พบผลลัพธ์ทั้งหมด 71 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 875/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่ไม่ชัดเจน ขาดหลักฐานสนับสนุน และอาศัยข้อมูลที่ไม่เป็นทางการ ศาลยกคำร้อง
การพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น มาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลมดังนั้นคำร้องคัดค้าน การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงต้องตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสองด้วย ตามกฎกระทรวง (พ.ศ. 2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ข้อ 20 บัญญัติไว้ว่า เมื่อการนับคะแนนสิ้นสุดลงแล้วให้คณะกรรมการ ตรวจคะแนนเก็บบัตรเลือกตั้งที่ใช้นับคะแนนแล้วรายการแสดงผล ของการนับคะแนนหนึ่งฉบับประกาศผลของการนับคะแนนหนึ่งฉบับ และแบบกรอกคะแนนที่ใช้กรอกคะแนนแล้วบรรจุในหีบบัตรเลือกตั้ง แล้วปิดหีบบัตรเลือกตั้งใส่กุญแจประจำครั่งทับรูกุญแจไว้ และให้เอากระดาษปิดทับช่องใส่บัตรเลือกตั้ง โดยมีลายมือชื่อ คณะกรรมการตรวจคะแนนกำกับไว้บนกระดาษนั้นด้วย และข้อ 21 บัญญัติว่า ให้ประธานกรรมการตรวจคะแนนอ่านประกาศผลของการ นับคะแนนแก่ประชาชนซึ่งอยู่ ณ ที่นั้น แล้วปิดประกาศนั้นไว้ ณ ที่เลือกตั้งหนึ่งฉบับ แสดงให้เห็นว่า ณ ที่เลือกตั้งทั้ง 93 หน่วย แต่ละหน่วยย่อมจะต้องปิดประกาศผลของการนับคะแนน (ส.ส. 5) ณ ที่เลือกตั้งว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งคนใดสังกัด พรรคใดได้คะแนนเท่าใดปรากฏชัดแจ้ง ณ ที่เลือกตั้งนั้นแล้ว แต่ตามคำร้องของผู้ร้องทั้งสอง ผู้ร้องทั้งสองกลับร้อง คัดค้านการเลือกตั้งโดยอาศัยคะแนนของผู้คัดค้านที่ 2 และ ผู้ร้องที่ 2 ตามเอกสารซึ่งเป็น แบบรายงานการนับคะแนนไม่ เป็นทางการเป็นมูลเหตุในการคัดค้านการเลือกตั้ง ย่อมเป็นที่ เห็นได้ว่าผลรวมคะแนนตามแบบรายงานการนับคะแนนไม่เป็นทางการดังกล่าวมีความหมายอยู่ในตัวว่าผลของการรวมคะแนนนั้นอาจมี ข้อผิดพลาดได้ ส่วนการที่ต้องรายงานไม่เป็นทางการก่อนก็ เพียงการอำนวยความสะดวกเพื่อให้ประชาชนได้รับข่าวสาร รวดเร็วเท่านั้น ดังนั้น การที่ผู้ร้องทั้งสองร้องคัดค้าน การเลือกตั้งโดยอาศัยแบบรายงานการนับคะแนนไม่เป็นทางการ จึงไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานทางราชการได้มาเป็นมูลเหตุของการ คัดค้านโดยไม่ปรากฏว่ารายงานแสดงผลของการนับคะแนน (ส.ส.4) และประกาศผลของการนับคะแนน (ส.ส.5) อันเป็นคะแนนที่เป็น ทางการและปิดประกาศ ณ ที่เลือกตั้งว่าคะแนนของผู้คัดค้านที่ 2 และผู้ร้องที่ 2 มีอยู่อย่างไร ถูกต้องตรงกับจำนวนคะแนน ตามเอกสารหรือไม่ ถือได้ว่าผู้ร้องทั้งสองอ้างอิงคะแนนที่ ไม่แน่นอนและไม่ชัดแจ้งมาเป็นมูลเหตุแห่งการคัดค้านการ เลือกตั้ง และที่ผู้ร้องทั้งสองกล่าวมาในคำร้องคัดค้าน การเลือกตั้งว่าผู้คัดค้านที่ 1 และนายอำเภอจตุรพักตรพิมาน กับพวกร่วมกันไม่ปฏิบัติตามหน้าที่และขัดขวางมิให้การเป็นไป ตามกฎหมายด้วยการทำลายครั่งทับรูกุญแจเปิดหีบบัตรเลือกตั้ง 14 หีบ เพื่อแก้ไขและเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงรายงานแสดงผลของ การนับคะแนนที่บรรจุในหีบบัตรเลือกตั้งจำนวน 14 หีบ ดังกล่าว นั้น ผู้ร้องทั้งสองก็ควรที่จะได้กล่าวโดยละเอียดว่าเดิม ผลของการนับคะแนน (ส.ส.5) ที่บรรจุในหีบบัตรเลือกตั้ง แต่ละหีบคะแนนของผู้คัดค้านที่ 2 และผู้ร้องที่ 2 มีจำนวน เท่าใด เมื่อมีการเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงแล้วเป็นผลให้จำนวน คะแนนของผู้คัดค้านที่ 2 และผู้ร้องที่ 2 เพิ่มขึ้นคนละ เท่าใดอันเป็นสาระสำคัญที่จะทำให้ผู้คัดค้านที่ 1 เข้าใจ ข้อหาได้ดี แต่ก็มิได้กล่าวไว้ คำร้องของผู้ร้องทั้งสอง จึงเป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6601/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเฉลี่ยทรัพย์ซ้ำในคดีบังคับคดี แม้มีข้อเท็จจริงเดิม ศาลยกคำร้องตามมาตรา 144 วรรคแรก
