พบผลลัพธ์ทั้งหมด 15 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลไทยฟ้องบริษัทต่างประเทศมีสาขาในไทย และสิทธิผู้รับตราส่งตามสัญญารับขน
โจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นบริษัทอยู่ต่างประเทศ แต่มีสำนักงานสาขาอยู่ในประเทศไทย ดังนี้ ถือว่าโจทก์ฟ้องบริษัทใหญ่เป็นจำเลย มิใช่ฟ้องบริษัทสาขาให้รับผิดและตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 ถือว่าบริษัทจำเลยมีภูมิลำเนาในประเทศไทยด้วย โจทก์จึงฟ้องบริษัทจำเลยในศาลไทยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2)
สัญญาขนส่งทำระหว่างบริษัทในต่างประเทศกับบริษัทจำเลยแต่โจทก์เป็นผู้รับตราส่ง เมื่อโจทก์ได้เรียกให้ส่งมอบของแล้ว ย่อมมีสิทธิฟ้องบริษัทจำเลยให้รับผิดเกี่ยวกับสัญญาขนส่งในฐานะที่จำเลยเป็นผู้รับขนส่งได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 627
สัญญาขนส่งทำระหว่างบริษัทในต่างประเทศกับบริษัทจำเลยแต่โจทก์เป็นผู้รับตราส่ง เมื่อโจทก์ได้เรียกให้ส่งมอบของแล้ว ย่อมมีสิทธิฟ้องบริษัทจำเลยให้รับผิดเกี่ยวกับสัญญาขนส่งในฐานะที่จำเลยเป็นผู้รับขนส่งได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 627
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2502/2553
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีรับขน กรณีสัญญารับขนมีอายุความเฉพาะ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการรับขนจัดส่งพัสดุภัณฑ์ระหว่างประเทศแก่บุคคลทั่วไปเพื่อบำเหน็จเป็นทางการค้าปกติ จำเลยได้ขนสินค้าผ่านทางจำเลยร่วมที่ 1 โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ และตามเงื่อนไขจำเลยมีหน้าที่และรับผิดชอบมอบสินค้ายังสถานที่ปลายทาง แต่ปรากฏว่าสินค้าได้สูญหายไปทั้งหมด ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายไม่ได้รับสินค้า ถือว่าโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นผู้รับขนส่งของเพื่อบำเหน็จเป็นทางค้าปกติของตนดังกล่าว และให้จำเลยรับผิดในการที่ของสูญหาย จึงเป็นการฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญารับขน ต้องนำอายุความลักษณะรับขนตามมาตรา 624 มาใช้บังคับ มิใช่นำอายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30 มาใช้บังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3209/2552 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องในสัญญารับขนทางทะเล: ตัวแทนไม่มีอำนาจฟ้องแทนคู่สัญญาที่แท้จริง
โจทก์ไม่มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 เป็นคู่สัญญากับโจทก์ในสัญญารับขนของทางทะเล โจทก์เป็นตัวแทนของสายการเดินเรือต่างประเทศหลายบริษัทรวมทั้งสายการเดินเรือของบริษัท ป. ผู้ขนส่ง โจทก์ทำหน้าที่รับจองตู้สินค้าและออกใบตราส่ง และตามใบตราส่งก็ปรากฏว่าโจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของตู้สินค้า และโจทก์ไม่มีสายการเดินเรือเป็นของตน ต่อมาโจทก์มอบสำเนาใบตราส่งให้แก่จำเลยที่ 1 ตามใบตราส่งก็ระบุไว้ชัดว่าโจทก์ออกใบตราส่งแทนบริษัท ป. ผู้ขนส่ง ต่อมาได้มีการชำระค่าระวางขนส่ง ค่าภาระหน้าท่า และค่าธรรมเนียมการออกใบขนส่งให้แก่โจทก์ โจทก์ได้มอบใบเสร็จรับเงินให้ ปรากฏว่าหลักฐานการรับเงินค่าระวางขนส่งและค่าภาระหน้าท่า โจทก์ได้ออกใบเสร็จรับเงินแทนบริษัท ป. ส่วนหลักฐานการรับเงินค่าธรรมเนียมการออกใบตราส่ง โจทก์ออกใบเสร็จรับเงินในนามของตนเอง บริษัท ป. จึงเป็นผู้รับชำระค่าระวางการขนส่งสินค้าครั้งนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัท ป. เป็นคู่สัญญากับผู้ส่งสินค้าในสัญญารับขนของทางทะเลครั้งนี้ มิใช่โจทก์ โจทก์เป็นเพียงตัวแทนของสายการเดินเรือของบริษัท ป. เมื่อบริษัท ป. ไม่ได้มอบอำนาจให้โจทก์ฟ้องคดีนี้ ทั้งกรณีนี้โจทก์ไม่อาจรับช่วงสิทธิได้ตามกฎหมาย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3209/2552
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องในสัญญารับขนทางทะเล: ตัวแทนสายการเดินเรือไม่มีอำนาจฟ้องแทนเจ้าของเรือ
บริษัท ป. ประกอบกิจการสายการเดินเรือรับส่งสินค้าโดยมีโจทก์เป็นตัวแทน โจทก์ออกใบตราส่ง ใบเสร็จรับเงินค่าระวางขนส่ง ค่าภาระหน้าท่า และค่าธรรมเนียมการออกใบตราส่งแทนบริษัท ป. ดังนั้นบริษัท ป. จึงเป็นคู่สัญญากับผู้ส่งสินค้าในสัญญารับขนของทางทะเลและเป็นผู้ขนส่งสินค้าที่แท้จริง เมื่อโจทก์เป็นเพียงตัวแทนของสายการเดินเรือของบริษัทดังกล่าว โดยบริษัทดังกล่าวไม่ได้มอบอำนาจให้โจทก์ฟ้องคดี ทั้งไม่ใช่กรณีที่โจทก์อาจรับช่วงสิทธิได้ตามกฎหมาย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2552 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ขนส่งต่อความเสียหายที่ไม่ใช่ตัวเงินจากอุบัติเหตุทางสัญญารับขน
ป.พ.พ. ลักษณะ 8 หมวด 2 ว่าด้วยการรับขนคนโดยสารไม่ได้กำหนดไว้ว่าความเสียหายที่ผู้ขนส่งจะต้องรับผิดชอบต่อคนโดยสารมีเฉพาะความเสียหายที่เป็นตัวเงินเท่านั้น ผู้ขนส่งย่อมต้องรับผิดในความเสียหายที่มิใช่ตัวเงินด้วย โจทก์ซึ่งเป็นคนโดยสารจึงมีสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยซึ่งเป็นผู้ขนส่งรับผิดชำระค่าสินไหมทดแทนอันเนื่องมาจากโจทก์ไม่สามารถแหงนหน้าหรือเอี้ยวคอได้ตามปกติ