พบผลลัพธ์ทั้งหมด 26 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของคำขอท้ายฟ้องที่ให้ถือคำพิพากษาแทนเจตนาจำเลย และการบังคับคดีตามสัญญาให้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ประสงค์จะยกที่ดินให้ ฉ. และจำเลยที่ 1 คนละครึ่ง จำเลยร่วมกันหลอกลวงให้โจทก์ยกที่ดินให้จำเลยที่ 1 ทั้งแปลงก่อน โดยจำเลยที่ 1 ตกลงจะแบ่งให้ ฉ. ครึ่งหนึ่งภายหลัง และจะระบุข้อตกลงไว้ในหนังสือสัญญาให้ด้วย โจทก์จึงลงลายพิมพ์นิ้วมือในหนังสือสัญญาให้ ต่อมาโจทก์ทราบว่าจำเลยที่ 1 ไม่แบ่งที่ดินให้ ฉ. มิได้ระบุข้อตกลงไว้ในสัญญาให้ และได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 จำนองที่พิพาทไว้กับธนาคาร สัญญาให้จึงไม่สมบูรณ์ ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยไถ่ถอนจำนอง โดยจำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย และแบ่งที่พิพาทที่ไถ่ถอนแล้วให้ ฉ. ครึ่งหนึ่ง ถ้าจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ดังนี้ ในกรณีที่โจทก์ชนะคดีและจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาจะด้วยเหตุใดก็ตาม โจทก์ก็อาจไถ่ถอนที่ดินพิพาทอันมีผลผูกพันส่วนที่จะยกให้ ฉ. เสียเอง แล้วมาฟ้องเรียกร้องเอาค่าไถ่ถอนคืนจากจำเลยเป็นอีกคดีหนึ่งก็ได้ สำหรับผู้รับจำนองซึ่งเป็นบุคคลภายนอกก็อาจร้องสอดหรืออาจถูกเรียกให้เข้ามาในคดีนี้ได้อยู่แล้ว หรือคู่กรณีจะเลือกฟ้องร้องกันใหม่เป็นอีกคดีหนึ่งก็ได้
ความประสงค์ของโจทก์ตามคำขอก็คือต้องการให้จำเลยโอนที่พิพาทครึ่งหนึ่งให้ ฉ. โดยปลอดจำนองเท่านั้น ซึ่งถ้าปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ทำสัญญากับโจทก์รับที่ดินพิพาทไว้โดยมีข้อตกลงดังกล่าว จำเลยก็ถูกผูกมัดโดยสัญญาที่จะต้องโอนที่ดินให้ ฉ. ตามที่โจทก์ขอมา ส่วนการที่ ฉ. จะรับการให้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่งในชั้นบังคับคดี หาทำให้คำขอของโจทก์บังคับไม่ได้แต่อย่างไรไม่
ความประสงค์ของโจทก์ตามคำขอก็คือต้องการให้จำเลยโอนที่พิพาทครึ่งหนึ่งให้ ฉ. โดยปลอดจำนองเท่านั้น ซึ่งถ้าปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ทำสัญญากับโจทก์รับที่ดินพิพาทไว้โดยมีข้อตกลงดังกล่าว จำเลยก็ถูกผูกมัดโดยสัญญาที่จะต้องโอนที่ดินให้ ฉ. ตามที่โจทก์ขอมา ส่วนการที่ ฉ. จะรับการให้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่งในชั้นบังคับคดี หาทำให้คำขอของโจทก์บังคับไม่ได้แต่อย่างไรไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1906/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของคณะกรรมการจัดการมรดกตามสัญญาให้กรรมสิทธิ์ที่มีเงื่อนไข
