คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สิทธิเรียกคืน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 68 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 933/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมโอนที่ดิน: การเพิกถอนการขายทอดตลาดไม่ทำให้เกิดสิทธิเรียกคืนค่าธรรมเนียมที่ชำระแล้ว
เงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในการโอนที่ดินเป็นเงินที่รัฐเรียกเก็บจากราษฎรเป็นค่าตอบแทนที่รัฐให้บริการแก่ราษฎรในการให้ราษฎรได้สิทธิหรือกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์การที่โจทก์เป็นผู้ประมูลซื้อที่ดินได้จากการขายทอดตลาดและจดทะเบียนรับโอนที่ดินตามคำสั่งของศาล เงินค่าธรรมเนียมการโอนที่ดินจึงเป็นเงินค่าธรรมเนียมตามป. ที่ดินฯ มาตรา 103 เป็นเงินที่จำเลยที่ 2 ตัวแทนจำเลย 1 เรียกเก็บจากโจทก์โดยชอบด้วยกฎหมายแม้ต่อมาศาลฎีกาจะมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินที่โจทก์ประมูลซื้อได้และให้จดทะเบียนใส่ชื่อ ล.เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์เหมือนเดิม แล้วให้เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดใหม่การเพิกถอนการจดทะเบียนโอนที่ดินดังกล่าวไม่ใช่เกิดจากการกระทำของจำเลยที่ 2 ตัวแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งตามประมวลที่ดินฯก็ไม่มีบทบัญญัติให้จำเลยที่ 1 คืนเงินค่าธรรมเนียมการโอนที่ดินแก่โจทก์ และเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวจำเลยที่ 1 ก็ได้ส่งเป็นรายได้ของแผ่นดินไปแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินค่าธรรมเนียมการโอนที่ดินคืนจากจำเลยที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5999/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินมรดกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และสิทธิของทายาทในการเรียกคืน
มารดาโจทก์มอบที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมรดกของบิดาโจทก์ให้จำเลยครอบครองทำกินต่างดอกเบี้ย การที่จำเลยนำที่ดินดังกล่าวไปขอออก น.ส.3 ก. ใส่ชื่อจำเลยเป็นเจ้าของนั้น ฟังได้เพียงว่าเป็นการครอบครองที่ดินพิพาทแทนทายาทของบิดาโจทก์เท่านั้นจำเลยจึงไม่ได้สิทธิครอบครอง การออก น.ส.3 ก. ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะที่ดินพิพาทยังเป็นมรดกของบิดาโจทก์ตกได้แก่ทายาท โจทก์ในฐานะบุตรที่บิดาโจทก์รับรองแล้วจึงเป็นทายาทมีสิทธิฟ้องเรียกที่ดินพิพาทจากจำเลย แม้โจทก์จะมิได้ขอให้เพิกถอน น.ส.3 ก. ที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาก็มีอำนาจสั่งเพิกถอน น.ส.3 ก. ดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2535 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทรัพย์สินถูกลัก – เงินจากการขาย – จำเลยรับโดยไม่รู้ – ไม่เป็นละเมิด – สิทธิเรียกคืน
เงินที่ได้จากการขายทรัพย์สินของโจทก์ที่ถูกลักไป ไม่ใช่ทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด และจำเลยรับไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นเงินที่ได้จากการขายทรัพย์สินของโจทก์ที่ถูกลักไป การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ และจะถือว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินของโจทก์มิได้ เพราะมิใช่ตัวทรัพย์ของโจทก์ที่ถูกลักไป โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกเงินดังกล่าวคืนจากจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินจากการขายทรัพย์สินที่ถูกลัก ไม่ใช่ทรัพย์สินโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกคืน
เงินที่ได้จากการขายทรัพย์สินของโจทก์ที่ถูกลักไป ไม่ใช่ทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด และจำเลยรับไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นเงินที่ได้จากการขายทรัพย์สินของโจทก์ที่ถูกลักไป การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ และจะถือว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินของโจทก์มิได้ เพราะมิใช่ตัวทรัพย์ของโจทก์ที่ถูกลักไปโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกเงินดังกล่าวคืนจากจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3429/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในโฉนดที่ดิน: แม้มีข้ออ้างเป็นทรัพย์มรดก แต่เจ้าของกรรมสิทธิ์ตามโฉนดมีสิทธิเรียกคืนได้
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินมีโฉนดที่ดิน จำเลยเก็บรักษาโฉนดที่ดินไว้ โจทก์ขอโฉนดที่ดินคืน จำเลยไม่ยอมคืนขอให้บังคับจำเลยคืนโฉนดที่ดินให้โจทก์ ดังนี้ เมื่อโฉนดที่ดินมีชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ซึ่งจากข้อความที่ระบุในโฉนดที่ดินได้ความว่า ทางราชการออกโฉนดที่ดินให้ไว้แก่โจทก์ ถือได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าของโฉนดที่ดินนั้น ส่วนที่จำเลยให้การว่าที่ดินตามโฉนดที่ดินเป็นทรัพย์มรดกของบิดาของโจทก์จำเลยตกได้แก่โจทก์จำเลยและทายาทอื่นนั้น เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกโฉนดที่ดินคืนโดยไม่ได้ขอให้บังคับคดีในส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินตามโฉนดที่ดิน และจำเลยก็ไม่ได้ฟ้องแย้งขอให้บังคับคดีในส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินตามโฉนดที่ดินนั้นคดีไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่าที่ดินตามโฉนดที่ดินเป็นทรัพย์มรดกของบิดาของโจทก์จำเลยตกได้แก่โจทก์จำเลยและทายาทอื่นดังคำให้การของจำเลยหรือไม่ และแม้จะฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นดังคำให้การของจำเลย ก็ไม่ทำให้จำเลยมีสิทธิยึดถือเอาโฉนดที่ดินของโจทก์ไว้ เพราะข้ออ้างดังกล่าวเป็นเพียงเหตุที่ทำให้คู่ความอาจไปใช้สิทธิดำเนินการเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก โจทก์จึงมีสิทธิเรียกโฉนดที่ดินคืนจากจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1336 โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่า หากจำเลยไม่ยอมคืนโฉนดที่ดินให้โจทก์ภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งศาลหรือถ้าเป็นการพ้นวิสัยที่จะคืน ขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกโฉนดที่ดินฉบับเจ้าของที่ดินเดิม แล้วมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินฉบับใหม่แทนให้โจทก์โดยคิดค่าใช้จ่ายจากจำเลยนั้น โจทก์จะขอให้บังคับคดีดังกล่าวไม่ได้เพราะเป็นการขอให้บังคับเจ้าพนักงานที่ดินซึ่งเป็นบุคคลนอกคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2792/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนลักษณะการยึดถือครอบครองที่ดินจากแทนกันเป็นเพื่อตน ต้องบอกกล่าวภายใน 1 ปี มิฉะนั้นสิทธิเรียกคืนจะเกิดขึ้น
