พบผลลัพธ์ทั้งหมด 30 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2816/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างว่าความโดยแบ่งส่วนจากทรัพย์สิน: โมฆะตามกฎหมายทนายความ
สัญญาจ้างว่าความระหว่างโจทก์ ซึ่งเป็นทนายความกับจำเลยซึ่งเป็นลูกความ ตกลงกันว่า ถ้าลูกความชนะคดีได้ที่ดินที่เป็นมูลพิพาทมาเท่าใด ทนายความขอส่วนได้จากที่ดินที่จะได้มา ไม่ว่าราคาจะขึ้นลงสักเท่าใด อันเป็นการไม่แน่นอน อันถือได้ว่าโจทก์ซึ่งเป็นทนายความรับว่าความโดยวิธีแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาทอันจะพึงได้แก่ลูกความมีวัตถุประสงค์ขัดต่อพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2508 มาตรา 41 ประกอบพระราชบัญญัติทนายความพ.ศ. 2477 มาตรา 12(2) เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 113 เดิม (มาตรา 150 ที่แก้ไขใหม่) แม้ต่อมาจะได้มีพระราชบัญญัติ ทนายความ พ.ศ. 2528 ให้ยกเลิก พระราชบัญญัติทนายความพ.ศ. 2508 ไปแล้ว แต่สัญญาจ้างว่าความที่โจทก์นำมาฟ้องนั้นทำขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2524 ก่อนกฎหมายดังกล่าวยกเลิก จึงไม่ทำให้สัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยซึ่งตกเป็นโมฆะมาตั้งแต่วันทำสัญญาแล้วกลับสมบูรณ์ขึ้นได้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1013/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์คดีล้มละลายเมื่อทุนทรัพย์น้อยกว่าสองหมื่นบาท และการฎีกาประเด็นสัญญาจ้างว่าความ
คดีชั้นเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ ครั้งแรกยื่นคำขอรับชำระหนี้ 1,940,000 บาท ต่อมาได้ถอนไปเสีย 1,930,000 บาทคงเหลือ 10,000 บาทอันเป็นทุนทรัพย์ในคดี เมื่อไม่เกินสองหมื่นบาทจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224ก่อนแก้ไข อันเป็นกฎหมายในขณะที่เจ้าหนี้ยื่นอุทธรณ์ประกอบด้วยพระราชบัญญัติ ล้มละลาย มาตรา 153 ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัยหากวินิจฉัยให้ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ จึงไม่มีสิทธิยกข้อดังกล่าวขึ้นฎีกาได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 ที่แก้ไขแล้วประกอบพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 153 ส่วนฎีกาที่ว่าสัญญาว่าความต้องทำเป็นหนังสือหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้เจ้าหนี้มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะฎีกาได้นั้น เจ้าหนี้มิได้กล่าวโดยแจ้งชัดในฎีกาว่า เป็นการโต้แย้งข้อกฎหมายข้อใดอย่างไรจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ที่แก้ไขแล้ว ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 153
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1458/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างว่าความ: การกำหนดค่าจ้างและการหักค่าใช้จ่าย ไม่ขัดต่อ พ.ร.บ.ทนายความ
สัญญาจ้างว่าความ ซึ่งมีใจความว่า จำเลยจ้างโจทก์ให้ว่าความสองสำนวนค่าจ้าง 750,000 บาท ชำระเมื่อศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชนะ ถ้าจำเลยแพ้ จำเลยไม่ต้องชำระค่าจ้างนี้ ถ้าจำเลยจะต้องเสียค่าไถ่ถอนที่ดินและค่าใช้จ่ายต่างๆ เกี่ยวกับคดีเท่าใด จำเลยลดเงินนี้หนึ่งในสามจากค่าจ้างได้ สัญญานี้ไม่ใช่สัญญาเข้าเป็นทนายว่าต่างแก้ต่างโดยวิธีสัญญาแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาท อันจะพึงได้แก่ลูกความ จึงไม่ขัดกับพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2477มาตรา 12 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1458/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างว่าความ: ค่าจ้างที่แน่นอนและการหักค่าใช้จ่ายไม่ขัดต่อกฎหมายทนายความ
สัญญาจ้างว่าความ ซึ่งมีใจความว่า จำเลยจ้างโจทก์ให้ว่าความสองสำนวนค่าจ้าง 750,000 บาท ชำระเมื่อศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชนะ ถ้าจำเลยแพ้ จำเลยไม่ต้องชำระค่าจ้างนี้ ถ้าจำเลยจะต้องเสียค่าไถ่ถอนที่ดินและค่าใช้จ่ายต่างๆ เกี่ยวกับคดีเท่าใด จำเลยลดเงินนี้หนึ่งในสามจากค่าจ้างได้ สัญญานี้ไม่ใช่สัญญาเข้าเป็นทนายว่าต่างแก้ต่างโดยวิธีสัญญาแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาท อันจะพึงได้แก่ลูกความ จึงไม่ขัดกับพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2477มาตรา 12(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1458/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างว่าความ: การกำหนดค่าจ้างและหักค่าใช้จ่าย ไม่ขัดต่อ พ.ร.บ.ทนายความ
สัญญาจ้างว่าความ ซึ่งมีใจความว่า จำเลยจ้างโจทก์ให้ว่าความสองสำนวนค่าจ้าง 750,000 บาท ชำระเมื่อศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชนะ. ถ้าจำเลยแพ้ จำเลยไม่ต้องชำระค่าจ้างนี้. ถ้าจำเลยจะต้องเสียค่าไถ่ถอนที่ดินและค่าใช้จ่ายต่างๆ เกี่ยวกับคดีเท่าใด จำเลยลดเงินนี้หนึ่งในสามจากค่าจ้างได้. สัญญานี้ไม่ใช่สัญญาเข้าเป็นทนายว่าต่างแก้ต่างโดยวิธีสัญญาแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาท อันจะพึงได้แก่ลูกความ. จึงไม่ขัดกับพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2477มาตรา 12(2).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างว่าความเป็นสัญญาจ้างเหมาผลงาน การบอกเลิกสัญญาและการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
สัญญาจ้างว่าความเป็นสัญญาจ้างทำของ
จำเลยจ้างโจทก์ว่าความ โจทก์ทำฟ้องและคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาไปยื่น ศาลนัดไต่สวนและยังไม่ได้รับประทับฟ้อง จำเลยบอกเลิกสัญญากับโจทก์แล้วยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง เป็นผลให้โจทก์ต้องหยุดดำเนินคดีให้จำเลย โจทก์ยังดำเนินคดีไม่เสร็จตามสัญญา จำเลยมีสิทธิบอกเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 605 แต่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การเลิกสัญญานั้นให้แก่โจทก์
ค่าสินไหมทดแทน แม้โจทก์จะนำสืบไม่ได้ชัดแจ้งว่าเป็นจำนวนเงินเท่าใด ศาลก็กำหนดให้ได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2509).
จำเลยจ้างโจทก์ว่าความ โจทก์ทำฟ้องและคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาไปยื่น ศาลนัดไต่สวนและยังไม่ได้รับประทับฟ้อง จำเลยบอกเลิกสัญญากับโจทก์แล้วยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง เป็นผลให้โจทก์ต้องหยุดดำเนินคดีให้จำเลย โจทก์ยังดำเนินคดีไม่เสร็จตามสัญญา จำเลยมีสิทธิบอกเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 605 แต่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การเลิกสัญญานั้นให้แก่โจทก์
ค่าสินไหมทดแทน แม้โจทก์จะนำสืบไม่ได้ชัดแจ้งว่าเป็นจำนวนเงินเท่าใด ศาลก็กำหนดให้ได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2509).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างว่าความและการบอกเลิกสัญญา: สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากการบอกเลิกสัญญาที่ไม่เป็นธรรม
สัญญาจ้างว่าความเป็นสัญญาจ้างทำของ
จำเลยจ้างโจทก์ว่าความ โจทก์ทำฟ้องและคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาไปยื่น ศาลนัดไต่สวนและยังไม่ได้รับประทับฟ้อง จำเลยบอกเลิกสัญญากับโจทก์แล้วยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง เป็นผลให้โจทก์ต้องหยุดดำเนินคดีให้จำเลย โจทก์ยังดำเนินคดีไม่เสร็จตามสัญญา จำเลยมีสิทธิบอกเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 605 แต่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การเลิกสัญญานั้นให้แก่โจทก์
ค่าสินไหมทดแทน แม้โจทก์จะนำสืบไม่ได้ชัดแจ้งว่าเป็นจำนวนเงินเท่าใด ศาลก็กำหนดให้ได้(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2509)
จำเลยจ้างโจทก์ว่าความ โจทก์ทำฟ้องและคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาไปยื่น ศาลนัดไต่สวนและยังไม่ได้รับประทับฟ้อง จำเลยบอกเลิกสัญญากับโจทก์แล้วยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง เป็นผลให้โจทก์ต้องหยุดดำเนินคดีให้จำเลย โจทก์ยังดำเนินคดีไม่เสร็จตามสัญญา จำเลยมีสิทธิบอกเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 605 แต่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การเลิกสัญญานั้นให้แก่โจทก์
ค่าสินไหมทดแทน แม้โจทก์จะนำสืบไม่ได้ชัดแจ้งว่าเป็นจำนวนเงินเท่าใด ศาลก็กำหนดให้ได้(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 434/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างว่าความไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือ ฟ้องร้องได้แม้ไม่มีเอกสาร
สัญญาจ้างว่าความ ไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือก็ใช้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 434/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างว่าความไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือ
สัญญาจ้างว่าความ ไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือก็ใช้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 68/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างว่าความไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือ มีผลผูกพันทางกฎหมายได้
สัญญาจ้างว่าความไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือ ก็ใช้ได้