แม้กรรมสิทธิ์ในที่ดินตามสัญญาให้จะตกเป็นของวัด อ. แต่ก็อยู่ภายใต้บังคับแห่งเงื่อนไขที่ว่า เมื่อผู้ให้วายชนม์แล้วคณะกรรมการจัดการมรดกของผู้ให้เป็นผู้มีอำนาจจัดการเก็บผลรายได้จากที่ดินนั้น เพื่อแบ่งปันแก่วัด อ. และบุคคลอื่นตามส่วนที่กำหนดไว้ในสัญญา คณะกรรมการจัดการมรดกซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยผู้เช่าที่ดินนั้นได้ แม้คำฟ้องจะระบุว่า วัดอ. เป็นโจทก์ แต่ก็ได้บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนถึงอำนาจของผู้จัดการมรดก แสดงให้เห็นว่าโจทก์ฟ้องโดยอาศัยอำนาจของผู้จัดการมรดก หาใช่อาศัยอำนาจของวัด อ. ผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ไม่ วัด อ. ไม่มีสิทธิที่จะขัดขวางอำนาจจัดการของคณะกรรมการจัดการมรดก เพราะกรรมสิทธิ์ในที่ดินของวัด อ.อยู่ภายใต้เงื่อนไขแห่งสัญญาให้ดังกล่าวเมื่อฟังว่าที่ดินที่จำเลยอยู่ในอำนาจจัดการของคณะกรรมการจัดการมรดก คณะกรรมการจัดการมรดกจะมอบอำนาจฟ้องก่อนทำสัญญาเช่าหรือภายหลังการทำสัญญาเช่าก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1906/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของคณะกรรมการจัดการมรดก: สิทธิจัดการที่ดินตามสัญญาให้ที่มีเงื่อนไข
แม้กรรมสิทธิ์ในที่ดินตามสัญญาให้จะตกเป็นของวัด อ. แต่ก็อยู่ภายใต้บังคับแห่งเงื่อนไขที่ว่า เมื่อผู้ให้วายชนม์แล้วคณะกรรมการจัดการมรดกของผู้ให้เป็นผู้มีอำนาจจัดการเก็บผลรายได้จากที่ดินนั้นเพื่อแบ่งปันแก่วัด อ. และบุคคลอื่นตามส่วนที่กำหนดไว้ในสัญญาคณะกรรมการจัดการมรดกซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยผู้เช่าที่ดินนั้นได้แม้คำฟ้องจะระบุว่าวัด อ.เป็นโจทก์ แต่ก็ได้บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนถึงอำนาจของผู้จัดการมรดก แสดงให้เห็นว่าโจทก์ฟ้องโดยอาศัยอำนาจของผู้จัดการมรดก หาใช่อาศัยอำนาจของวัด อ. ผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ไม่ วัดอ. ไม่มีสิทธิที่จะขัดขวางอำนาจจัดการของคณะกรรมการจัดการมรดก เพราะกรรมสิทธิ์ในที่ดินของวัด อ.อยู่ภายใต้เงื่อนไขแห่งสัญญาให้ดังกล่าว เมื่อฟังว่าที่ดินที่จำเลยเช่าอยู่ในอำนาจจัดการของคณะกรรมการจัดการมรดกคณะกรรมการจัดการมรดกจะมอบอำนาจฟ้องก่อนทำสัญญาเช่าหรือภายหลังการทำสัญญาเช่าก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 692/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โมฆะภาพหนังสือมอบอำนาจและสัญญาให้ที่ดิน: สภาพจิตของผู้มอบอำนาจสำคัญกว่าการอ้างว่าเป็นมรดกของบิดา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นมรดกของมารดา ขอให้ศาลสั่งทำลายหนังสือมอบอำนาจและเพิกถอนนิติกรรมสัญญาให้ที่พิพาทซึ่งทำตามหนังสือมอบอำนาจ เพราะหนังสือมอบอำนาจเป็นโมฆะ เนื่องจากมารดาพิมพ์ลายนิ้วมือขณะที่มีสติฟั่นเฟือนไม่รู้สึกผิดชอบ ดังนี้ โจทก์จะฎีกาว่าที่พิพาทเป็นมรดกของบิดา มารดาไม่มีสิทธิ์ยกที่พิพาทส่วนที่เป็นมรดกของบิดานั้นหาได้ไม่ เพราะเป็นฎีกานอกประเด็นจากที่กล่าวในฟ้อง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1054/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาแบ่งกำไรจากการค้าไม่เข้าข่ายสัญญาให้โดยเสน่หา ไม่ต้องจดทะเบียน และฟ้องร้องได้
