คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สิทธิใช้ประโยชน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 35 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1298/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำที่ดินด้วยกันสาด: สิทธิการใช้ประโยชน์ที่ดินของผู้อื่นเมื่อเจ้าของเดิมเป็นผู้สร้าง
เจ้าของที่ดินเดิมเป็นผู้สร้างตึกพร้อม กันสาด แล้วได้แบ่งแยกเป็นแปลง ๆ ขาย ทำให้กันสาดที่สร้างในที่ดินแปลงหนึ่งรุกล้ำเข้าไปในที่ดินที่แบ่งแยกอีกแปลงหนึ่ง จำเลยซื้อตึกซึ่งมีกันสาดอยู่แล้วส่วนโจทก์ซื้อที่ดินในสภาพที่มีกันสาดดังกล่าวรุกล้ำ ดังนี้กันสาดที่รุกล้ำมิได้เกิดจากจำเลยเป็นผู้สร้าง จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 ซึ่งเป็นบทยกเว้นเรื่องส่วนควบและแดนกรรมสิทธิ์ โดยบุคคลผู้สร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริตมีสิทธิใช้ที่ดินของผู้อื่นในส่วนที่รุกล้ำนั้น แต่ต้องเสียค่าใช้ที่ดินแก่เจ้าของที่ดินเมื่อจำเลยมิได้เป็นผู้สร้าง จึงไม่มีกฎหมายที่จะยกมาปรับแก่คดีได้ ต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 4 มาใช้บังคับคืออาศัยเทียบบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งซึ่งได้แก่มาตรา1312 วรรคแรก ฉะนั้นจำเลยย่อมมีสิทธิใช้ส่วนแห่งแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์เฉพาะกันสาดที่รุกล้ำเข้าไปได้ ส่วนโจทก์ไม่มีสิทธิให้จำเลยรื้อกันสาด คงมีสิทธิเรียกเงินเป็นค่าที่จำเลยใช้ส่วนแห่งแดนกรรมสิทธิ์ที่ดิน แต่โจทก์มิได้ฟ้องขอให้บังคับในส่วนนี้ ศาลจึงไม่อาจบังคับให้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1298/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำที่ดินจากโครงสร้างเดิม: สิทธิใช้ประโยชน์และขอบเขตอำนาจฟ้อง
เจ้าของที่ดินเดิมเป็นผู้สร้างตึกพร้อมทั้งกันสาดในที่ดินของตนเอง ต่อมาได้แบ่งแยกที่ดินเป็นแปลง ๆ ทำให้กันสาดของตึกที่สร้างในที่ดินแปลงหนึ่งรุกล้ำเข้าไปในที่ดินที่แบ่งแยกอีกแปลงหนึ่ง กรณีจึงไม่อยู่ในบังคับแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 1312เพราะการรุกล้ำมิได้เกิดจากจำเลยเป็นผู้สร้าง มาตรา 1312 เป็นบทยกเว้นเรื่องส่วนควบและแดนกรรมสิทธิ์ โดยบุคคลผู้สร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริต มีสิทธิใช้ที่ดินของผู้อื่นในส่วนที่รุกล้ำนั้นได้ แต่ต้องเสียเงินให้แก่เจ้าของที่ดินเป็นค่าใช้ที่ดิน และจดทะเบียนสิทธิเป็นภารจำยอม คดีนี้จำเลยมิได้เป็นผู้สร้าง หากแต่เจ้าของที่ดินเดิมเป็นผู้สร้างในที่ดินของตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งไม่มีกฎหมายที่จะยกมาปรับคดีได้ จึงต้องนำป.พ.พ. มาตรา 4 มาใช้บังคับ คืออาศัยเทียบบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง ได้แก่มาตรา 1312 วรรคแรก คือจำเลยมีสิทธิใช้ส่วนแห่งแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์เฉพาะที่กันสาดรุกล้ำเข้าไปนั้นได้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อกันสาด แต่มีสิทธิที่จะเรียกเงินเป็นค่าที่จำเลยใช้ส่วนแห่งแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์ต่อไปแต่โจทก์มิได้ฟ้องขอให้บังคับเช่นนั้น คงฟ้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย จึงไม่อาจบังคับให้ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3104/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกที่ดินโดยการเทปูนและกางเต็นท์ในพื้นที่ส่วนรวม แม้มีสิทธิใช้ประโยชน์ แต่ต้องอยู่ในขอบเขตสมควร
