พบผลลัพธ์ทั้งหมด 20 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2536/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการเลิกสัญญาซื้อขายและการเรียกร้องค่าปรับ กรณีผู้ขายไม่ส่งมอบสินค้า ผู้ซื้อมีสิทธิเลือกใช้สิทธิอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น
จำเลยทำสัญญาขายเครื่องมือทดสอบคุณภาพสีให้โจทก์สัญญาข้อ8มีว่าเมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามสัญญานี้แล้วถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อหรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องหรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวนผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ในกรณีที่ผู้ซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อริบหลักประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือสัญญาค้ำประกันเป็นจำนวนทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ได้แล้วแต่จะเห็นสมควรและถ้าผู้ซื้อจัดซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นเต็มจำนวนหรือเฉพาะจำนวนที่ขาดส่งแล้วแต่กรณีภายในกำหนด3เดือนนับแต่วันที่บอกเลิกสัญญาผู้ขายต้องยอมรับผิดชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นจากที่กำหนดไว้ในสัญญานี้ด้วย.....และสัญญาข้อ9มีว่าในกรณีผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามข้อ8ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสอง(0.2)ของราคาสิ่งของมาส่งให้แก่ผู้ซื้อจนถูกต้องครบถ้วนในระหว่างที่มีการปรับถ้าผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ผู้ซื้อจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและริบหลักประกันกับเรียกร้องให้ชดใช้ราคาเพิ่มขึ้นจากราคาที่กำหนดไว้ในสัญญาตามข้อ8นอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วยก็ได้ดังนี้เห็นว่าโจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาในกรณีที่จำเลยหรือผู้ขายไม่ส่งมอบของหรือส่งมอบไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วนและมีสิทธิริบเงินประกันที่จำเลยวางไว้รวมทั้งมีสิทธิที่จะซื้อของจากผู้อื่นและเรียกราคาที่เพิ่มขึ้นจากจำเลยแต่ถ้าครบกำหนดเวลาแล้วโจทก์ไม่เลิกสัญญาและยินยอมให้จำเลยนำสิ่งของที่ซื้อขายตามสัญญามาส่งให้แก่โจทก์โจทก์จึงจะมีสิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยปรับจากจำเลยเป็นรายวันได้ในอัตราร้อยละศูนย์จุดสอง(0.2)ของราคาสิ่งของนับแต่วันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่จำเลยนำสิ่งของมาส่งให้แก่โจทก์จนถูกต้องครบถ้วนเมื่อจำเลยไม่ส่งสิ่งของให้แก่โจทก์เลยโจทก์ได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาและริบเงินประกันตามสัญญาอันเป็นการใช้สิทธิตามสัญญาข้อ8โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกค่าปรับเป็นรายวันจากจำเลยตามสัญญาข้อ9ได้อีก. (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่4/2529)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 484/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำดับการชำระหนี้: โอนที่ดินก่อนชดใช้ค่าเสียหาย - มิใช่สิทธิเลือก
ในคดีที่ศาลพิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ก่อน ถ้าไม่สามารถโอนจึงให้ใช้ค่าเสียหายแทนนั้น การชำระหนี้ต้องเป็นไปตามลำดับ เพราะมิใช่กรณีให้สิทธิเลือกชำระหนี้ ดังนั้น เมื่อการโอนที่ดินยังอาจปฏิบัติได้ จำเลยจึงจะขอชดใช้ค่าเสียหายแทนโดยโจทก์มิได้ยินยอมหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 484/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำดับการชำระหนี้: โอนที่ดินก่อนชำระค่าเสียหาย - มิใช่สิทธิเลือก