จำเลยทำสัญญายินยอมแบ่งกำไรเนื่องจากการค้าให้โจทก์ซึ่งเป็นมารดามาช่วยค้าขาย ตามที่ตกลงกันไว้ ดังนี้สัญญานั้นไม่ใช่เป็นการให้โดยเสน่หา ซึ่งต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โจทก์ย่อมฟ้องเรียกเงินตามข้อตกลงนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1314/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความต้องมีเจตนาระงับข้อพิพาท สัญญาให้ทรัพย์โดยไม่มีเจตนาดังกล่าว ไม่ถือเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยแบ่งที่พิพาทให้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยต่อสู้ว่าสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญายกให้ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ ไม่มีผลบังคับ
เมื่อข้อความในสัญญาที่โจทก์อ้าง มีข้อความแสดงให้เห็นว่าการที่จำเลยจะให้ที่ดินครั้งนี้เพราะโจทก์เป็นบุตรบุญธรรมของนางกีเจ้าของเดิม ซึ่งบอกว่าให้แก่โจทก์ตั้งแต่ก่อนที่นางกีโอนที่พิพาทให้แก่จำเลย ไม่มีข้อความตอนใดระบุว่า เป็นการระงับข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยเลยสัญญาดังกล่าว จึงเป็นเรื่องที่จำเลยจะยกที่ดินให้โจทก์ตามที่นางกีได้เคยพูดไว้เท่านั้น ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความตาม ป.พ.พ.มาตรา 850
เมื่อข้อความในสัญญาที่โจทก์อ้าง มีข้อความแสดงให้เห็นว่าการที่จำเลยจะให้ที่ดินครั้งนี้เพราะโจทก์เป็นบุตรบุญธรรมของนางกีเจ้าของเดิม ซึ่งบอกว่าให้แก่โจทก์ตั้งแต่ก่อนที่นางกีโอนที่พิพาทให้แก่จำเลย ไม่มีข้อความตอนใดระบุว่า เป็นการระงับข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยเลยสัญญาดังกล่าว จึงเป็นเรื่องที่จำเลยจะยกที่ดินให้โจทก์ตามที่นางกีได้เคยพูดไว้เท่านั้น ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความตาม ป.พ.พ.มาตรา 850
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1314/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: ลักษณะสำคัญและการพิสูจน์ข้อตกลงระงับข้อพิพาท
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยแบ่งที่พิพาทให้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยต่อสู้ว่าสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญายกให้ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ ไม่มีผลบังคับ
เมื่อข้อความในสัญญาที่โจทก์อ้าง มีข้อความแสดงให้เห็นว่าการที่จำเลยจะให้ที่ดินครั้งนี้เพราะโจทก์เป็นบุตรบุญธรรมของนางกีเจ้าของเดิม ซึ่งบอกว่าให้แก่โจทก์ตั้งแต่ก่อนที่นางกีโอนที่พิพาทให้แก่จำเลย ไม่มีข้อความตอนใดระบุว่า เป็นการระงับข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยเลยสัญญาดังกล่าว จึงเป็นเรื่องที่จำเลยจะยกที่ดินให้โจทก์ตามที่นางกีได้เคยพูดไว้เท่านั้น ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850
