คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สั่งจ่าย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 32 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 111/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสั่งจ่ายเช็คชำระหนี้สินค้า: ไม่เป็นความผิด แม้เช็คไม่สามารถขึ้นเงินได้
จำเลยสั่งจ่ายเช็ค เพื่อชำระหนี้ค่าสินค้าที่ค้างชำระโจทก์ร่วมกับสินค้าใหม่ที่จำเลยสั่งซื้อ จากโจทก์ร่วม เมื่อโจทก์ร่วมไม่ส่งสินค้าให้จำเลยอีก แต่ นำเช็ค ดังกล่าวไปขึ้นเงิน แม้ธนาคารตามเช็ค ปฏิเสธการจ่ายเงิน อ้างว่าบัญชีปิดแล้ว การกระทำของจำเลยก็ยังไม่เป็นความผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 111/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสั่งจ่ายเช็คชำระหนี้สินค้า - การกระทำไม่เป็นความผิด
จำเลยสั่งจ่ายเช็ค เพื่อชำระหนี้ค่าสินค้าที่ค้างชำระโจทก์ร่วมกับสินค้าใหม่ที่จำเลยสั่งซื้อ จากโจทก์ร่วม เมื่อโจทก์ร่วมไม่ส่งสินค้าให้จำเลยอีก แต่ นำเช็ค ดังกล่าวไปขึ้นเงิน แม้ธนาคารตามเช็ค ปฏิเสธการจ่ายเงิน อ้างว่าบัญชีปิดแล้ว การกระทำของจำเลยก็ยังไม่เป็นความผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3167/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาออกเช็คโดยรู้ว่าไม่สามารถนำไปใช้ได้ ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยขีดฆ่าคำว่า 'หรือผู้ถือ' ในเช็คฉบับพิพาทออก และเขียนคำว่า 'สด' ลงในช่องผู้รับเงิน การกระทำของจำเลยดังกล่าวจำเลยย่อมทราบอยู่แล้วว่าธนาคารตามเช็คจะปฏิเสธการจ่ายเงิน จึงแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าจำเลยมีเจตนาที่จะไม่ให้ธนาคารจ่ายเงินตามเช็คฉบับพิพาท การกระทำของจำเลยเป็นการออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คซึ่งเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3(1).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1558/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาว่าเช็คเป็นเช็คต่างประเทศหรือไม่ ให้ดูที่ผู้สั่งจ่ายเช็คสั่งจ่ายภายในประเทศหรือต่างประเทศ
ตามบทบัญญัติมาตรา 987 และมาตรา 988 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุคคลผู้ออกเช็คหรือทำตราสารดังกล่าวก็คือผู้สั่งจ่ายโดยทั่ว ๆ ไปอาจจะเห็นว่าธนาคารเป็นผู้พิมพ์แบบฟอร์มเช็คออกเป็นเล่ม ๆ ให้แก่ผู้มีบัญชีฝากเงินกับธนาคาร แต่ที่เป็นดังนั้นมิได้หมายความว่าธนาคารเป็นผู้ออกเช็คแต่ธนาคารกระทำขึ้นแทนผู้สั่งจ่ายเพื่อให้ความสะดวกแก่ผู้สั่งจ่ายในการใช้และกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจึงทำเป็นแบบพิมพ์ในรูปเดียวกัน แต่โดยเนื้อแท้ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายแล้ว ผู้สั่งจ่ายเป็นผู้ออกเช็คหรือทำตราสารนั้น (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1017/2507) โดยเหตุนี้เช็คพิพาทจะเป็นเช็คออกมาแต่ต่างประเทศหรือไม่จึงอยู่ที่ว่าผู้สั่งจ่ายเช็คได้สั่งจ่ายเช็คภายในประเทศหรือสั่งจ่ายเช็คที่ต่างประเทศเป็นสำคัญ หาใช่ดูว่าธนาคารตามเช็คอยู่ ณ ที่ใดเป็นสำคัญไม่ ดังนั้นเมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทในประเทศไทย แม้ธนาคารเจ้าของเช็คจะอยู่ต่างประเทศ เช็คพิพาทจึงมิใช่เช็คที่ออกมาแต่ต่างประเทศตามมาตรา 989 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2830/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์มูลหนี้จากการสั่งจ่ายเช็คและการเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบในคดีล้มละลาย
คำขอรับชำระหนี้ระบุว่าลูกหนี้เป็นหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้40,000 บาทเป็นค่าเงินกู้ ดังปรากฏตามเช็คและใบคืนเช็คที่ยื่นพร้อมกับคำขอ แม้จะระบุว่าเป็นค่าเงินกู้ก็พอเข้าใจได้ว่าเป็นการกล่าวอ้างถึงมูลหนี้เดิมที่ผู้ขอรับชำระหนี้ได้รับเช็คมาเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าลูกหนี้สั่งจ่ายเช็คให้ผู้ขอรับชำระหนี้เพื่อชำระหนี้เงินกู้ยืม อันเป็นการสั่งจ่ายเช็คโดยมีมูลหนี้ต่อกัน ผู้ขอรับชำระหนี้จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบเมื่อเช็คนั้นเรียกเก็บเงินจากธนาคารไม่ได้ ผู้ขอรับชำระหนี้ย่อมมีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามคำขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1875/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเช็ค: การมีเงินในบัญชีขณะสั่งจ่ายเช็คเป็นปัจจัยสำคัญ แม้โจทก์นำเช็คขึ้นเงินช้ากว่าวันที่สั่งจ่ายก็ไม่ถือเป็นความผิด
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในวันที่สั่งจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยมีเงินในบัญชีพอที่จะจ่ายเงินตามเช็คนั้น ถ้าหากโจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินในวันนั้นก็จะได้รับเงินตามเช็ค แต่โจทก์กลับนำเช็คไปขึ้นเงินหลังวันที่สั่งจ่ายเงินตามเช็ค จึงขึ้นเงินไม่ได้เพราะเงินในบัญชีไม่พอจ่าย ดังนี้ จำเลยย่อมไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1558/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากละเลยระเบียบการตรวจสอบลายเซ็นสั่งจ่ายข้าวสารและการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงาน
ระเบียบงานของโจทก์มีว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นหัวหน้ากองข้าวสาร มีหน้าที่กำหนดตัวบุคคลผู้มีอำนาจเซ็นสั่งจ่ายข้าวสาร และส่งตัวอย่างลายเซ็นชื่อของผู้มีอำนาจสั่งจ่ายข้าวสารไปให้แผนกคลังสินค้าเพื่อตรวจสอบก่อนที่จะจ่ายข้าวสาร แต่จำเลยที่ 1 ไม่มีหน้าที่ควบคุมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่แผนกคลังสินค้าที่มีหน้าที่จ่ายข้าวสารตามใบสั่ง จำเลยที่ 1 กำหนดตัวบุคคลซึ่งมีอำนาจเซ็นสั่งจ่ายข้าวสารแล้ว แต่ไม่ได้ส่งตัวอย่างลายเซ็นชื่อของผู้มีอำนาจเซ็นสั่งจ่ายไปให้แผนกคลังสินค้าได้มีผู้ปลอมลายเซ็นชื่อของผู้มีอำนาจสั่งจ่ายข้าวสารและเจ้าหน้าที่แผนกคลังสินค้าได้จ่ายข้าวสารไปตามใบสั่งซึ่งมีลายเซ็นปลอม ดังนี้การที่จำเลยที่ 1 ฝ่าฝืนระเบียบ ไม่ส่งตัวอย่างลายเซ็นของผู้ที่มีอำนาจสั่งจ่ายให้แผนกคลังสินค้าทราบ เพื่อตรวจสอบลายเซ็นนั้นไม่เป็นเหตุโดยตรงที่ทำให้มีบุคคลปลอมลายเซ็นของผู้มีอำนาจสั่งจ่าย จึงจะถือว่าจำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหายเพราะเหตุนี้ไม่ได้