โจทก์ร่วมเป็นเจ้าของที่ดินทั้งแปลง โจทก์ร่วมสร้างตึกแถวซึ่งรวมทั้งตึกแถวซึ่งจำเลยที่ 2 ซื้อไปด้วย โดยเว้นที่ว่างด้านหน้าตึกแถว 5 เมตร เพื่อเป็นทางเข้าออกจากถนนสุขุมวิทไปยังตึกแถวแต่ละห้อง โดยที่ดินหน้าตึกแถวยังเป็นของโจทก์ร่วมซึ่งจำเลยที่ 2 ผู้ซื้อตึกแถวย่อมรู้แต่แรกแล้ว แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะมีสิทธิใช้ที่ดินหน้าตึกแถว ก็ต้องใช้ในขอบเขตสมควร การที่จำเลยที่ 2 เทปูนซีเมนต์ตลอดจนกางเต็นท์ และตั้งขายรถจักรยานยนต์ในที่ดินหน้าตึกแถวของโจทก์ร่วมเป็นการใช้สิทธิเกินขอบเขต เป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมโดยปกติสุข จำเลยที่ 1ที่ 2 มีความผิดฐานบุกรุก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3104/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกที่ดินของผู้อื่น แม้มีสิทธิใช้ประโยชน์บ้าง การกระทำเกินขอบเขตถือเป็นความผิด
โจทก์ร่วมเป็นเจ้าของที่ดินทั้งแปลง โจทก์ร่วมสร้างตึกแถวซึ่งรวมทั้งตึกแถวซึ่งจำเลยที่ 2 ซื้อไปด้วย โดยเว้นที่ว่างด้านหน้าตึกแถว 5 เมตร เพื่อเป็นทางเข้าออกจากถนนสุขุมวิทไปยังตึกแถวแต่ละห้อง โดยที่ดินหน้าตึกแถวยังเป็นของโจทก์ร่วมซึ่งจำเลยที่ 2ผู้ซื้อตึกแถวย่อมรู้แต่แรกแล้ว แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะมีสิทธิใช้ที่ดินหน้าตึกแถว ก็ต้องใช้ในขอบเขตสมควร การที่จำเลยที่ 2เทปูนซีเมนต์ตลอดจนกางเต็นท์ และตั้งขายรถจักรยานยนต์ในที่ดินหน้าตึกแถวของโจทก์ร่วมเป็นการใช้สิทธิเกินขอบเขต เป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมโดยปกติสุข จำเลยที่ 1ที่ 2 มีความผิดฐานบุกรุก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2559/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการใช้ประโยชน์ทางร่วม และอายุความละเมิดต่อเนื่อง กรณีการปลูกสร้างสิ่งกีดขวางทางสาธารณะ
แม้ถนนสาธารณะอยู่ในความดูแลของสุขาภิบาล แต่ประชาชนทั่วไปก็มีสิทธิใช้ประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะโจทก์ซึ่งมีที่ดินและบ้านเรือนอยู่ติดถนนสาธารณะดังกล่าวย่อมได้รับประโยชน์จากการใช้ถนนสาธารณะนั้นยิ่งกว่าบุคคลทั่วไป การที่จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนปิดกั้นถนนสาธารณะเป็นเหตุให้โจทก์ไม่อาจใช้ประโยชน์ได้ตามปกติโจทก์ย่อมได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปได้.
การที่จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนลงในที่พิพาทอันเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ในอันที่จะใช้ประโยชน์จากที่พิพาทดังกล่าว เมื่อจำเลยยังไม่รื้อถอนโรงเรือนออกจากที่พิพาท การกระทำละเมิดของจำเลยยังคงมีอยู่ตลอดไปคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2559/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการใช้ประโยชน์ทางสาธารณะ การรุกล้ำที่ดิน และอายุความละเมิด
ถนนสาธารณะอยู่ในความดูแลของสุขาภิบาล แต่ประชาชนทั่วไปก็มีสิทธิใช้ประโยชน์ร่วมกัน โจทก์มีที่ดินและบ้านเรือนอยู่ติดถนนสาธารณะดังกล่าวย่อมได้รับประโยชน์จากการใช้ถนนสาธารณะนั้นยิ่งกว่าบุคคลทั่วไปการที่จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนปิดกั้นถนนสาธารณะเป็นเหตุให้โจทก์ไม่อาจใช้ประโยชน์ได้ตามปกติโจทก์ย่อมได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปได้ จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนลงในที่พิพาทอันเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ในอันที่จะใช้ประโยชน์จากที่พิพาทดังกล่าว เมื่อจำเลยยังไม่รื้อถอนโรงเรือนออกจากที่พิพาท การกระทำละเมิดของจำเลยยังคงมีอยู่ตลอดไป คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2559/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิใช้ประโยชน์ถนนสาธารณะ การละเมิดสิทธิ และอายุความของการกระทำละเมิดต่อเนื่อง
