พบผลลัพธ์ทั้งหมด 301 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 687/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายต่อเนื่องจากการวิวาท การป้องกันตัว และเจตนาในการกระทำความผิด ศาลลดโทษตามอายุและให้รอการลงโทษ
ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยมิได้สมัครใจวิวาทกับผู้เสียหายนั้นเมื่อศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยสมัครใจวิวาทกับผู้เสียหายจำเลยมิได้อุทธรณ์ปัญหาข้อนี้จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นฎีกาของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นมาว่ากันมาแล้วแต่ในศาลอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่งประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา15 หลังจากวิวาทชกต่อยกันแล้วผู้เสียหายได้วิ่งไล่ตามและเข้าไปชกต่อยจำเลยในร้านของป. อีกจำเลยจึงแทงเอาอันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในการวิวาทกันนั่นเองหาใช่การวิวาทได้ขาดตอนลงแล้วไม่จำเลยจึงไม่อาจอ้างว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายได้ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายแต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยแทงผู้เสียหายขณะผู้เสียหายปล้ำชกต่อยจำเลยจำเลยย่อมไม่มีโอกาสเลือกแทงเนื่องจากเป็นระยะประชิดตัวอาวุธที่ใช้ก็เป็นเพียงเหล็กกลมปลายแบนด้านหนึ่งที่ใช้แทนไขควงไม่มีความแหลมคมเหมือนมีดปลายแหลมบาดแผลเป็นเพียงบาดแผลฉีดขาดขอบเรียบแพทย์ผู้ตรวจรักษาลงความเห็นว่าบาดแผลจะหายได้ภายในเวลาประมาณ10วันเท่านั้นแสดงว่าจำเลยแทงผู้เสียหายไม่รุนแรงมากนักเมื่อแทงแล้วก็ผลักผู้เสียหายล้มแล้ววิ่งหนีไปโดยไม่แทงซ้ำอีกพฤติการณ์แห่งคดีเห็นได้ชัดเจนว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายมีเพียงเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา295เท่านั้นซึ่งศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยในข้อหานี้ตามที่พิจารณาได้ความมาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5231/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาบุกรุก: การเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นเพื่อสอบถามเรื่องราวไม่ใช่การบุกรุก
จำเลยเข้าไปในสวนผักของโจทก์ร่วมโดยเจตนาที่จะสอบถามเรื่องราวที่ อ.บุตรโจทก์ร่วมท้าชก แล้วจึงเกิดการวิวาทต่อสู้กัน ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาเข้าไปเพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์หรือเจตนาเพื่อกระทำการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้น จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานบุกรุกตาม ป.อ. มาตรา 362
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1124/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายหลังวิวาท ไม่ถือเป็นป้องกันตัว และเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
จำเลยกับผู้ตายวิวาทชกต่อยกัน แล้วจำเลยแยกกลับห้องพักและย้อนกลับมาใช้อาวุธมีดแทงผู้ตาย หลังจากเกิดเหตุชกต่อยกันแล้วประมาณ 10 นาทีการกระทำดังกล่าวของจำเลยจึงมิใช่เป็นการกระทำโดยป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ เพราะไม่มีเหตุภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายที่จำต้องกระทำเพื่อป้องกันตัว แต่การกระทำของจำเลยเป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1124/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ไม่เข้าข้อยกเว้นการป้องกันตัว
จำเลยกับผู้ตายวิวาทชกต่อยกันแล้วจำเลยแยกกลับห้องพักและย้อนกลับมาใช้อาวุธมีดแทงผู้ตายหลังจากเกิดเหตุชกต่อยกันแล้วประมาณ10นาทีการกระทำดังกล่าวของจำเลยจึงมิใช่เป็นการกระทำโดยป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุเพราะไม่มีเหตุภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายที่จำต้องกระทำเพื่อป้องกันตัวแต่การกระทำของจำเลยเป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6476/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดทางอาญา: การท้าทายวิวาทและการป้องกันตัวที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
