พบผลลัพธ์ทั้งหมด 121 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8887/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิม ศาลไม่รับตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสาม
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระหนี้เงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีและหนี้เงินกู้อื่นโดยอ้างว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้กู้ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันและจำนอง จำเลยที่ 3 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยให้แก่บุคคลภายนอกแทนจำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยอ้างว่าจำเลยที่ 1 ยังมิได้เบิกเงินเกินวงเงินที่ตกลงไว้ จำเลยที่ 1 และที่ 2 มิได้ผิดสัญญา แต่โจทก์ไม่ยอมให้จำเลยที่ 1 กู้เงินเพื่อชำระค่าเช่าที่ดินและขุดบ่อเลี้ยงปลาให้แก่บุคคลภายนอก จึงให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่บุคคลภายนอกแทนจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับฟ้องโจทก์ ดังนั้น ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 177 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6408/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งในคดีแรงงาน: การที่ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ทำให้ศาลไม่รับฟ้องแย้ง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าตอบแทนในการขายสินค้าแก่โจทก์ตามข้อตกลงที่จำเลยจะจ่ายค่าตอบแทนในการขายสินค้าให้โจทก์ในอัตราร้อยละห้าของยอดเงินที่ขายได้และเรียกเก็บจากลูกค้าได้แล้ว อันเป็นการฟ้องให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาจ้าง จำเลยฟ้องแย้งว่าระหว่างโจทก์ทำงานเป็นลูกจ้างจำเลย โจทก์ได้ลักเอาข้อมูลลับและเอกสารลับเกี่ยวกับบัญชีรายชื่อลูกค้า ใบเสนอราคา รายละเอียดสินค้าพร้อมราคาต้นทุนและราคาขายของจำเลยไปให้บุคคลอื่นเพื่อแย่งลูกค้าของจำเลยทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับโจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยอันเป็นการฟ้องให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายในมูลละเมิด ซึ่งไม่ปรากฏว่าเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ในการขายสินค้าของโจทก์แต่อย่างใด ฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5776/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่นำค่าทนายความชั้นอุทธรณ์มาวางศาลพร้อมฎีกา ทำให้ศาลไม่รับฎีกา แม้จะนำมาภายหลัง
เมื่อโจทก์ยื่นฎีกาโดยไม่ได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งเป็นค่าทนายความที่โจทก์ต้องใช้แทนจำเลยทั้งสองชั้นอุทธรณ์ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มาวางศาลพร้อมกับฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 247 ประกอบมาตรา 229 ศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งไม่รับฎีกาได้ทันที แม้ต่อมาเมื่อพ้นกำหนดในการยื่นฎีกาแล้ว โจทก์จะได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์พร้อมกับนำเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มาวางศาลก็ตาม แต่การวางเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นเวลาภายหลังที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์แล้ว ย่อมไม่มีผลทำให้ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาที่ชอบด้วยกฎหมายอันควรรับไว้พิจารณาโจทก์จะอ้างว่าไม่มีเจตนาหรือจงใจที่จะไม่ปฏิบัติตามกฎหมายไม่ได้เพราะมาตรา 247 ประกอบมาตรา 229 บัญญัติไว้โดยแจ้งชัดว่าโจทก์ผู้ฎีกาจะต้องปฏิบัติให้ครบถ้วนตามข้อกำหนดอันเป็นการบังคับโดยไม่มีบทกฎหมายบัญญัติเปิดช่องไว้เป็นอย่างอื่นเพื่อให้พิจารณาถึงการไม่มีเจตนาหรือจงใจของผู้ฎีกา
เจ้าหน้าที่ศาลคงมีหน้าที่ตรวจสอบเฉพาะในเรื่องค่าขึ้นศาลว่าโจทก์ผู้ฎีกาชำระถูกต้องหรือไม่และมีหน้าที่เรียกให้โจทก์ผู้ฎีกาชำระให้ครบถ้วน แต่ค่าธรรมเนียมที่ต้องนำมาวางศาลเพื่อชำระแก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งนั้น ย่อมล่วงรู้และอยู่ในความรับผิดชอบของโจทก์ผู้ฎีกาจะต้องดำเนินการเอง โจทก์จึงไม่อาจกล่าวอ้างถึงการกระทำของเจ้าหน้าที่ศาลมาเป็นเหตุแก้ตัวในความผิดพลาดบกพร่องของตนได้
กรณีไม่นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งมาวางศาลพร้อมฎีกา ไม่ใช่เรื่องการมิได้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลโดยถูกต้องครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 18 ซึ่งศาลจะต้องสั่งให้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลให้ถูกต้องครบถ้วนเสียก่อนที่จะสั่งรับหรือไม่รับคำคู่ความ