จำเลยซึ่งเป็นทายาทคนหนึ่งของผู้ตายได้ยึดถือครอบครองที่ดินพิพาทแทนโจทก์ทั้งสามซึ่งเป็นทายาทผู้ตายเช่นกัน หากจำเลยจะยึดถือครอบครองที่ดินพิพาทเพื่อตน จำเลยจะต้องบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือมาเป็นการยึดถือครอบครองเพื่อตนไปยังโจทก์ทั้งสามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 ก่อนจำเลยได้ยื่นคำคัดค้านการขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ทั้งสามต่อเจ้าพนักงานที่ดินเมื่อเดือนสิงหาคม 2522 แต่โจทก์ทั้งสามไม่ทราบถึงการยื่นคำคัดค้านดังกล่าว ต่อมาเดือนพฤษภาคม 2529 เจ้าหน้าที่ที่ดินได้มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทั้งสามไปรับ น.ส.3 ก. โจทก์ทั้งสามไปรับแต่จำเลยไปคัดค้านไม่ยอมให้รับอ้างว่าที่ดินเป็นของจำเลยถือได้ว่าเดือนพฤษภาคม 2529 จำเลยได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือมาเป็นการยึดถือครอบครองเพื่อตน ซึ่งนับถึงวันที่ฟ้องคดีนี้ยังไม่พ้นกำหนด 1 ปี โจทก์ทั้งสามจึงมีสิทธิฟ้องเรียกเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินพิพาทจากจำเลยได้ ตามมาตรา 1375 จะนำอายุความตามมาตรา 1754 มาใช้บังคับไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3911/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกคืนภาษีที่ชำระเกินสำหรับผู้เช่าที่ชำระภาษีแทนผู้ให้เช่า แม้มิใช่ผู้รับประเมิน
ตามสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับกรมโรงงานอุตสาหกรรม โจทก์มีหน้าที่ชำระภาษีโรงเรือนและที่ดินแทนกรมโรงงานอุตสาหกรรมผู้ให้เช่า เมื่อจำเลยเรียกเก็บภาษีเกินไป จำเลยก็หามีสิทธิที่จะยึดเงินส่วนที่เกินไว้โดยไม่ต้องคืนให้แก่ผู้มีสิทธิในเงินนั้นไม่เมื่อโจทก์อ้างว่าเป็นผู้ชำระเงินส่วนที่เกินนั้นไป แม้โจทก์จะมิใช่ผู้รับการประเมินและมิได้เป็นผู้ขอให้พิจารณาการประเมินนั้นใหม่ โจทก์ก็มีสิทธิเรียกเงินส่วนที่เกินนั้นคืนได้
ตามสัญญาเช่าโรงงานสุราบางยี่ขันฉบับ พ.ศ. 2523-2537 ระหว่างโจทก์กับกรมโรงงานอุตสาหกรรม โจทก์มีหน้าที่ต้องสร้างโรงงานสุราบางยี่ขันแห่งที่ 2 แล้วยกกรรมสิทธิ์ให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมผู้ให้เช่า ฉะนั้นมูลค่าของโรงงานสุราบางยี่ขันแห่งที่ 2 ที่โจทก์ก่อสร้างตามสัญญาแล้วยกกรรมสิทธิ์ให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม จึงเป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้รับจากการที่ให้โจทก์เช่าโรงงานสุราบางยี่ขันแห่งที่ 2 ด้วย ดังนั้น เมื่อค่ารายปีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ใช้เป็นหลักในการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินเป็นค่ารายปีที่คำนวณเทียบเคียงได้กับค่าเช่าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมผู้ให้เช่าได้รับในการให้เช่าโรงงานสุราบางยี่ขันแห่งที่ 2การประเมินของเจ้าพนักงานที่แจ้งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินจึงเป็นการประเมินที่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3911/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการเรียกคืนภาษีเกินชำระ แม้ไม่ใช่ผู้รับประเมิน & การประเมินภาษีโรงเรือนเทียบกับค่าเช่า
ตามสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับกรมโรงงานอุตสาหกรรม โจทก์มีหน้าที่ชำระภาษีโรงเรือนและที่ดินแทนกรมโรงงานอุตสาหกรรมผู้ให้เช่า เมื่อจำเลยเรียกเก็บภาษีเกินไปก็หามีสิทธิที่จะยึดเงินส่วนที่เกินไว้โดยไม่ต้องคืนให้แก่ผู้มีสิทธิในเงินนั้นไม่ เมื่อโจทก์อ้างว่าเป็นผู้ชำระเงินส่วนที่เกินนั้นไป แม้โจทก์จะมิใช่ผู้รับการประเมินและมิได้เป็นผู้ขอให้พิจารณาการประเมินนั้นใหม่โจทก์ก็มีสิทธิเรียกเงินส่วนที่เกินนั้นคืนได้ ตามสัญญาเช่าโรงงานสุราบางยี่ขันฉบับ พ.