พบผลลัพธ์ทั้งหมด 14 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3234/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีต่อศาลไทยของสำนักงานสาขาบริษัทต่างชาติ: การระบุชื่อจำเลยที่ถูกต้อง
ในคำฟ้องช่องคู่ความ โจทก์ระบุชื่อจำเลยว่า สายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯ และบรรยายในฟ้องว่า จำเลยอันหมายถึงบริษัทดัมป์สกิปเซลสกาเบ็ท อาฟ 1912 อักตีเซลสกาป จำกัด และบริษัทอักตีเซลสกาเบ็ท ดัมป์สกิปเซลสกาเบ็ท สเว็นด์บอร์ก จำกัด ซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายของราชอาณาจักรแห่งประเทศเดนมารค์ ดำเนินธุรกิจในการขนส่งทางทะเลและจดทะเบียนพาณิชย์ต่อสำนักงานทะเบียนพาณิชย์กระทรวงพาณิชย์ และใช้ชื่อในการประกอบการพาณิชยกิจว่า "สายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯ" โดยมีสำนักทำการงานเพื่อดำเนินกิจการดังกล่าว สำนักงานแห่งใหญ่ อยู่เลขที่ 231/2 ถนนสาธรใต้ ตำบลยานนาวา อำเภอยานนาวา กรุงเทพมหานคร เป็นที่เห็นได้ว่า โจทก์ฟ้องบริษัทดัมป์สกิปเซลสกาเบ็ท อาฟ 1912 อักตีเซลสกาป จำกัด และ บริษัทอักตีเซลสกาเบ็ท ดัมป์สกิป เซลสกาเบ็ท สเว็นด์บอร์ก จำกัด ซึ่งใช้ชื่อในการประกอบกิจการพาณิชย์ด้านรับส่งสินค้าในประเทศไทยว่า "สายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯ" หาใช่ฟ้องสายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯ ให้ใช้ค่าสินไหมทดแทนตามลำพังตนเองไม่ และดังนั้นสายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯ จึงอยู่ในฐานะเป็นสำนักทำการงาน อันเกิดจากการประกอบกิจการร่วมกันของบริษัททั้งสองดังกล่าว มิใช่กิจการและบุคคลต่างหากออกไปถือได้ว่าสายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯ เป็นสำนักงานสาขาของบริษัททั้งสอง เมื่อบริษัททั้งสองมีสำนักงานสาขาอยู่ในประเทศไทย ซึ่งตามกำหมายถือว่าถิ่นที่มีสาขาสำนักงานเป็นภูมิลำเนาในส่วนกิจการอันทำ ณ ที่นั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 โจทก์จึงฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งได้ ตามประมวบกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3234/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแพ่ง: การฟ้องบริษัทต่างด้าวที่มีสำนักงานสาขาในไทย
ในคำฟ้องช่องคู่ความ โจทก์ระบุชื่อจำเลยว่า สายเดินเรือเมอสค์สาขากรุงเทพฯ และบรรยายในฟ้องว่า จำเลยอันหมายถึงบริษัทดัมป์สกิปเซลสกาเบ็ทอาฟ1912อักตีเซลสกาปจำกัด และบริษัทอักตีเซลสกาเบ็ทดัมป์สกิปเซลสกาเบ็ทสเว็นด์บอร์ก จำกัด ซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายของราชอาณาจักรแห่งประเทศเดนมารค์ ดำเนินธุรกิจในการขนส่งทางทะเลและจดทะเบียนพาณิชย์ต่อสำนักงานทะเบียนพาณิชย์กระทรวงพาณิชย์ และใช้ชื่อในการประกอบการพาณิชยกิจว่า "สายเดินเรือเมอสค์สาขากรุงเทพฯ" โดยมีสำนักทำการงานเพื่อดำเนินกิจการดังกล่าว สำนักงานแห่งใหญ่อยู่เลขที่ 231/2 ถนนสาธรใต้ ตำบลยานนาวา อำเภอยานนาวา กรุงเทพมหานคร เป็นที่เห็นได้ว่า โจทก์ฟ้องบริษัทดัมป์สกิปเซลสกาเบ็ทอาฟ1912อักตีเซลสกาป จำกัด และบริษัทอักตีเซลสกาเบ็ทดัมป์สกิปเซลสกาเบ็ทสเว็นด์บอร์ก จำกัด ซึ่งใช้ชื่อในการประกอบกิจการพาณิชย์ด้านรับส่งสินค้าในประเทศไทยว่า "สายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯ" หาใช่ฟ้องสายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯ ให้ใช้ค่าสินไหมทดแทนตามลำพังตนเองไม่ และดังนั้นสายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯจึงอยู่ในฐานะเป็นสำนักทำการงาน อันเกิดจากการประกอบกิจการร่วมกันของบริษัททั้งสองดังกล่าว มิใช่กิจการและบุคคลต่างหากออกไป ถือได้ว่าสายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯเป็นสำนักงานสาขาของบริษัททั้งสอง เมื่อบริษัททั้งสองมีสำนักงานสาขาอยู่ในประเทศไทย ซึ่งตามกฎหมายถือว่าถิ่นที่มีสาขาสำนักงานเป็นภูมิลำเนาในส่วนกิจการอันทำ ณ ที่นั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 โจทก์จึงฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 4(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 807/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาบริษัทต่างชาติ: การฟ้องร้องในไทยต้องมีสำนักงานสาขา หรือภูมิลำเนาในประเทศ
บริษัทจำเลยที่ 1 จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศนั้นไม่มีสำนักงานสาขาในประเทศไทยแม้บริษัทจำเลยที่ 1 จะมอบให้บริษัทจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนในประเทศไทยก็ยังถือไม่ได้ว่าบริษัทจำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยอันจะทำให้โจทก์ฟ้องบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ เพราะภูมิลำเนาของตัวแทนไม่เป็นภูมิลำเนาของตัวการด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4862/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนน้ำมันระหว่างสำนักงานใหญ่และสาขา ไม่ถือเป็นการขาย ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อมีธุรกรรมระหว่างผู้ประกอบการต่างสถานะ
ตามบทบัญญัติแห่ง ป.รัษฎากรกำหนดให้ผู้ประกอบการที่มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากการคำนวณภาษีซื้อและภาษีขายตามมาตรา 82/3 ต้องมีสถานะเป็นบุคคลตามมาตรา 77/1 (1) ซึ่งภาษีซื้อและภาษีขายย่อมต้องเกิดขึ้นจากการขายระหว่างผู้ประกอบการกับบุคคลอื่น ที่ไม่ใช่บุคคลเดียวกันกับผู้ประกอบการตามมาตรา 77/1 (17) และ (18) เมื่อสำนักงานใหญ่และสำนักงานสาขาต่างเป็นสถานประกอบกิจการของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม อันอยู่ในฐานะเป็นบุคคลเดียวกัน การโอนน้ำมันจากสำนักงานใหญ่ไปยังสำนักงานสาขาจึงเป็นเพียงการจัดการกิจการภายในของโจทก์เอง ไม่อาจถือได้ว่าเป็นกรณีที่สำนักงานใหญ่มีสิทธิออกใบกำกับภาษีให้แก่สำนักงานสาขา และไม่อาจถือได้ว่าเป็นการขายตามมาตรา 77/1 (8)