่าสิบตำรวจ ส.กับพวกขอร้อง จนกระทั่งมีการนัดหมายส่งมอบเฮโรอีนในวันเกิดเหตุ ดังนี้ การที่จำเลยที่ 1 ดำเนินการให้น่าเชื่อว่าเกิดจากจำเลยที่ 1 หวังผลตอบแทน จึงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นเพียงคนกลางในการช่วยติดต่อเจรจาเพื่อล่อซื้อเฮโรอีนจากจำเลยที่ 2 เพื่อให้การจับจำเลยที่ 2 บรรลุผลเท่านั้น เมื่อจำเลยที่ 1 รับเฮโรอีนจากจำเลยที่ 2 ก็นำมามอบให้จ่าสิบตำรวจ ส.ทันที จึงไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 1 มีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองและจำหน่ายเฮโรอีน ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนากระทำความผิด จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8456/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การล่อซื้อยาเสพติดและความผิดฐานพยายามจำหน่าย: การซื้อขายไม่สำเร็จ
เจ้าพนักงานตำรวจให้สายลับไปล่อซื้อเฮโรอีน จำเลยรับเงินค่าเฮโรอีนจากสายลับและไปนำเฮโรอีนจากที่ซ่อนเพื่อจะนำมาส่งมอบให้แก่สายลับจำเลยถูกจับขณะอยู่บริเวณสวนมะพร้าวห่างจากจุดที่สายลับรออยู่ประมาณ 10 เมตรและจำเลยยังไม่ได้ส่งมอบเฮโรอีนให้แก่สายลับ การซื้อขายระหว่างจำเลยกับสายลับจึงยังไม่สำเร็จบริบูรณ์ ยังไม่เป็นความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนสำเร็จ คงมีความผิดฐานพยายามจำหน่ายเฮโรอีนเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8456/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การล่อซื้อยาเสพติด: การซื้อขายไม่สำเร็จถือเป็นความผิดพยายามจำหน่าย
เจ้าพนักงานตำรวจให้สายลับไปล่อซื้อเฮโรอีนจำเลยรับเงินค่าเฮโรอีนจากสายลับและไปนำเฮโรอีนจากที่ซ่อนเพื่อจะนำมาส่งมอบให้แก่สายลับจำเลยถูกจับขณะอยู่บริเวณสวนมะพร้าวห่างจากจุดที่สายลับรออยู่ประมาณ10เมตรและจำเลยยังไม่ได้ส่งมอบเฮโรอีนให้แก่สายลับการซื้อขายระหว่างจำเลยกับสายลับจึงยังไม่สำเร็จบริบูรณ์ยังไม่เป็นความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนสำเร็จคงมีความผิดฐานพยายามจำหน่ายเฮโรอีนเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4705/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำซัดทอดประกอบพยานหลักฐานอื่นมีน้ำหนักรับฟังได้
แม้คำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 จะเป็นคำซัดทอดของผู้ต้องหาด้วยกัน ตามธรรมดาจะมีน้ำหนักน้อยแต่เมื่อรับฟังประกอบกับระยะเวลาที่สายลับไปทำการล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 2 จนกระทั่งเจ้าพนักงานตำรวจเข้าตรวจค้นจำเลย และพบธนบัตรที่ใช้ในการล่อซื้อจากจำเลยแทบจะในทันทีทันใดแล้ว คำซัดทอดดังกล่าวมีน้ำหนักรับฟังได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4986/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมคบเพื่อกระทำผิดฐานซ่องโจร ต้องมีการคบคิดหรือตกลงร่วมกัน การเจรจาซื้อขายกับเจ้าพนักงานล่อซื้อไม่ถือเป็นซ่องโจร
ความผิดฐานซ่องโจรตาม ป.อ. มาตรา 210 นั้น ผู้กระทำจะต้องสมคบกันเพื่อกระทำความผิด กล่าวคือ จะต้องมีการร่วมคบคิดหรือประชุมปรึกษาหารือกันเพื่อกระทำความผิด หรือการแสดงออกซึ่งความตกลงจะทำความผิดร่วมกัน ซึ่งมีสภาพเป็นการกระทำระหว่างผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกัน จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 5เพียงแต่ร่วมกันเจรจากับเจ้าพนักงานตำรวจที่ไปล่อ ซื้อเสนอขายรถจักรยานยนต์ที่ถูกลักมาให้แก่เจ้าพนักงานตำรวจดังกล่าวเท่านั้นจึงเป็นลักษณะที่เป็นการกระทำต่อบุคคลภายนอก เมื่อข้อเท็จจริงในคดีไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 ได้มีการคบคิดกันว่าจะกระทำความผิดร่วมกันรับของโจรตามที่โจทก์ฟ้อง จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 กระทำความผิดฐานร่วมกันเป็นซ่อง โจรและเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกาจึงพิพากษาให้มีผลไปถึงจำเลยที่ 4 ซึ่งมิได้ฎีกาขึ้นมาด้วย.
of 4