ศ. 2523-2537โจทก์มีหน้าที่ต้องสร้างโรงงานสุราบางยี่ขันแห่งที่ 2 แล้วยกกรรมสิทธิ์ให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมผู้ให้เช่า มูลค่าของโรงงานสุราบางยี่ขันแห่งที่ 2 ที่โจทก์ก่อสร้างจึงเป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้รับจากการที่ให้โจทก์เช่าโรงงานสุราบางยี่ขันแห่งที่ 2 ด้วย ดังนั้น เมื่อค่ารายปีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยใช้เป็นหลักในการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินเป็นค่ารายปีที่คำนวณเทียบเคียงได้กับค่าเช่าโรงงานสุราบางยี่ขันแห่งที่ 2 ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้รับ การประเมินของเจ้าพนักงานของจำเลยที่แจ้งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินจึงเป็นการประเมินที่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3911/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกคืนภาษีที่ชำระเกินไป แม้ไม่ใช่ผู้รับประเมิน กรณีสัญญาเช่ากำหนดให้ผู้เช่าชำระภาษีแทนผู้ให้เช่า
ตามสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับกรมโรงงานอุตสาหกรรม โจทก์มีหน้าที่ชำระภาษีโรงเรือนและที่ดินแทนกรมโรงงานอุตสาหกรรมผู้ให้เช่า เมื่อจำเลยเรียกเก็บภาษีเกินไป จำเลยก็หามีสิทธิที่จะยึดเงินส่วนที่เกินไว้โดยไม่ต้องคืนให้แก่ผู้มีสิทธิในเงินนั้นไม่เมื่อโจทก์อ้างว่าเป็นผู้ชำระเงินส่วนที่เกินนั้นไป แม้โจทก์จะมิใช่ผู้รับการประเมินและมิได้เป็นผู้ขอให้พิจารณาการประเมินนั้นใหม่ โจทก์ก็มีสิทธิเรียกเงินส่วนที่เกินนั้นคืนได้ ตามสัญญาเช่าโรงงานสุราบางยี่ขันฉบับ พ.ศ. 2523-2537 ระหว่างโจทก์กับกรมโรงงานอุตสาหกรรม โจทก์มีหน้าที่ต้องสร้างโรงงานสุราบางยี่ขันแห่งที่ 2 แล้วยกกรรมสิทธิ์ให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมผู้ให้เช่า ฉะนั้นมูลค่าของโรงงานสุราบางยี่ขันแห่งที่ 2 ที่โจทก์ก่อสร้างตามสัญญาแล้วยกกรรมสิทธิ์ให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม จึงเป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้รับจากการที่ให้โจทก์เช่าโรงงานสุราบางยี่ขันแห่งที่ 2 ด้วย ดังนั้น เมื่อค่ารายปีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ใช้เป็นหลักในการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินเป็นค่ารายปีที่คำนวณเทียบเคียงได้กับค่าเช่าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมผู้ให้เช่าได้รับในการให้เช่าโรงงานสุราบางยี่ขันแห่งที่ 2การประเมินของเจ้าพนักงานที่แจ้งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินจึงเป็นการประเมินที่ชอบด้วยกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1475/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีเมื่อหนี้ระงับแล้ว และการใช้สิทธิเรียกคืนเอกสารหลักประกัน
แม้โจทก์ได้รับหนังสือทวงถามให้ชำระหนี้จากจำเลยทั้งสองแต่ ความจริงหนี้สินดังกล่าวได้ ระงับไปแล้วตาม เหตุผลในรายละเอียดที่โจทก์บรรยายมาในฟ้อง ก็เป็นเรื่องที่โจทก์ชอบที่จะหยิบยกเป็นข้อต่อสู้หากจะถูก จำเลยฟ้องเป็นคดีขึ้นในอนาคต มิใช่ด่วนมายื่นฟ้องจำเลยต่อ ศาลเพื่อให้มีคำพิพากษาแสดงว่าโจทก์จำเลยมิได้มีหนี้สินใด ๆ ต่อ กัน กรณีของโจทก์จึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 อันจะถือว่าถูกโต้แย้งสิทธิหรือจำเป็นต้อง ใช้สิทธิในทางศาล ส่วนข้อที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนเอกสาร น.ส.3 ก.นั้น โจทก์กล่าวอ้างมาในฟ้องว่า จำเลยได้ ยึด น.ส.3 ก. ของโจทก์ไว้เป็นหลักประกันการกู้ยืมเงิน ต่อ มาโจทก์ชำระหนี้แก่จำเลยทั้งสองแล้ว แต่ จำเลยทั้งสองไม่ได้คืน น.ส.3 ก. ให้แก่โจทก์ ดังนี้เป็นกรณีที่โจทก์ใช้สิทธิติดตาม เอา น.ส.3 ก. ของโจทก์คืน โดยอ้างว่าโจทก์ได้ ชำระหนี้เงินกู้เสร็จสิ้นแล้ว จำเลยไม่มีอำนาจยึดน.ส.3 ก. ของโจทก์ไว้ต่อไป ถือได้ว่ามีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งสอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 แล้ว.
of 7