แม้ถนนสาธารณะจะอยู่ในความดูแลของสุขาภิบาล แต่ประชาชนทั่วไปก็มีสิทธิใช้ประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะโจทก์ซึ่งมีที่ดินและบ้านเรือนอยู่ติดถนนสาธารณะดังกล่าวย่อมได้รับประโยชน์จากการใช้ถนนสาธารณะนั้นยิ่งกว่าบุคคลทั่วไป การที่จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนปิดกั้นถนนสาธารณะเป็นเหตุให้โจทก์ไม่อาจใช้ประโยชน์ได้ตามปกติ โจทก์ย่อมได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปได้ การที่จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนลงในที่พิพาทอันเป็นถนนสาธารณะเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ในอันที่จะใช้ประโยชน์จากที่พิพาทดังกล่าว เมื่อจำเลยยังไม่รื้อถอนโรงเรือนออกจากที่พิพาท การกระทำละเมิดของจำเลยยังคงมีอยู่ตลอดไป คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3712/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินสงเคราะห์วัดหลังมรณภาพ & สิทธิการใช้ประโยชน์ที่ดินปลูกสร้างอาคาร
ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์สินที่ ผ.จดทะเบียนยกให้พระภิกษุฮ. ระหว่างเวลาที่อยู่ในสมณเพศ เมื่อพระภิกษุ ฮ. ถึงแก่มรณภาพ ที่ดินพิพาทจึงตกเป็นสมบัติของวัดโจทก์ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของพระภิกษุ ฮ. ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1623
พระภิกษุ ฮ. ให้จำเลยปลูกห้องแถวอาศัยอยู่ในดินถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีสิทธิในที่ดินใช้สิทธินั้นปลูกห้องแถวลงไว้ในที่ดินพิพาท ห้องแถวจึงไม่เป็นส่วนควบของที่ดินพิพาท และยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยอยู่ เมื่อโจทก์บอกกล่าวให้จำเลยออกไปจากที่ดินพิพาทแล้ว จำเลยไม่ยอมออกไป อันเป็นการละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่ จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3143/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ประโยชน์ที่ดินสาธารณะริมตลิ่ง: สิทธิของเจ้าของที่ดินติดเคียงและการฟ้องขับไล่
จำเลยปลูกบ้านลงในที่ริมตลิ่งอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน มิได้ปลูกรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิทำเขื่อนกั้นน้ำในที่ดินที่จำเลยปลูกบ้านได้ แต่สามารถทำเขื่อนภายในแนวเขตที่ดินของโจทก์ ทั้งโจทก์ยังมีทางอื่นที่จะใช้ลงสู่คลองได้ โดยไม่จำเป็นต้องผ่านตรงที่จำเลยปลูกบ้าน โจทก์ไม่ได้เสียหายเป็นพิเศษ ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 983/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรนัยและการยินยอมโดยปริยาย ทำให้สัญญาสมบูรณ์
ที่พิพาทมิใช่ที่สาธารณสมบัติหรือหวงห้าม แม้จะเป็นของกรมธนารักษ์และตกอยู่ในความดูแลขององค์การเชื้อเพลิงก็ตามแต่เมื่อโจทก์ได้เข้าครอบครองใช้ประโยชน์ในที่พิพาทต่อมาเป็นเวลานาน โดยองค์การเชื้อเพลิงมิได้ห้ามปรามทักท้วงประการใดพฤติการณ์เช่นนี้ถือว่าองค์การเชื้อเพลิงยินยอมโดยปริยายให้โจทก์มีสิทธิใช้ประโยชน์ในที่พิพาทและโจทก์อาจยอมให้บุคคลอื่นผู้ไม่มีสิทธิดีกว่าเข้าใช้ประโยชน์ด้วยได้ ฉะนั้น สัญญาขอใช้สถานที่ประกอบรถยนต์ในที่พิพาทที่จำเลยกระทำไว้ต่อโจทก์ จึงเป็นสัญญาที่สมบูรณ์ตามกฎหมายและมีผลบังคับให้จำเลยต้องเสียค่าตอบแทนตามสัญญา
คดีเดิมศาลยกฟ้องเพราะโจทก์ฟ้องโดยไม่ได้มีหนังสือยินยอมของสามีมิได้ชี้ขาดประเด็นข้อพิพาทคดีนี้สามีเป็นโจทก์ฟ้องร่วมกับโจทก์เดิมด้วยไม่เป็นฟ้องซ้ำ
of 4