เจ้าหน้าที่ศาลคงมีหน้าที่ตรวจสอบเฉพาะในเรื่องค่าขึ้นศาลว่าโจทก์ผู้ฎีกาชำระถูกต้องหรือไม่และมีหน้าที่เรียกให้โจทก์ผู้ฎีกาชำระให้ครบถ้วน แต่ค่าธรรมเนียมที่ต้องนำมาวางศาลเพื่อชำระแก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งนั้น ย่อมล่วงรู้และอยู่ในความรับผิดชอบของโจทก์ผู้ฎีกาจะต้องดำเนินการเอง โจทก์จึงไม่อาจกล่าวอ้างถึงการกระทำของเจ้าหน้าที่ศาลมาเป็นเหตุแก้ตัวในความผิดพลาดบกพร่องของตนได้
กรณีไม่นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งมาวางศาลพร้อมฎีกา ไม่ใช่เรื่องการมิได้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลโดยถูกต้องครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 18 ซึ่งศาลจะต้องสั่งให้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลให้ถูกต้องครบถ้วนเสียก่อนที่จะสั่งรับหรือไม่รับคำคู่ความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6906/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นบัญชีระบุพยานล่าช้า: ศาลไม่รับพยาน เนื่องจากความประมาทเลินเล่อของทนายจำเลย และการไม่ปฏิบัติตามกำหนดเวลา
จำเลยเพิ่งมายื่นคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานในวันนัดสืบพยานจำเลยนัดที่สอง ซึ่งหลังวันสืบพยานครั้งแรกเดือนเศษ โดยไม่ปรากฏว่าเหตุใดจึงเพิ่งมายื่นคำร้องทั้งที่ควรจะยื่นคำร้องในโอกาสแรกที่พึงกระทำได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคหนึ่ง เพื่อป้องกันมิให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในคดี จำเลยจะยกเรื่องทนายความของตนละทิ้งหน้าที่มาเป็นเหตุที่ทำให้ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลาไม่ได้ และจำเลยไม่อาจอ้างเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมอันเกิดจากความผิดพลาดของจำเลยเอง ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งต้องเสียเปรียบเพราะการดำเนินคดีต้องล่าช้าไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5529/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งขัดแย้งกับคำให้การ: ศาลไม่รับพิจารณาฟ้องแย้งที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและเรียกค่าเสียหาย โดยโจทก์มิได้ขอให้จำเลยส่งคืนโรงเรือนบนที่ดินแก่โจทก์ จำเลยให้การว่าโจทก์รับซื้อที่ดินพิพาทไว้แล้วผิดสัญญาไม่ยอมให้จำเลยไถ่การขายฝาก ขอให้ยกฟ้อง โดยจำเลยมิได้ฟ้องแย้งขอให้โจทก์รับไถ่การขายฝาก แต่กลับฟ้องแย้งขอให้โจทก์ชำระค่าที่ดินที่เพิ่มขึ้นโดยอ้างว่าจำเลยก่อสร้างโรงเรือนบนที่ดินพิพาทโดยสุจริตเพียงประการเดียว คำให้การที่ขอให้ยกฟ้องและฟ้องแย้งขอให้ใช้ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นจึงขัดกันเองอยู่ในตัว ไม่สามารถที่จะพิพากษาให้เป็นไปตามคำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยได้ แต่ต้องพิพากษาไปในทางใดทางหนึ่ง คือหากฟังว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาก็ต้องพิพากษายกฟ้อง โดยไม่จำต้องวินิจฉัยฟ้องแย้งของจำเลย หรือหากฟังว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาจึงอาจจะยกฟ้องแย้งของจำเลยขึ้นพิจารณาต่อไปฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นฟ้องแย้งที่อาศัยเหตุต่างกันกับฟ้องเดิมเป็นฟ้องแย้งที่ไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมเป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไข ไม่อาจรวมพิจารณาชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5416/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งต้องเป็นเรื่องเดียวกันกับฟ้องเดิม แม้ทรัพย์สินจะอยู่ในบริเวณเดียวกัน แต่หากเหตุแห่งการฟ้องต่างกัน ศาลไม่รับฟ้องแย้ง
แม้ทรัพย์ที่พิพาทกันทั้งฟ้องเดิมและฟ้องแย้งจะเป็นทรัพย์ที่อยู่ในบริเวณเดียวกันก็ตาม แต่โจทก์และจำเลยอาศัยมูลเหตุให้ใช้สิทธิเรียกร้องเพื่อให้ปฏิบัติตามฟ้องและฟ้องแย้งต่างกัน กล่าวคือโจทก์อาศัยเหตุจากการที่เจ้าของที่ดินเดิมปลูกสร้างกันสาดและพื้นคอนกรีตรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลยโดยสุจริตและจำเลยขัดขวางการใช้ส่วนแห่งแดนกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ขอให้จำเลยรื้อถอนทรัพย์สินและจดทะเบียนภารจำยอม ส่วนจำเลยอาศัยเหตุจากการที่โจทก์ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญอันเป็นการกระทำละเมิดต่อจำเลยโดยตรง ขอให้รื้อถอนและขนย้ายทรัพย์สินออกไป ประเด็นในคดีตามฟ้องเดิมและฟ้องแย้งต่างกันฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นคนละเรื่องกับฟ้องเดิมของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3028/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม ศาลไม่รับฟ้องแย้งได้ ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ทั้งสี่เป็นทายาทของ ป. ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทเรียกร้องให้จำเลยทั้งสี่ซึ่งยึดถือโฉนดและครอบครองที่ดินพิพาทแบ่งที่ดินพิพาทให้จำเลยทั้งสี่ต่อสู้ว่าที่ดินพิพาทเป็นมรดกตกแก่จำเลยทั้งสี่และ ป. โดย ป.มีส่วนได้รับไม่ถึงตามฟ้อง ถือว่าโจทก์ทั้งสี่และจำเลยทั้งสี่เป็นเจ้าของร่วมกัน ประเด็นพิพาทมีเพียงว่าโจทก์ทั้งสี่มีสิทธิในที่ดินพิพาทมากน้อยเพียงใด การที่จำเลยที่ 4 ต่อสู้ว่าฟ้องขาดอายุความมรดกเท่ากับต่อสู้ว่าโจทก์ทั้งสี่ไม่มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งเลยและฟ้องแย้งว่าตนได้กรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนที่ตนครอบครองโดยการครอบครองปรปักษ์ นอกจากโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งสี่แล้วยังโต้แย้งสิทธิของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ด้วย ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 4 จึงไม่เกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8576/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลฟ้องแย้งกรรมสิทธิ์: ศาลชอบที่จะไม่รับฟ้องแย้งหากไม่ชำระค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่พิพาท จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยครอบครองที่ดินพิพาทโดยปรปักษ์จนได้กรรมสิทธิ์และฟ้องแย้งขอให้โจทก์รังวัดแบ่งแยกที่ดินใส่ชื่อจำเลยเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาท ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยประเมินราคาทุนทรัพย์ตามที่ฟ้องแย้งและเสียค่าขึ้นศาลภายใน 7 วัน ดังนี้เมื่อจำเลยฟ้องแย้งขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยจำเลยจึงต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ฟ้องแย้ง จะอ้างว่าฟ้องแย้งของจำเลยเป็นการขอให้ศาลพิพากษารับรองและคุ้มครองสิทธิของตนที่มีและได้มาแล้วโดยผลของกฎหมายมิได้ เมื่อจำเลยไม่ชำระค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ฟ้องแย้งภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ศาลชอบที่จะไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4897/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย้งเพิกถอนสัญญาเมื่อมีข้อต่อสู้เรื่องโมฆะอยู่แล้ว ศาลไม่รับฟ้องแย้งซ้ำ
จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า สัญญากู้ยืมเงินระหว่างโจทก์และจำเลยที่โจทก์นำมาฟ้องตกเป็นโมฆะเพราะเป็นการแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรม หากศาลพิจารณาได้ความจริงดังที่จำเลยกล่าวอ้าง ศาลก็มีอำนาจชี้ขาดให้ยกฟ้องโจทก์ซึ่งมีผลทำให้จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ได้อยู่แล้ว จำเลยจึงไม่จำต้องฟ้องแย้งขอให้เพิกถอนและทำลายสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวให้สิ้นผลบังคับต่อกันอันจะเป็นเหตุให้ศาลต้องวินิจฉัยชี้ขาดปัญหานั้นซ้ำอีก จึงชอบที่ศาลจะมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2160/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่วางค่าธรรมเนียมพร้อมอุทธรณ์ ทำให้ศาลสั่งไม่รับอุทธรณ์ได้ แม้จะยื่นคำร้องขอขยายเวลาภายหลัง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 บัญญัติบังคับไว้ให้ผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ การที่จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยไม่ได้นำเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลให้ครบถ้วนพร้อมกับอุทธรณ์ย่อมเป็นการไม่ชอบ จำเลยยื่นอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขอขยายกำหนดระยะเวลาที่จะนำเงินค่าธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 229 มาวางศาล แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องเพราะไม่มีพฤติการณ์พิเศษที่ศาลจะอนุญาต ดังนี้แม้ต่อมาหลังจากครบกำหนดอายุอุทธรณ์ จำเลยจะได้นำเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้อง ใช้แทนโจทก์มาวางศาลก็ตาม แต่ก็เป็นเวลาภายหลังที่ศาลสั่งไม่รับอุทธรณ์แล้ว กรณีเช่นว่านี้ศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ของจำเลยได้ทันที เพราะไม่ใช่เรื่องการมิได้ชำระหรือวาง ค่าธรรมเนียมศาลโดยถูกต้องครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ซึ่งศาลจะต้อง สั่งให้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลให้ถูกต้องครบถ้วนเสียก่อน ที่จะสั่งรับหรือไม่รับคำคู่ความ