จำเลยที่ 2 เป็นผู้ช่วยหัวหน้าคลังสินค้ากลาง มีหน้าที่จะต้องตรวจลายเซ็นชื่อผู้สั่งจ่ายในใบสั่งจ่ายข้าวสารตาม ระเบียบ การที่ไม่มีตัวอย่างลายเซ็นชื่อของผู้มีอำนาจสั่งจ่ายในใบสั่งจ่ายสินค้าที่แท้จริงไว้เพื่อตรวจสอบ โดยจำเลยที่ 2 มิได้เรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ซึ่งมีหน้าที่ส่งตัวอย่างลายเซ็นให้ส่งตัวอย่างลายเซ็นมาให้ ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ละเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวอันเป็นการประมาทเลินเล่อมาตั้งแต่ต้น จำเลยที่ 2 มอบให้จำเลยที่ 4 ถึงที่ 7 ทำหน้าที่ตรวจสอบใบสั่งจ่ายสินค้าแทน. ผู้ทำแทนก็ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ครบถ้วน เมื่อมีการปลอมลายมือผู้สั่งจ่ายแล้วนำมาเบิกสินค้าข้าวสาร จำเลยที่ 4 ถึงที่ 7 ตรวจดูลายเซ็นโดยเทียบกับลายเซ็นที่ผู้สั่งจ่ายเซ็นไว้ในใบสั่งจ่ายเก่าๆ ที่ยื่น เพราะไม่มีตัวอย่างลายเซ็นที่แท้จริงไว้ตรวจสอบ แล้วจ่ายข้าวสารไปตามใบสั่งจ่ายปลอมทำให้โจทก์เสียหาย ดังนี้ จำเลยที่ 2 จะปัดความรับผิดหาได้ไม่
จำเลยที่ 3 เป็นผู้ช่วยหัวหน้าคลังสินค้ากลาง ซึ่งเก็บเฉพาะข้าวสาร และเป็นผู้เก็บรักษากุญแจโกดังแต่ผู้เดียว มีหน้าที่ปฏิบัติการควบคุม ตรวจตราใบสั่งจ่ายสินค้าและรับจ่ายข้าวสารด้วย จึงปฏิเสธความรับผิดไม่ได้
ส่วนจำเลยที่ 4 มีหน้าที่ฝึกสอนจำเลยที่ 5 ถึงที่ 7 ในการจ่ายข้าวสารตามใบสั่งจ่าย แต่ไม่มีตัวอย่างลายเซ็นของผู้มีอำนาจสั่งจ่ายมาให้ตรวจสอบ จำเลยที่ 4 ถึงที่ 7 เป็นพนักงานชั้นผู้น้อย ไม่มีหน้าที่ทวงถามให้มีการส่งตัวอย่างลายเซ็นมา การฝึกสอนก็เพียงให้ดูว่าใบสั่งจ่ายที่ผู้มาขอรับมีรายการอะไรบ้างลายเซ็นชื่อผู้สั่งจ่ายครบถ้วนหรือไม่ โดยให้ดูจากลายเซ็นชื่อผู้สั่งจ่ายเก่าๆ จำเลยที่ 5 ถึงที่ 7ก็สั่งจ่ายข้าวสารไปตามระเบียบที่จำเลยที่ 4 ฝึกสอน เมื่อมีการปลอมลายเซ็นและมีการจ่ายข้าวสารไปตามลายเซ็นปลอมนั้น.โดยให้การจ่ายก็ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวเช่นนี้ จะถือว่าจำเลยที่ 5 ถึงที่ 7 ไม่ปฏิบัติตามระเบียบเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์มิได้ แต่จำเลยที่ 4 มีหน้าที่ต้องตรวจสอบรายการสินค้าที่จะจ่ายหรือขอดูหลักฐานเอกสารใบขายเงินสด หรือใบเสร็จรับเงินจากผู้ซื้อที่มารับของตามระเบียบว่าด้วยการรับจ่ายฯลฯ ให้ถูกต้องเสียก่อน เมื่อจำเลยที่ 4 ไม่ปฏิบัติตามจึงต้องรับผิดตามจำนวนเงินในใบจ่ายสินค้าฉบับที่จำเลยที่ 4เป็นผู้เขียนตามใบสั่งจ่ายสินค้าปลอมนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1530/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้สั่งจ่ายเช็คเมื่อธนาคารจ่ายเงินเกินบัญชี และข้อยกเว้นความรับผิดของธนาคารตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
เช็คที่จำเลยออกให้ ส. ไม่ใช่เช็คขีดคร่อม กรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 997 วรรค 3 ซึ่งบัญญัติยกเว้นความรับผิดของธนาคารไว้ เมื่อธนาคารได้จ่ายเงินตามเช็คไปโดยสุจริตและปราศจากความประมาทเลินเล่อและแม้เงินในบัญชีของจำเลยจะมีไม่พอจ่ายก็ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 991 ก็หาได้บังคับโดยเฉียบขาดมิได้ให้ธนาคารจ่ายเงินเกินบัญชีของผู้เคยค้าไม่ ดังนั้น จำเลยต้องรับผิดต่อธนาคารโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คสั่งจ่าย 'หรือผู้ถือ' ผู้ถือเช็คมีสิทธิเรียกร้องเงินจากผู้สั่งจ่าย แม้จะอายัดเช็คจากเหตุอื่น
บุคคลผู้ลงลายมือชื่อของตนในเช็คย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น