ในคดีที่ศาลพิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ก่อนถ้าไม่สามารถโอนจึงให้ใช้ค่าเสียหายแทนนั้น การชำระหนี้ต้องเป็นไปตามลำดับเพราะมิใช่กรณีให้สิทธิเลือกชำระหนี้ ดังนั้น เมื่อการโอนที่ดินยังอาจปฏิบัติได้จำเลยจึงจะขอชดใช้ค่าเสียหายแทนโดยโจทก์มิได้ยินยอมหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1227/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเลือกดำเนินการระหว่างอุทธรณ์คำสั่ง หรือ ขอพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ ศาลวินิจฉัยว่าใช้สิทธิอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาแล้วผู้ร้องขอไม่พอใจคำสั่งนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมแล้วได้ให้สิทธิแก่ผู้ร้องขอที่จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอุทธรณ์ หรือยื่นคำร้องขอศาลชั้นต้นนั้นพิจารณาคำฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ได้ แต่เป็นการให้สิทธิเลือกวิธีดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพียงอย่างเดียวจำเลยแพ้คดีในศาลชั้นต้นได้ยื่นอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวน แล้วมีคำสั่งยกคำขอ จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเพราะยื่นเมื่อพ้นกำหนดเวลา ดังนี้จำเลยเลือกเอาการใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งเสียแล้ว จึงไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้พิจารณาคำขอฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2442/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการเลือกชำระหนี้ตามคำพิพากษา: จำเลยมีสิทธิเลือกได้ว่าจะส่งมอบกระดาษหรือชดใช้ค่าเสียหาย
บรรยายฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาไม่ส่งมอบกระดาษจำนวนหนึ่งให้แก่โจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายใน พฤติการณ์พิเศษ คือเสียหายหรือขาดทุนเป็นเงินจำนวนหนึ่ง แต่คำขอท้ายฟ้องมิได้ขอให้จำเลยส่งมอบกระดาษและชดใช้ค่าเสียหาย โจทก์คงขอให้จำเลยส่งมอบกระดาษหรือชดใช้ค่าเสียหายและศาลพิพากษาให้ตามคำขอแล้ว หนี้ตามคำพิพากษาที่จำเลยจะต้องชำระให้แก่โจทก์จึงมี 2 อย่าง คือส่งมอบกระดาษหรือชดใช้ค่าเสียหายซึ่งจำเลยจะต้องกระทำเพียงอย่างเดียว สิทธิที่จะเลือกชำระหนี้ดังกล่าวย่อมตกแก่จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 198 หาใช่โจทก์ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1346/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการเลือกวิธีชำระหนี้ตามคำพิพากษา: การแบ่งมรดกหรือชำระเป็นเงิน
ศาลตัดสินให้โจทก์ชนะคดีโดยให้จำเลยแบ่งมรดก ที่สวนที่นาและสวนมะพร้าวตามบัญชีท้ายฟ้องให้โจทก์ครึ่งหนึ่งหรือใช้เงินให้โจทก์ 15000 บาท ถ้าไม่แบ่งหรือแบ่งแยกไม่ได้ หรือไม่ใช้เงินภายใน 1 เดือน ก็ให้ขายทอดตลาดเอาเงินมาแบ่งกันคนละครึ่ง เมื่อปรากฎว่าที่สวนมะพร้าว แพงขึ้นจำเลยจึงเลือกเอาทางนำเงิน 15000 บาทมาวางศาลเพื่อชำรแก่โจทก์ ดังนี้ ถ้าโจทก์ไม่ตกลงด้วย ศาลก็ต้องบังคับให้จำเลยแบ่งที่มรดกให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 614/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเลือกที่อยู่ของสามีและการฟ้องหย่าเนื่องจากภรรยาไม่ยอมอยู่ด้วย
สามีเป็นผู้มีสิทธิเลือกที่อยู่
สามีเลือกที่อยู่ที่บ้านของตน ภรรยาไม่ยอมไปอยู่ด้วย ต่างคนจึงต่างอยู่ดังนี้ แม้สามีไม่อุปการะเลี้ยงดูภรรยา ภรรยาก็ฟ้องหย่าไม่ได้ เพราะภรรยาเป็นผู้ผิดที่ไม่ไปอยู่กับสามี
สามีเลือกที่อยู่ที่บ้านของตน ภรรยาไม่ยอมไปอยู่ด้วย ต่างคนจึงต่างอยู่ดังนี้ แม้สามีไม่อุปการะเลี้ยงดูภรรยา ภรรยาก็ฟ้องหย่าไม่ได้ เพราะภรรยาเป็นผู้ผิดที่ไม่ไปอยู่กับสามี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเลือกวิธีการขายที่ดินหลังประมูลไม่สำเร็จ: การใช้สิทธิเลือกขายทอดตลาดแทนการประมูลตามสัญญา