หลังจากจำเลยและพวกวิ่งหลบหนีเข้าบ้านแล้วประมาณ 10 นาทีจำเลยจึงวิ่งขึ้นไปบนบ้านของ ม. และนำอาวุธปืนออกมายืนหน้าบ้านเพื่อจะขู่กลุ่มของผู้เสียหายให้กลับไป เมื่อผู้เสียหายถือมีดดาบและขวดจะเข้าทำร้ายจำเลยห่างประมาณ3 เมตร จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงกลุ่มของผู้เสียหาย พฤติการณ์ของจำเลย เช่นนี้แสดงว่าจำเลยสมัครใจทะเลาะวิวาทกับกลุ่มของผู้เสียหาย เพราะขณะจำเลยกับพวกวิ่งหลบหนีเข้าบ้าน ภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายหมดสิ้นไปแล้ว หากจำเลยไม่ประสงค์จะทะเลาะวิวาทอีกต่อไป จำเลยก็ไม่น่าจะนำอาวุธปืนออกมายืนอยู่หน้าบ้าน อันเป็นการท้าทายกลุ่มของผู้เสียหายซึ่งเป็นวัยรุ่น จำเลยย่อมไม่อาจยกเอาการป้องกันตัวขึ้นมาอ้างเพื่อให้การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5698/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ความรุนแรงในการห้ามปรามวิวาทและการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย กรณีบันดาลโทสะ
จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบิดาของจำเลยที่ 2 ได้วิวาทชกต่อยกับผู้เสียหายจำเลยที่ 2 เข้าห้ามปรามมิให้ผู้เสียหายทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 1 ผู้เสียหายกลับชกต่อยและเตะจำเลยที่ 2 จนเซไป แล้วหวนกลับไปทำร้ายจำเลยที่ 1 อีก จำเลยที่ 2 จึงใช้เก้าอี้ตีผู้เสียหายถูกที่บริเวณศีรษะ และหน้าผากเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสดังนี้ การที่จำเลยที่ 1 วิวาทชกต่อยกับผู้เสียหาย จึงเป็นการสมัครใจวิวาท มิใช่ผู้เสียหายประทุษร้ายจำเลยที่ 1 ฝ่ายเดียว แม้ผู้เสียหายจะหวนกลับไปทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 1อีก ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในขณะที่วิวาทกัน จำเลยที่ 2 จึงไม่มีสิทธิที่จะป้องกันจำเลยที่ 1 ได้ ส่วนที่จำเลยที่ 2 ใช้เก้าอี้ตีผู้เสียหายเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะจำเลยที่ 2 เข้าไปห้ามปรามมิให้ผู้เสียหายทำร้ายจำเลยที่ 1 จึงถูกผู้เสียหายชกต่อยและเตะจำเลยที่ 2 จนเซไป แล้วผู้เสียหายได้หวนกลับมาจะทำร้ายจำเลยที่ 1 ภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายที่เกิดแก่จำเลยที่ 2 เองคือการถูกผู้เสียหายชกต่อยและเตะจนเซไปได้ผ่านพ้นไปแล้ว การที่จำเลยที่ 2 ใช้เก้าอี้ตีผู้เสียหายในขณะที่ผู้เสียหายกลับเข้าไปทำร้ายจำเลยที่ 1 อีกเช่นนี้ ไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะเพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ตามป.อ. มาตรา 72
ตามพฤติการณ์แห่งคดี ผู้เสียหายมีส่วนก่อเหตุอยู่ด้วย เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้รับโทษจำคุกมาก่อนและโทษจำคุกก็เพียงเล็กน้อย กรณีจึงมีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษจำเลยที่ 2 ได้ตาม ป.อ. มาตรา 56
ตามพฤติการณ์แห่งคดี ผู้เสียหายมีส่วนก่อเหตุอยู่ด้วย เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้รับโทษจำคุกมาก่อนและโทษจำคุกก็เพียงเล็กน้อย กรณีจึงมีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษจำเลยที่ 2 ได้ตาม ป.อ. มาตรา 56
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3815/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประพฤติตนไม่เรียบร้อยในศาลและการก่อให้เกิดวิวาท ละเมิดอำนาจศาล
ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองมีเรื่องโกรธเคืองอย่างรุนแรงกันมาก่อนการที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ต่อว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ที่ห้องโถงของศาลในวันเกิดเหตุว่าถูกผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 กลั่นแกล้งหลายเรื่อง และจะเอาเรื่องผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เป็นการข่มขู่และยั่วยุให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เกิดอารมณ์ไม่พอใจ และการที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ไปยืนที่ประตูห้องพิจารณาของศาลในลักษณะยืนขวางประตู เห็นได้ว่าเป็นการท้าทายให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ไม่พอใจยิ่งขึ้น เมื่อผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เดินเข้าห้องพิจารณาไม่ว่าจะเดินชนผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ตามที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 แถลงหรือเดินเฉียดชิดเพราะที่แคบตามที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 แถลง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ก็ไม่ควรผลักผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 