เช็คซึ่งสั่งจ่ายโดยระบุชื่อผู้รับเงิน แต่มิได้ขีดฆ่าคำว่า "หรือผู้ถือ" ออกนั้น ย่อมแสดงว่าผู้สั่งจ่ายประสงค์สั่งจ่ายไม่เฉพาะผู้รับเงินซึ่งระบุชื่อ หากยอมจ่ายให้แก่ผู้ถือด้วย
เช็คซึ่งสั่งจ่ายแก่ผู้ถือนั้น เมื่อโอนเปลี่ยนมือตกมาอยู่กับโจทก์ โจทก์เป็นผู้ครอบครองหรือผู้ถือเช็ค ย่อมเป็นผู้ทรงตามกฎหมาย เมื่อโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คจากธนาคารไม่ได้ ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่ายให้ใช้เงินตามเช็คนั้น
ในการฟ้องคดีไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับเช็คซึ่งโจทก์เป็นผู้ทรงมาอย่างไร แม้จะกล่าวฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คนั้นชำระหนี้ค่าสินค้าให้แก่โจทก์ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ก็ไม่ทำให้สิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ทรงเช็คโดยชอบต้องเสียไป
จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์ได้เช็คมาโดยไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ไม่กล่าวให้ชัดว่าไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร เป็นคำให้การคลุมเครือไม่ชัดแจ้ง
ถึงแม้จำเลยจะสั่งจ่ายเช็คให้แก่บุคคลอื่นและบุคคลนั้นไม่ปฏิบัติตามข้อผูกพันจำเลยจึงแจ้งอายัดเช็คไว้ แต่จำเลยจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างตนกับบุคคลนั้นขึ้นต่อสู้โจทก์ผู้ทรงเช็คไม่ได้ เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คสั่งจ่าย 'หรือผู้ถือ' ผู้ทรงเช็คมีสิทธิเรียกเก็บเงิน แม้ได้มาโดยมิได้มีนิติสัมพันธ์โดยตรงกับผู้สั่งจ่าย
บุคคลผู้ลงลายมือชื่อของตนในเช็คย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น
เช็คซึ่งสั่งจ่ายโดยระบุชื่อผู้รับเงินแต่มิได้ขีดฆ่าคำว่า 'หรือผู้ถือ' ออกนั้น ย่อมแสดงว่าผู้สั่งจ่ายประสงค์สั่งจ่ายไม่เฉพาะผู้รับเงินซึ่งระบุชื่อหากยอมจ่ายให้แก่ผู้ถือด้วย
เช็คซึ่งสั่งจ่ายแก่ผู้ถือนั้น เมื่อโอนเปลี่ยนมือตกมาอยู่กับโจทก์โจทก์เป็นผู้ครอบครองหรือผู้ถือเช็คย่อมเป็นผู้ทรงตามกฎหมาย เมื่อโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คจากธนาคารไม่ได้ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่ายให้ใช้เงินตามเช็คนั้น
ในการฟ้องคดีไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับเช็คซึ่งโจทก์เป็นผู้ทรงมาอย่างไรแม้จะกล่าวฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คนั้นชำระหนี้ค่าสินค้าให้แก่โจทก์ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงก็ไม่ทำให้สิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ทรงเช็คโดยชอบต้องเสียไป
จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์ได้เช็คมาโดยไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่ไม่กล่าวให้ชัดว่าไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไรเป็นคำให้การคลุมเครือไม่ชัดแจ้ง
ถึงแม้จำเลยจะสั่งจ่ายเช็คให้แก่บุคคลอื่นและบุคคลนั้นไม่ปฏิบัติตามข้อผูกพันจำเลยจึงแจ้งอายัดเช็คไว้แต่จำเลยจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างตนกับบุคคลนั้นขึ้นต่อสู้โจทก์ผู้ทรงเช็คไม่ได้เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล
of 4