โจทก์จำเลยแถลงทำสัญญาปราณีประนอมยอมความกันว่าให้แบ่งที่พิพาทออกเป็น 4 ส่วนให้ โจทก์ได้ 1 ส่วน จำเลย+ ส่วนการแบ่งให้ทำโดยวิธีประมูลระหว่างโจทก์กับจำเลย ถ้าไม่ตกลงกันให้เอา+ออกขายทอดตลาดโจทก์จำเลยเข้าประมูลกันแต่แล้วโจทก์แสดงความจำนงไม่ยอมขายให้จำเลยดังนี้ ถือได้ว่าการประมูลยังไม่เสร็จ คู่ความมีสิทธิจะเลือกเอาวิธีขายทอดตลาดได้ตามสัญญายอมความ+ขึ้นศาล
การอุทธรณ์ฎีกาชั้นบังคับคดีไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาล (หมายเหตุ ปัญหาเรื่องค่าขึ้นศาลนี้ได้นำเสนอที่ประชุมใหญ่วินิจฉัย)
การอุทธรณ์ฎีกาชั้นบังคับคดีไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาล (หมายเหตุ ปัญหาเรื่องค่าขึ้นศาลนี้ได้นำเสนอที่ประชุมใหญ่วินิจฉัย)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2537/2552
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้จำนองหลังล้มละลาย: เจ้าหนี้มีประกันมีสิทธิเลือกได้ว่าจะรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายหรือไม่
คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ไม่มีผลกระทบถึงสิทธิของเจ้าหนี้มีประกันตามความในมาตรา 110 วรรคสาม โจทก์ในคดีนี้เป็นเจ้าหนี้มีประกันเหนือทรัพย์สินซึ่งจำนองของจำเลยที่ 4 จึงย่อมมีสิทธิที่จะเลือกยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายที่จำเลยที่ 4 ถูกศาลแพ่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดภายในระยะเวลาที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดหรือไม่ก็ได้ สุดแท้แต่โจทก์จะเห็นสมควรว่าวิธีการใดจะเหมาะสมและเป็นประโยชน์แก่ตนมากกว่ากัน เมื่อโจทก์ไม่ขอรับชำระหนี้ในคดีที่จำเลยที่ 4 ถูกฟ้องล้มละลายแล้วเช่นนี้ หนี้ที่จำเลยที่ 4 มีอยู่แก่โจทก์ในคดีนี้จึงไม่ใช่หนี้อันพึงขอรับชำระหนี้ได้ตามนัยแห่งมาตรา 77 ดังกล่าว ข้อเท็จจริงที่ว่า จำเลยที่ 4 ได้รับการปลดจากล้มละลายแล้ว จึงไม่ทำให้จำเลยที่ 4 หลุดพ้นจากหนี้จำนองที่มีอยู่แก่โจทก์ในคดีนี้แต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1045/2551
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิหักค่าใช้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) และ (2) ผู้มีเงินได้มีสิทธิเลือกหักค่าใช้จ่ายได้เองตามกฎหมาย
ป.รัษฎากร มาตรา 42 ทวิ เป็นบทบัญญัติที่ให้สิทธิแก่ผู้มีเงินได้พึงประเมินในการหักค่าใช้จ่ายจากเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) และ (2) โดยมิได้กำหนดหลักเกณฑ์บังคับว่าต้องหักค่าใช้จ่ายอย่างไร โจทก์ที่ 2 จึงมีสิทธิหักค่าใช้จ่ายสำหรับเงินได้ตามมาตรา 40 (1) เพียงอนุมาตราเดียว เป็นเงิน 60,000 บาท โดยไม่จำต้องเฉลี่ยค่าใช้จ่าย
การหักค่าใช้จ่ายต้องถือเอาเงินได้ของโจทก์ที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของเงินได้ตามมาตรา 40 (1) และ (2) เป็นหลัก เมื่อโจทก์ที่ 2 ใช้สิทธิหักค่าใช้จ่ายสำหรับเงินได้ตามมาตรา 40 (1) เต็มจำนวน 60,000 บาทแล้ว โจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นสามีจึงไม่มีสิทธิหักค่าใช้จ่ายสำหรับเงินได้ตามมาตรา 40 (2) ของโจทก์ที่ 2 อีก
การหักค่าใช้จ่ายต้องถือเอาเงินได้ของโจทก์ที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของเงินได้ตามมาตรา 40 (1) และ (2) เป็นหลัก เมื่อโจทก์ที่ 2 ใช้สิทธิหักค่าใช้จ่ายสำหรับเงินได้ตามมาตรา 40 (1) เต็มจำนวน 60,000 บาทแล้ว โจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นสามีจึงไม่มีสิทธิหักค่าใช้จ่ายสำหรับเงินได้ตามมาตรา 40 (2) ของโจทก์ที่ 2 อีก