พบผลลัพธ์ทั้งหมด 26 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3477/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องสงบ เปิดเผย และรู้ว่าเป็นทรัพย์ของผู้อื่น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นใหม่
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า โจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 117 ตำบลม่วงสามสิบอำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานีเนื้อที่ 2 งาน 84 ตารางวา โดย อ. ยกให้เมื่อ พ.ศ. 2512 ต่อมาเมื่อประมาณ พ.ศ. 2529 โจทก์ได้รังวัดสอบเขตจึงทราบว่าสิ่งปลูกสร้างอาทิเช่น ฉางข้าวที่ปลูกอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 2372ตำบลม่วงสามสิบอำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ได้ปลูกรุกล้ำแนวเขตที่ดินของโจทก์ ทำให้โจทก์ใช้ประโยชน์ในที่ดินส่วนนั้นไม่ได้ โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ศาลบังคับจำเลยรื้อถอนขนย้ายสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำแนวเขตที่ดินโฉนดเลขที่ 117 ของโจทก์ ห้ามเกี่ยวข้องกับที่ดินส่วนดังกล่าวและให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นรายเดือนในอัตราเดือนละ1,000 บาท ฟ้องโจทก์ดังกล่าวได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้วฟ้องโจทก์เกี่ยวกับค่าเสียหายจึงไม่เคลือบคลุม ในชั้นอุทธรณ์โจทก์อุทธรณ์ว่า การจะได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 นั้นผู้ครอบครอง (จำเลย)จะต้องรู้ว่าทรัพย์สินที่ได้ครอบครองนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้อื่น (โจทก์) ครั้นเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า ทรัพย์สินที่ครอบครองนั้นต้องเป็นทรัพย์สินของผู้อื่น แต่หาจำต้องเป็นการครอบครองโดยรู้ว่าเป็นที่ดินของบุคคลอื่นไม่ โจทก์กลับฎีกาว่า การที่จะได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของผู้อื่นนั้น จะต้องครอบครองทรัพย์สินนั้นโดยสงบ เปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของแต่ตามพฤติการณ์การครอบครองของจำเลยมิได้เป็นเช่นนั้น คือทั้งโจทก์และจำเลยต่างฝ่ายต่างหวงห้ามต่อกันโดยอ้างว่าตนเป็นเจ้าของ ดังนั้น จะถือว่าจำเลยครอบครองโดยสงบมิได้ และการที่จำเลยปลูกฉางข้าวลงในที่ดินของโจทก์โดยมิได้รับอนุญาตจะถือว่าจำเลยปลูกโรงเรือนโดยสุจริตมิได้ ทั้งการครอบครองของจำเลยยังไม่ถึง 10 ปีจำเลยจึงยังไม่ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์นั้น เป็นการยกเหตุอื่นขึ้นมาเป็นข้ออ้างในชั้นฎีกา ฎีกาของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ภาค 1ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2902/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: การครอบครองต้องสงบ เปิดเผย และต่อเนื่อง หากมีบุคคลอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องสิทธิอาจถูกกระทบ
คำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินกล่าวว่า ผู้ร้องทั้งสองได้ครอบครองที่ดินโฉนดเลขที่ 2645 ย่อมมีความหมายว่า ผู้ร้องทั้งสองได้ร่วมกันครอบครองที่ดินทั้งโฉนด ไม่จำต้องระบุเนื้อที่ดินความกว้างยาว อาณาเขต หรือแนบสำเนาโฉนดมา และที่กล่าวว่าได้ครอบครองเป็นเวลาเกินกว่าสิบปีแล้ว ก็มีความหมายว่าได้ครอบครองติดต่อกันมาจนถึงวันยื่นคำร้องขอเกินกว่าสิบปี เป็นการเริ่มครอบครองเมื่อก่อนสิบปี เป็นคำร้องขอที่ชัดแจ้งตาม ป.วิ.พ.มาตรา 172 แล้วไม่เคลือบคลุม ตามคำร้องขอกล่าวว่าผู้ร้องทั้งสองได้ครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งรับรองกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องทั้งสองอันเป็นการจะต้องใช้สิทธิทางศาล ผู้ร้องทั้งสองหาได้กล่าวว่ามีบุคคลใดโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ร้องทั้งสองอันจะต้องทำเป็นคำฟ้องบุคคลผู้โต้แย้งสิทธิไม่ผู้ร้องทำเป็นคำร้องขอชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 188 แล้ว ที่ดินพิพาทมีการจดทะเบียนเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินตลอดมาเกือบทุกปีนับแต่ที่ฝ่ายผู้ร้องอ้างว่าได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทการอ้างว่าได้เข้าครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของจึงถูกกระทบสิทธิมาตลอด ไม่ถือว่าเป็นการครอบครองโดยความสงบด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลาสิบปีตามที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 1382 การครอบครองที่ดินพิพาทหลังจากผู้คัดค้านจดทะเบียนรับโอนมาจนถึงวันยื่นคำร้องขอก็ยังไม่ครบสิบปี แม้จะฟังว่าฝ่ายผู้ร้องได้ครอบครองทำกินในที่ดินพิพาทมาโดยตลอด ผู้ร้องทั้งสองก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1052/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอมโดยอายุความ: การใช้ทางต่อเนื่องเกิน 10 ปี โดยสงบ เปิดเผย ทำให้เกิดภาระจำยอมได้ แม้เจ้าของเดิมจะโต้แย้ง
จำเลยมีชื่อ ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทซึ่งตกอยู่ ในภารจำยอมของที่ดินโจทก์ เมื่อจำเลยสร้างรั้วคอนกรีตปิดกั้นที่ดินพิพาททำให้โจทก์ไม่สามารถใช้ที่ดินพิพาทเป็นทางเข้าออกสู่ทางสาธารณะได้ย่อมเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะฟ้องจำเลยได้ หาเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่ โจทก์ใช้ที่ดินพิพาทเป็นทางสัญจรผ่านเข้าออกระหว่างทางสาธารณะกับที่ดินของโจทก์เป็นเวลากว่า 10 ปี แม้จะมีการกั้นรั้วไม้ในที่ดินพิพาทแต่ก็ถูกรื้อออกภายในเดือนเดียวกัน และโจทก์ใช้ทางพิพาทต่อมา จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ใช้ที่ดินพิพาทโดยความไม่สงบหรือมิได้ใช้ติดต่อกันเกิน 10 ปี สิทธิการใช้ที่ดินอันตก เป็นภารจำยอมนั้นกฎหมายบัญญัติเพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์ หาได้มุ่งเพื่อประโยชน์ของบุคคลหนึ่งบุคคลใดโดยเฉพาะไม่ทั้งตก ติดไปยังผู้รับโอนอสังหาริมทรัพย์อันเป็นสามยทรัพย์นั้นด้วย เมื่อโจทก์เป็นผู้ใช้ทางพิพาทในขณะโจทก์ฟ้องแม้ต่อมาภายหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วโจทก์ได้โอนขายที่ดินของโจทก์แก่บุคคลอื่น ก็หาทำให้อำนาจฟ้องของโจทก์ระงับไปไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2197/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน: การครอบครองที่ไม่สุจริตและไม่สงบระหว่างคดีความ
เมื่อโจทก์เข้าทำนาในที่พิพาทก็ถูก จำเลยฟ้องเป็นคดีอาญาข้อหาบุกรุกที่พิพาท ดังนี้ การที่โจทก์ครอบครองที่พิพาทในระหว่างเป็นคดีความไม่ถือ ว่าครอบครองโดย สุจริตและโดย สงบตามป.พ.พ. มาตรา 1370.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ แม้มีการโต้เถียงสิทธิ แต่ยังไม่ถึงขั้นถูกขับไล่หรือฟ้องร้อง
เมื่อได้ครอบครองที่พิพาทมามากกว่า 10 ปี โดยได้เข้าอยู่ในที่นั้น ปลูกเรือนอยู่ปลูกต้นมะพร้าวเป็นเขต ย่อมแสดงว่าได้ครอบครองโดยสงบ โดยเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามมาตรา 1382
คำว่า "โดยสงบ" ในมาตรา 1382 นั้น หมายความว่า ครอบครองอยู่ได้ดดยไม่ได้ถูกกำจัดให้ออกไป หรือไม่ได้ฟ้องร้องเพียงแต่โต้เถียงกันยังไม่หมายความถึงไม่สงบ
คำว่า "โดยสงบ" ในมาตรา 1382 นั้น หมายความว่า ครอบครองอยู่ได้ดดยไม่ได้ถูกกำจัดให้ออกไป หรือไม่ได้ฟ้องร้องเพียงแต่โต้เถียงกันยังไม่หมายความถึงไม่สงบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 106-108/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้สิทธิครอบครองที่ดินจากการครอบครองโดยสงบและเปิดเผย แม้ไม่มีเอกสารสิทธิ์
ยกที่นาที่สวนให้แก่กัน แม้จะไม่ได้จดทะเบียนต่อเจ้าพนักงาน,แต่ผู้รับได้เข้าครอบครองเป็นเจ้าของติดต่อกันตลอดมาเป็นเวลา 6 ปีเศษแล้ว ผู้รับย่อมได้สิทธิครอบครองเจ้าของเดิมหรือทายาทของเจ้าของเดิมไม่มีสิทธิจะฟ้องเรียกคืนได้ เมื่อที่นาที่สวนนั้นเป็นที่ยังไม่มีหนังสือสำคัญ และไม่ปรากฎว่าได้มาแต่เมื่อไร./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1158/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องสงบและเปิดเผย หากมีคดีแย่งกรรมสิทธิอยู่ก่อน จะนับระยะเวลาครอบครองเพื่อปรปักษ์ไม่ได้
โจทก์จำเลยเป็นความกันในศาลแย่งกรรมสิทธิที่ดินกันมาครั้งหนึ่งแล้วในระหว่างพิจารณาคดีก่อนนั้นต่างก็แย่งกันเข้าทำนารายพิพาทถึงกับจะเกิดวิวาทกัน จนทั้ง 2 ฝ่ายต่างขอความคุ้มครอง ขอให้ศาลเรียกมาประมูลทำนารายนี้ แต่ศาลไม่อนุญาตในที่สุดโจทก์ได้เข้าทำนาพิพาทบางส่วน ดังนี้ เป็นพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นได้ว่าในระหว่างคดีก่อนนั้น โจทก์ได้พยายามเข้าครอบครองเพื่อเอาที่พิพาทคืนอยู่เสมอมา หากแต่จำเลยไม่ยอมคืนให้ฉะนั้น จะฟังว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทไว้ โดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาโดยนับเวลา ในระหว่างที่เป็นความกันในคดีก่อนดังกล่าวแล้ว เข้าด้วยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 522/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องมีการครอบครองโดยสงบและเปิดเผย การปลูกต้นไม้เพียงอย่างเดียวไม่ถือเป็นการครอบครอง
ไปอยู่ในที่ดินซึ่งเขาปกครองอยู่โดยเขาชวนให้เข้าไปอยู่และได้ปลูกต้นไม้ลงในที่ดินแต่ไม่ปรากฎว่าได้ปลูกในตอนไหนหรือครอบครองที่ดินตอนไหนเป็นส่วนสัด ผู้เข้าไปอยู่ไม่ได้สิทธิครอบครองเข้าแย่งการครอบครองที่ดินที่ผู้อื่นครอบครองอยู่ก่อนต่างฝ่ายต่างหวงห้ามและถือว่าตนเป็นเจ้าของนั้น แม้เป็นเวลาช้านานเท่าใด ผู้เข้าแย่งก็ไม่ได้สิทธิครอบครอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176-1177/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิจากการครอบครอง: การครอบครองโคโดยสงบและเปิดเผยเป็นเวลา 5 ปี ย่อมได้กรรมสิทธิ แม้เจ้าของเดิมมีเพียงสิทธิครอบครอง
ครอบครองโคของผู้อื่นมาโดยสงบและเปิดเผยเป็นเวลา 5 ปี ย่อมได้กรรมสิทธิ โจทก์ห้องว่าจำเลยลักโคซึ่งเป็นกรรมสิทธิของเจ้าทุกข์ แม้ทางพิจารณาได้ความว่าเจ้าทุกข์มีเพียงสิทธิครอบครองเท่านั้นก็ตาม จะยกฟ้องตาม ม. 192 วรรค 2 มิได้อุทธรณ์ฎีกาในคดีอาญาที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ลงโทษจำคุกจำเลย 3 ปี ตาม ม. 294 จำเลยฎีกาได้ฉะเพาะแต่ข้อกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5886/2552 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้ภาระจำยอมจากการใช้ทางต่อเนื่องโดยสงบและเปิดเผย แม้เริ่มจากการเข้าใจผิดเรื่องแนวเขต
โจทก์ใช้ทางพิพาทเป็นทางเข้าออกจากที่ดินของโจทก์สู่ทางสาธารณะตั้งแต่ปี 2532 ถึงปี 2544 โดยโจทก์มิได้ขออนุญาตจำเลยทั้งสองและจำเลยทั้งสองไม่คัดค้านการใช้ทางของโจทก์ แม้ว่าการใช้ทางพิพาทของโจทก์ตั้งแต่ปี 2532 ถึงปี 2537 โจทก์จะใช้โดยเข้าใจผิดว่าทางพิพาทอยู่ในที่ดินของโจทก์เอง ก็ถือได้ว่าโจทก์มีเจตนาถือเอาทางพิพาทเป็นทางเข้าออกจากที่ดินของโจทก์สู่ทางสาธารณะตั้งแต่ปี 2532 เป็นต้นมาแล้ว มิใช่โจทก์เพิ่งใช้เป็นทางผ่านเข้าออกจากที่ดินของโจทก์ในปี 2537 เมื่อโจทก์ใช้ทางพิพาทต่อมาจนครบสิบปีก็ถือว่าโจทก์ได้ภาระจำยอมแล้ว