พฤติการณ์ที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ต่อว่าข่มขู่จะเอาเรื่องผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ก็ดี ผู้กล่าวหาที่ 1 ไปยืนขวางประตูห้องพิจารณาและผลักผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เมื่อผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เดินเข้าห้องก็ดี ชี้ให้เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีส่วนก่อให้เกิดเหตุวิวาทขึ้นในศาล เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ผิดฐานละเมิดอำนาจศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3815/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประพฤติตนไม่เรียบร้อยในศาลและการละเมิดอำนาจศาลอันเนื่องจากการข่มขู่และผลักทำร้าย
ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองมีเรื่องโกรธเคืองกันมาก่อน การที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ต่อวาผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ที่ห้องโถงของศาลในวันเกิดเหตุว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 กลั่นแกล้งหลายเรื่อง และจะเอาเรื่องผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เป็นการข่มขู่และยั่วยุให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เกิดอารมณ์ไม่พอใจ และการที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1ไปยืนที่ประตูห้องพิจารณา ในลักษณะยืนขวางประตู เห็นได้ว่าเป็นการท้าทายให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ไม่พอใจยิ่งขึ้น เมื่อผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เดินเข้าห้องพิจารณาไม่ว่าจะเดินชนผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 หรือเดินเฉียดชิดเพราะที่แคบ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1ก็ไม่ควรผลักผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 พฤติการณ์ที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1ต่อว่าข่มขู่จะเอาเรื่องผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ก็ดี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1ไปยืนขวางประตูห้องพิจารณาและผลักผู้ถูกกล่าวหาที่ 2เมื่อผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เดินเข้าห้องก็ดี ชี้ให้เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีส่วนก่อให้เกิดเหตุวิวาทขึ้นในศาล เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ผิดฐานละเมิดอำนาจศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2649/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานอ่อนแอ ไม่พอรับฟังว่าจำเลยพยายามฆ่าผู้เสียหาย แม้จะมีเหตุวิวาทและคำอาฆาต
พยานโจทก์เบิกความเพียงว่า เมื่อได้ยินเสียงแก๊ปปืนดังขึ้นได้หันไปทางเสียงนั้น แล้วเห็นจำเลยวิ่งหลบหนีไปโดยถือปืนไปด้วยโดยไม่เห็นว่า จำเลยใช้ปืนนั้นจ้องเล็งยิงผู้เสียหายหรือไม่ก่อนหน้านั้นจำเลยและผู้เสียหายทะเลาะกันแล้วได้ความจากผู้เสียหายว่าจำเลยไม่พอใจที่ผู้เสียหายไม่ยกทรัพย์ให้จึงโกรธจะเผายุ้งข้าวแต่ผู้เสียหายเข้าห้ามไว้และเกิดการวิวาทชกต่อยกันขึ้น จำเลยจึงออกจากบ้านไปโดยกล่าวคำอาฆาตผู้เสียหายไว้ เช่นนี้ เหตุดังกล่าวไม่น่าถึงกับทำให้จำเลยคิดจะฆ่าผู้เสียหาย เมื่อโจทก์ไม่มีพยานยืนยันว่าจำเลยใช้อาวุธปืนจ้องเล็งยิงผู้เสียหายแล้ว แต่กระสุนปืนไม่ลั่น กรณีย่อมไม่อาจรับฟังให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยได้ คำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน โดยลำพังย่อมไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1305/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การโต้เถียงก่อนเกิดเหตุและการสมัครใจวิวาท
การที่จำเลยพูดโต้เถียงกับผู้ตายอันเป็นทำนองท้าทายผู้ตายแสดงว่าจำเลยสมัครใจจะทะเลาะวิวาทกับผู้ตาย เมื่อจำเลยยิงผู้ตายถึงแก่ความตายจึงไม่สามารถอ้างว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายได้ การลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 เป็นการลดมาตราส่วนโทษเพราะเหตุอายุของผู้กระทำผิด เมื่อศาลใช้ดุลพินิจลดมาตราส่วนโทษให้แก่จำเลยแล้วก็จำต้องลดให้ทุกกระทงความผิดแม้ว่าความผิดฐานมีอาวุธปืนจะยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นก็ตามแต่ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อแรก ข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้