เมื่อข้อความในสัญญาที่โจทก์อ้าง มีข้อความแสดงให้เห็นว่าการที่จำเลยจะให้ที่ดินครั้งนี้เพราะโจทก์เป็นบุตรบุญธรรมของนางกีเจ้าของเดิม ซึ่งบอกว่าให้แก่โจทก์ตั้งแต่ก่อนที่นางกีโอนที่พิพาทให้แก่จำเลย ไม่มีข้อความตอนใดระบุว่า เป็นการระงับข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยเลยสัญญาดังกล่าว จึงเป็นเรื่องที่จำเลยจะยกที่ดินให้โจทก์ตามที่นางกีได้เคยพูดไว้เท่านั้น ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1778/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาให้/หมั้นที่ยังไม่สมบูรณ์: ข้อกำหนดเรื่องการสมรสตามกฎหมายและการไม่เป็นไปตามเจตนาเดิม
พ่อแม่ฝ่ายชายทำสัญญายกที่นา 10 ไร่โดยแบ่งออกจากนาแปลงใหญ่ + ให้เป็นของหมั้นแก่หญิงต่อมาหญิงชายได้แต่งงานอยู่กินด้วยกันที่บ้านชายไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน นาที่ยกให้ก็ยังไม่ได้มอบหมายให้กันอย่างแท้จริง ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่านา 10 ไร่นี้เป็นของหมั้นตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1436 หญิงจะฟ้องเรียกนา 10 ไร่นี้ในฐานเป็นของหมั้นไม่ได้ หากจะถือว่าเป็นสัญญาให้ที่มีการตอบแทน จุดประสงค์ของผู้ให้เพื่อให้คู่สมรสได้ใช้สรอยทำกินด้วยกันเป็นสำคัญ เมื่อหญิงกับชายไม่ได้สมรสกันโดยถูกต้องตาม ก.ม.แล้วและบัดนี้ยังแยกไม่ได้อยู่กินด้วยกันอีก ก็นับว่าไม่เป็นไปตามความประสงค์ของผู้ให้ จึงไม่มีเหตุที่หญิงจะเรียกร้องเอานานี้ได้ส
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1427/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความสัญญาให้กรรมสิทธิที่ดินที่ขัดแย้งกับชื่อในโฉนด ศาลยึดตามเอกสารที่ผู้ให้รับรอง
โฉนดมีชื่อโจทก์กับจำเลยทั้งสองถือกรรมสิทธิร่วมกันและยังปรากฎตามเอกสารสัญญาให้กรรมสิทธิที่ดินนี้ ซึ่งโจทก์ได้รับรองแล้วแปลความหมายได้แจ้งชัดว่า ผู้ให้ (โจทก์) ได้ให้กรรมสิทธิในที่ดินแก่จำเลยทั้งสอง 2/3 ของที่ดินตามโฉนดนี้ ดังนี้โจทก์จะนำสืบว่าเป็นแต่ยกให้จำเลยทั้งสองเพียงครึ่งหนึ่งของที่ดินย่อมเป็นการสืบแก้ไขเอกสารสัญญาซึ่งโจทก์ได้รับรองแล้วโดยตรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1064/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือยกที่ดินไม่เป็นพินัยกรรม แต่จำเลยได้สิทธิครอบครองจากระยะเวลา
หนังสือระบุว่าเป็นพินัยกรรมและมีพยานกับผู้เขียนอย่างแบบพินัยกรรม แต่เมื่ออ่านข้อความตลอดแล้ว เห็นได้ว่าผู้ยกทรัพย์ให้ไม่ได้แสดงเจตนาจะยกทรัพย์ให้เมื่อตาย แต่กลับยกให้ทันทีตั้งแต่วันทำหนังสือนั้น จึงไม่ใช่เป็นพินัยกรรม แต่เป็นลักษณะสัญญาให้
ทำหนังสือยกที่นามือเปล่าให้กันเอง ผู้รับได้เข้ายึดถือครอบครองนานั้นด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาแล้ว 1 ปีย่อมได้สิทธิครอบครองตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1367,1369 แล้ว
ทำหนังสือยกที่นามือเปล่าให้กันเอง ผู้รับได้เข้ายึดถือครอบครองนานั้นด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาแล้ว 1 ปีย่อมได้สิทธิครอบครองตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1367,1369 แล้ว