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ฉบับแรกของผู้ร้องเพราะผู้ร้องไม่นำสืบให้เห็นว่าจำเลย ไม่มีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องจะบังคับคดีเอาชำระหนี้ได้ ข้อที่ผู้ร้องอ้างเป็นที่สุดไปแล้วเพราะไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์การที่ผู้ร้องมายื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ฉบับหลังอีกโดยมีข้ออ้างและคำขอเช่นเดียวกับคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ฉบับแรก และไม่มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการสืบหาทรัพย์สินของจำเลย เพิ่มเติมอีกเลย นอกจากจำนวนหนี้ที่คำนวณดอกเบี้ย ถึงวันยื่นคำร้องฉบับหลังซึ่งมีจำนวนมากกว่าเดิมเท่านั้น จึงเป็นการขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดี หรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว แม้เป็นขั้นตอน ชั้นบังคับคดีก็ตาม ก็ต้องห้ามตามมาตรา 144 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 416/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระราคาซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดหลังศาลยกคำร้องเพิกถอน การชำระเงินภายในกำหนดเป็นหลักสำคัญ
ระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. 2522 ข้อ 85 ที่กำหนดให้ผู้ซื้อทรัพย์ต้องชำระเงินทันที เว้นแต่ทรัพย์สินมีราคาตั้งแต่ 10,000 บาท ขึ้นไป เจ้าพนักงานอาจผ่อนผันให้ผู้ซื้อทรัพย์วางเงินมัดจำไม่เกินร้อยละ 25 ของราคาซื้อ และทำสัญญาใช้เงินที่ค้างชำระภายในเวลา ไม่เกิน 15 วันก็ได้นั้น เป็นระเบียบหรือข้อกำหนดที่วางไว้สำหรับกรณีที่ซื้อทรัพย์สินจากการขายทอดตลาดได้ในตอนแรกปรากฏว่าเมื่อผู้คัดค้านที่ 2 ซื้อทรัพย์ได้แล้ว ผู้คัดค้านที่ 2ก็ปฏิบัติตามระเบียบ กระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีฯ ข้อ 85 ทุกประการโดยได้ชำระราคาค่าซื้อทรัพย์ครบถ้วนตามระเบียบแล้ว แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่สามารถจะโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์ที่ผู้คัดค้านที่ 2 ประมูลซื้อมาได้เนื่องจากผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด แม้ผู้คัดค้านที่ 2 จะได้รับเงินค่าซื้อทรัพย์คืนไปจำนวน 1,045,000 บาท ก็ตาม แต่ต่อมาศาลฎีกาได้พิพากษาให้ยกคำร้องขอของผู้ร้องที่ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดแล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านที่ 1 ย่อมมีอำนาจทวงถามเงินค่าซื้อทรัพย์ที่ผู้คัดค้านที่ 2 รับคืนไปเมื่อผู้คัดค้านที่ 2 นำเงินจำนวนดังกล่าววางชำระให้แก่ผู้คัดค้านที่ 1 ภายในกำหนดครบถ้วนแล้วจึงถือได้ว่าผู้คัดค้านที่ 2ได้ชำระเงินค่าซื้อทรัพย์โดยถูกต้องไม่มีเหตุที่จะนำทรัพย์พิพาทออกขายทอดตลาดซ้ำอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7934/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอคืนค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์ที่เกินทุนทรัพย์หลังพ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ศาลมีสิทธิยกคำร้อง
ตามตาราง 5 ท้าย ป.วิ.พ.การคำนวณราคาทรัพย์สินที่ยึดเพื่อเสียค่าธรรมเนียมเมื่อยึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นผู้กำหนด ถ้าไม่ตกลงกัน ให้คู่ความที่เกี่ยวข้องเสนอเรื่องต่อศาลตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 296 วรรคสอง กล่าวคือ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอาจยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลไม่ว่าเวลาใด ๆ ก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลงแต่ต้องไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่ทราบการฝ่าฝืนนั้น ขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดราคาเสียใหม่ได้ เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนดราคาทรัพย์สินที่ยึดเพื่อเสียค่าธรรมเนียมเมื่อยึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายแล้ว โจทก์ก็ไม่ได้คัดค้านและต่อมาโจทก์ขอถอนการยึดและเสียค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขายตามราคาประเมินของเจ้าพนักงานบังคับคดีดังกล่าว และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ถอนการยึดและถอนการบังคับคดีเรื่องนี้กับได้รายงานให้ศาลชั้นต้นทราบแล้ว ต่อมาโจทก์เพิ่งมายื่นคำร้องขอคืนค่าธรรมเนียมส่วนที่เกินจากทุนทรัพย์ในคดีที่โจทก์ควรเสียเป็นคดีนี้ เมื่อเวลาล่วงเลยมานานถึง 5 ปีแล้ว กรณีของโจทก์จึงไม่ต้องตาม ป.วิ.พ.มาตรา 296 วรรคสอง จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะสั่งยกคำร้องของโจทก์เสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7127/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมตัวผู้อุทธรณ์หลังพ้นกำหนดเวลาอุทธรณ์ ศาลมีสิทธิยกคำร้อง
ตามอุทธรณ์ที่ยื่นต่อศาลชั้นต้น ทนายจำเลยผู้อุทธรณ์ได้ระบุไว้ชัดแจ้งว่าเป็นอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 3 โดยระบุชื่อจำเลยที่ 1 และที่ 3 ไว้ด้วย แสดงให้เห็นว่าทนายจำเลยผู้อุทธรณ์ประสงค์อุทธรณ์เฉพาะจำเลยที่ 1 และที่ 3 เท่านั้น เมื่อไม่ใช่เป็นกรณีที่พิมพ์ผิดพลาด การที่ทนายจำเลยทั้งห้าได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์เมื่อล่วงเลยเวลากำหนดอายุอุทธรณ์จากจำเลยที่ 1 และที่ 3 อุทธรณ์ เป็นว่าจำเลยทั้งห้าอุทธรณ์ จึงเป็นการเพิ่มเติมตัวผู้อุทธรณ์จากจำเลยที่ 1 และที่ 3 มาเป็นจำเลยทั้งห้า จึงชอบที่ศาลอุทธรณ์จะสั่งยกคำร้องดังกล่าวเสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7127/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมตัวผู้อุทธรณ์หลังพ้นกำหนดอายุความอุทธรณ์ ศาลยกคำร้อง
ตามอุทธรณ์ที่ยื่นต่อศาลชั้นต้น ทนายจำเลยผู้อุทธรณ์ได้ระบุไว้ชัดแจ้งว่าเป็นอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 3 โดยระบุชื่อจำเลยที่ 1 และที่ 3 ไว้ด้วย แสดงให้เห็นว่าทนายจำเลยผู้อุทธรณ์ประสงค์อุทธรณ์เฉพาะจำเลยที่ 1 และที่ 3 เท่านั้น เมื่อไม่ใช่เป็นกรณีที่พิมพ์ผิดพลาด การที่ทนายจำเลยทั้งห้าได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์เมื่อล่วงเลยเวลากำหนดอายุอุทธรณ์จากจำเลยที่ 1 และที่ 3 อุทธรณ์ เป็นว่าจำเลยทั้งห้าอุทธรณ์ จึงเป็นการเพิ่มเติมตัวผู้อุทธรณ์จากจำเลยที่ 1 และที่ 3 มาเป็นจำเลยทั้งห้า จึงชอบที่ศาลอุทธรณ์จะสั่งยกคำร้องดังกล่าวเสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6959/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินคดีอนาถาต้องแสดงเหตุมีมูลฟ้อง หากศาลเห็นว่าไม่มีมูล ศาลมีอำนาจยกคำร้องได้
ในการดำเนินคดีอนาถานั้น ถ้าผู้ขอเป็นโจทก์ นอกจากจะต้องแสดงให้เห็นว่าผู้ขอเป็นคนยากจนไม่มีทรัพย์สินพอที่จะเสียค่าธรรมเนียมได้แล้ว ยังต้องแสดงให้เป็นที่พอใจศาลด้วยว่าคดีของตนมีมูลที่จะฟ้องร้องตามนัยแห่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 155 คดีนี้ นอกจากศาลชั้นต้นเห็นว่าไม่มีเหตุสมควรที่จะให้โจทก์เลื่อนคดีแล้ว ยังได้ตรวจคำฟ้องและคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาด้วยแล้ว เห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้วโดยไม่จำต้องไต่สวนพยานโจทก์ต่อไป ให้งดเสียแล้วมีคำสั่งว่าคดีโจทก์ไม่มีมูลที่จะฟ้องร้อง ให้ยกคำร้อง ซึ่งศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะกระทำได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคท้าย อันมีผลเท่ากับไม่อนุญาตให้โจทก์ฟ้องคดีอย่างอนาถา ซึ่งโจทก์จะต้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์คำสั่งภายในกำหนดจึงถือว่าโจทก์อุทธรณ์ในข้อที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนการไต่สวนเพียงอย่างเดียวโดยขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนพยานหลักฐานโจทก์ต่อไป คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ตรวจคำฟ้องแล้วไม่อนุญาตให้โจทก์ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาเพราะเหตุคดีโจทก์ไม่มีมูลที่จะฟ้องร้อง ตามมาตรา 155 วรรคแรก จึงยุติไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น คดีจึงไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาว่าสมควรอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีเพื่อทำการไต่สวนพยานหลักฐานโจทก์ต่อไปหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5254/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอแก้คำให้การต้องแสดงเหตุอันควร หากมิได้อ้างเหตุ ศาลมีอำนาจสั่งยกคำร้องได้
เมื่อจำเลยขอแก้คำให้การจำเลยก็ต้องแสดงเหตุอันควรมาในคำร้องให้ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 163 วรรคสอง ด้วย แต่ตามคำร้องขอแก้คำให้การของจำเลยจำเลยมิได้อ้างเหตุขอแก้มาในคำร้อง ดังนี้ ที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3961/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหนี้ดอกเบี้ยจากการซื้อลดเช็ค ไม่ใช่ปัญหาความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลยกคำร้องแก้ไขคำให้การได้
ตามคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยมีใจความว่า จำเลยขอแก้ไขคำให้การของจำเลยเกี่ยวกับเรื่องที่โจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นสถาบันการเงินมีสิทธิคิดดอกเบี้ยได้ตามพระราชบัญญัติดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงิน พ.ศ. 2523 แสดงว่าโจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยเช่นเดียวกับธนาคารซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักในการรับจำนองอสังหาริมทรัพย์ และโจทก์จำเลยมีเจตนาแท้จริงที่จะจำนองที่ดินเป็นประกันหนี้เงิน240,000 บาท โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากจำเลยเกินกว่า 5 ปี การคิดดอกเบี้ยของโจทก์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 745 คำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยดังกล่าวเป็นการยกข้อต่อสู้ว่าหนี้ดอกเบี้ยตามฟ้องขาดอายุความแล้ว ซึ่งปัญหาเรื่องอายุความในทางแพ่งไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าวของจำเลยจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5469/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอคุ้มครองชั่วคราวต้องเป็นไปตามคำฟ้อง การขอคุ้มครองเกินคำฟ้องเป็นเหตุให้ศาลยกคำร้อง
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินพิพาททั้ง4แปลงให้กลับไปใช้โฉนดที่ดินเดิมเลขที่3472แต่ระบุเนื้อที่เพียง17ไร่เศษมิใช่18ไร่เศษตามเนื้อที่ในโฉนดเดิมเนื่องจากที่ดินถูกการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเวนคืนแล้วจำนวน2ไร่เศษทั้งตามคำขอท้ายฟ้องก็มิได้เรียกให้จำเลยใช้ค่าเสียหายหรือให้จำเลยนำเงินค่าเวนคืนที่ดินจำนวน22,837,000บาทมาส่งมอบแก่โจทก์แต่อย่างใดเช่นนี้การที่โจทก์ขอคุ้มครองชั่วคราวโดยขอให้จำเลยนำเงินค่าเวนคืนที่ดินจำนวนดังกล่าวไปฝากธนาคารแล้วนำสมุดเงินฝากมาวางศาลจึงเป็นการขอคุ้มครองประโยชน์เกินกว่าคำขอในคำฟ้องของโจทก์แม้ผลแห่งคดีในที่สุดโจทก์ชนะศาลก็จะพิพากษาเพิกถอนการได้มาซึ่งที่โฉนดของจำเลยตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์เท่านั้นไม่มีผลบังคับไปถึงเงินค่าเวนคืนจำนวนดังกล่าวซึ่งจำเลยได้รับไปจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทยตามที่โจทก์ร้องขอคุ้มครองได้กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา254(2)และมาตรา264ที่โจทก์จะขอคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวได้