คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สละเจตนา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 36 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3402/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละเจตนาครอบครองและอายุความครอบครองทรัพย์สินของเจ้าของรวม
โจทก์ซึ่งเป็นทายาทพ.และห.ซึ่งเป็นเจ้าของรวมในที่ดินแปลงที่ปลูกตึกแถวพิพาทได้แบ่งทรัพย์สินกันเองในระหว่างเจ้าของรวมโดยโจทก์ได้ที่ดิน53ตารางวาส่วนที่เหลือซึ่งเป็นของห.โจทก์และห.ยอมให้จำเลยที่2ถึงที่9ซึ่งเป็นหลานของห.เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์สำหรับตึกพิพาทนอกจากจะปลูกอยู่บนที่ดินส่วนของจำเลยที่2ถึงที่9แล้วโจทก์ให้จำเลยที่10ดำเนินการโอนตึกแถวพิพาทให้จำเลยที่2ถึงที่9โดยโจทก์พิมพ์ลายนิ้วมือไว้ในเอกสารหมายล.1โดยสมัครใจความว่าโจทก์ไม่ขอเกี่ยวข้องในสิทธิและตึกแถวพิพาทแต่อย่างใดจึงเป็นการสละเจตนาครอบครองตึกแถวพิพาทตั้งแต่วันทำเอกสารหมายล.1จำเลยที่2ถึงที่9โดยจำเลยที่1ในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมได้ครอบครองตึกแถวพิพาทติดต่อกันมาโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของด้วยการทำสัญญาเช่าและเก็บค่าเช่านับแต่วันทำเอกสารหมายล.1ถึงวันฟ้องเป็นเวลากว่าสิบปีจำเลยที่2ถึงที่9จึงได้กรรมสิทธิ์โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนระหว่างห.กับจำเลยที่2ถึงที่9.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1695/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละเจตนาครอบครองและการครอบครองปรปักษ์: การรับรองแนวเขตที่ดินถือเป็นการสละสิทธิ
เมื่อโจทก์นำช่างแผนที่ไปทำการรังวัดแบ่งแยกที่ดินจำเลยมิได้โต้แย้งสิทธิในที่พิพาทว่าเป็นของจำเลยโดยได้ครอบครองมา ทั้งได้ลงชื่อรับรองแนวเขตที่ดินของโจทก์ว่าถูกต้อง ดังนี้ แม้จะฟังว่าจำเลยได้เคยครอบครองที่พิพาทมาก่อน ก็ถือได้ว่าจำเลยสละเจตนาครอบครองที่พิพาทแล้ว การครอบครองที่มีมาก่อนย่อมสิ้นสุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377 การครอบครองของจำเลยซึ่งเริ่มนับใหม่หลังจากวันที่จำเลยรับรองแนวเขตที่ดินของโจทก์ถึงวันฟ้องยังไม่ครบ 10 ปี จำเลยไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 359/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละเจตนาครอบครองที่ดินหลังได้รับตราจอง ทำให้ขาดอำนาจฟ้องเพิกถอนการซื้อขาย
เมื่อ พ.ศ. 2497 โจทก์ซึ่งเป็นภรรยาน้อยของ จ. ได้แจ้งชื่อโจทก์ จ.และบุตรโจทก์ 2 คนที่เกิดกับสามีคนเดิมเป็นผู้ครอบครองที่ดินมือเปล่าเพื่อขออกตราจองหลังจากนั้นไม่นานโจทก์ทะเลาะกับภรรยาาหลวงแล้วอพยพไปอยู่ต่างจังหวัดไปได้สามีใหม่ทางราชการออกตราจองให้ในปี พ.ศ. 2499 โจทก์ไม่ได้มารับ และไม่เคยกลับมาที่พิพาทอีกเลย เห็นได้ว่าโจทก์ได้สละเจตนาครอบครองไปก่อนออกตราจองแล้ว โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาท ไม่มีอำนาจฟ้องให้เพิกถอนการจดทะเบียนการซื้อขายที่พิพาทอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 359/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละเจตนาครอบครองที่ดิน และอำนาจฟ้องเพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขาย
เมื่อ พ.ศ.2497 โจทก์ซึ่งเป็นภรรยาน้อยของ จ. ได้แจ้งชื่อโจทก์ จ. และบุตรโจทก์ 2 คน ที่เกิดกับสามีคนเดิมเป็นผู้ครอบครองที่ดินมือเปล่าเพื่อขอออกตราจองหลังจากนั้นไม่นานโจทก์ทะเลาะกับภรรยาหลวงแล้วอพยพไปอยู่ต่างจังหวัดไปได้สามีใหม่ ทางราชการออกตราจองให้ในปี พ.ศ.2499 โจทก์ไม่ได้มารับและไม่เคยกลับมาที่พิพาทอีกเลยเห็นได้ว่าโจทก์ได้สละเจตนาครอบครองไปก่อนออกตราจองแล้วโจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาท ไม่มีอำนาจฟ้องให้เพิกถอนการจดทะเบียนการซื้อขายที่พิพาทอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิครอบครองที่ดินมือเปล่า แม้ไม่มีหนังสือก็มีผลได้ หากมีการส่งมอบและสละเจตนาครอบครอง
แม้การซื้อขายไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จะเป็นโมฆะก็ดี แต่ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า ผู้ขายมีแต่เพียงสิทธิครอบครองเท่านั้น เมื่อผู้ขายได้ส่งมอบที่พิพาทให้ผู้ซื้อตามสัญญาซื้อขายก็ฟังได้ว่าผู้ขายได้สละเจตนาครอบครองไม่ยึดถือที่พิพาทต่อไป การครอบครองของผู้ขายสิ้นสุดลงแล้ว ผู้ซื้อได้รับโอนการครอบครอง ย่อมได้ไปซึ่งสิทธิการครอบครองที่พิพาทนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377, 1378 แล้ว ผู้ขายจะมาฟ้องเรียกที่พิพาทคืนไม่ได้
โจทก์ฟ้องว่าขายฝาก จำเลยสู้ว่าขายขาด ถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ว่าขายขาด ข้อกฎหมายก็ฟังได้ดังกล่าวข้างต้นจึงควรฟังคำพยานให้ข้อเท็จจริงได้ความก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1343/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาเช่าเพื่อค้า สละเจตนาอยู่อาศัย ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เดิมจำเลยและผู้เช่ารวยอื่น ๆ อีกประมาณ 112 รายได้เช่าที่โจทก์ เพื่อปลูกเรือนอาศัยอยู่ครบสัญญาจำเลยจึงมาทำสัญญาเช่าเหมาไปจากโจทก์เพื่อนำไปให้ผู้อื่นเช่าช่วงและทำการค้า ผู้เช่ารายอื่น ๆ ต้องมาเช่าจากจำเลยไปอีกทอดหนึ่ง เช่นนี้แล้วแม้จำเลยจะได้ปลูกเรือนอาศัยอยู่ในที่พิพาทมาก่อนแล้วก็ตาม ก็เห็นว่าจำเลยได้สละเจตนาเดิมที่เคยเช่าอยู่อาศัยมาเป็นเช่าอยู่เพื่อประโยชน์ให้เช่าช่วงและทำการค้าแล้ว จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1343/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าที่ดินเพื่อค้าและให้เช่าช่วง การสละเจตนาเดิมทำให้ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เดิมจำเลยและผู้เช่ารายอื่นๆ อีกประมาณ 112 รายได้เช่าที่โจทก์เพื่อปลูกเรือนอาศัยอยู่ ครบสัญญาจำเลยจึงมาทำสัญญาเช่าเหมาไปจากโจทก์เพื่อนำไปให้ผู้อื่นเช่าช่วงและทำการค้า ผู้เช่ารายอื่นๆ ต้องมาเช่าจากจำเลยไปอีกทอดหนึ่งเช่นนี้แล้ว แม้จำเลยจะได้ปลูกโรงเรือนอาศัยอยู่ในที่พิพาทมาก่อนแล้วก็ตาม ก็เห็นว่าจำเลยได้สละเจตนาเดิมที่เคยเช่าอยู่อาศัยมาเป็นเช่าอยู่เพื่อประโยชน์ให้เช่าช่วงและทำการค้าแล้ว จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1343/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาเช่าเพื่อการค้า vs. อยู่อาศัย: จำเลยสละเจตนาเดิม ทำให้ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เดิมจำเลยและผู้เช่ารายอื่นๆ อีกประมาณ 112 รายได้เช่าที่โจทก์เพื่อปลูกเรือนอาศัยอยู่ ครบสัญญาจำเลยจึงมาทำสัญญาเช่าเหมาไปจากโจทก์เพื่อนำไปให้ผู้อื่นเช่าช่วงและทำการค้า ผู้เช่ารายอื่นๆ ต้องมาเช่าจากจำเลยไปอีกทอดหนึ่งเช่นนี้แล้ว แม้จำเลยจะได้ปลูกโรงเรือนอาศัยอยู่ในที่พิพาทมาก่อนแล้วก็ตาม ก็เห็นว่าจำเลยได้สละเจตนาเดิมที่เคยเช่าอยู่อาศัยมาเป็นเช่าอยู่เพื่อประโยชน์ให้เช่าช่วงและทำการค้าแล้ว จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1200/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละเจตนาครอบครองที่ดิน: เมื่ออุทิศที่ดินให้ทางราชการแล้ว สิทธิครอบครองย่อมสิ้นสุดลง
เจ้าของที่ดินมือเปล่าได้อุทิศที่ดินให้แก่กระทรวงศึกษาธิการเพื่อใช้เป็นที่ตั้งมหาวิทยาลัยและโรงเรียนแล้ว เช่นนี้ย่อมถือได้ว่าเจ้าของที่ดินนั้นได้สละเจตนาครอบครองแล้วการครอบครองย่อมสิ้นสุดลงหมดสิทธิในที่ดินนั้นต่อไป ไม่มีทางจะเอาคืนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1158/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิโดยการครอบครองปรปักษ์ และการสละเจตนาเป็นเจ้าของที่ดิน
โจทก์ประสงค์จะขายฝากที่ดินของตนบางส่วน แต่เพิ่อความสดวกในทางทะเบียนผู้รับขายฝากกับโจทก์จึงตกลงกันว่าให้โจทก์ทำขายฝากกับผู้รับฝากทั้งหมด ส่วนที่โจทก์ไม่ได้ขายฝากไว้นั้น ผู้รับขายฝากได้ทำเป็นหนังสือยกให้แก่โจทก์และให้โจทก์ครอบครองในส่วนนั้นตลอดมา ดังนี้หนังสือยกให้ที่ผู้รับขายฝากทำให้แก่โจทก์นั้นโจทก์ย่อมอ้างเป็นพยานหักล้างหลักฐานการขายฝากในส่วนที่โจทก์ไม่ตั้งใจขายฝากไว้ได้ เพราะเป็นการสืบถึงนิติกรรมที่อำพรางไว้ ไม่ใช่สืบแก้ไขเอกสารสัญญาขายฝากนอกจากนี้ยังฟังเป็นเอกสารอันหนึ่งได้ว่าผู้รับขายฝากได้สละเจตนาเป็นเจ้าของในที่ดินส่วนนั้น และเมื่อโจทก์ครอบครองมาเป็นเวลาเกิน 20 ปีแล้วย่อมได้กรรมสิทธิตาม ป.พ.พ.ม. 1382 อยู่ดี
ปัญหาข้อใดแม้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จะได้กล่าวไว้ แต่คู่ความมิได้ฎีกาขึ้นมา ปัญหาข้อนั้นก็เป็นอันยุติเพราะไม่มีอะไรที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยถึง
of 4