พบผลลัพธ์ทั้งหมด 17 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 585/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องร้องกรณีรับขนของทางทะเล ใช้ 10 ปี หากไม่มีกฎหมายเฉพาะ
คดีเกี่ยวกับกฎหมายทะเลต้องบังคับตามกฎหมายและกฎข้อบังคับว่าด้วยการนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 609 วรรคท้าย แต่ปัจจุบันนี้กฎหมายและกฎข้อบังคับของประเทศไทยว่าด้วยการรับขนของ ทางทะเลยังไม่มี อายุความฟ้องร้องจึงมีกำหนด 10 ปี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 จะยกอายุความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 624 มาใช้บังคับหาได้ไม่ (อ้าง คำพิพากษาฎีกาที่ 1295/2516)
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเกี่ยวกับการขนสินค้าทางทะเลเนื่อง จากถุงบรรจุสินค้าฉีกขาดสินค้าสูญหายจำเลยให้การด้วยว่าตามเงื่อนไขใน ใบตราส่งมีข้อยกเว้นให้จำเลยไม่ต้องรับผิดในกรณีสินค้าสูญหายเกิดจากการ รั่วของภาชนะที่บรรจุศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ข้อยกเว้นความรับผิดตามใบตราส่งเป็นโมฆะ แต่เมื่อคดีโจทก์ขาดอายุความโจทก์ต้องแพ้พิพากษายกฟ้องเมื่อจำเลยมิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น และแม้จะว่ากล่าวโต้แย้งประเด็นข้อนี้ไว้ในคำแก้อุทธรณ์ แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำแก้อุทธรณ์เพราะเหตุจำเลยมิได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดจึงถือไม่ได้ว่าเป็น ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ฎีกาของจำเลยข้อนี้จึงต้องห้าม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเกี่ยวกับการขนสินค้าทางทะเลเนื่อง จากถุงบรรจุสินค้าฉีกขาดสินค้าสูญหายจำเลยให้การด้วยว่าตามเงื่อนไขใน ใบตราส่งมีข้อยกเว้นให้จำเลยไม่ต้องรับผิดในกรณีสินค้าสูญหายเกิดจากการ รั่วของภาชนะที่บรรจุศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ข้อยกเว้นความรับผิดตามใบตราส่งเป็นโมฆะ แต่เมื่อคดีโจทก์ขาดอายุความโจทก์ต้องแพ้พิพากษายกฟ้องเมื่อจำเลยมิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น และแม้จะว่ากล่าวโต้แย้งประเด็นข้อนี้ไว้ในคำแก้อุทธรณ์ แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำแก้อุทธรณ์เพราะเหตุจำเลยมิได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดจึงถือไม่ได้ว่าเป็น ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ฎีกาของจำเลยข้อนี้จึงต้องห้าม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1650/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหนี้จากการเบิกจ่ายเงินทดรองก่อสร้าง: ไม่ใช่หนี้สองปี แต่เป็นหนี้สิบปี
เงินที่บริษัทผู้ล้มละลายมอบให้ผู้ร้องซึ่งเป็นคนของบริษัทเองนำไปใช้จ่ายในการก่อสร้างที่บริษัทรับเหมาทำ หาเข้าลักษณะเป็นค่าที่ได้ออกเงินทดรองไป ตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) ไม่ จึงมิใช่หนี้ที่มีอายุความสองปี หรือห้าปีตามที่บัญญัติไว้ในบทมาตราดังกล่าว หากเป็นหนี้ที่มีอายุความสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 เมื่อนับจากวันที่บริษัทผู้ล้มละลายจ่ายเงินให้ผู้ร้องจนถึงวันที่เจ้าพนักงานพิทักษ์เรียกร้องให้ผู้ร้องชำระหนี้ ยังไม่ถึงสิบปี สิทธิเรียกร้องของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงยังไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1376/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนเงินจากการมอบหมายให้ซื้อของ – อายุความสิบปี
โจทก์มอบเงินให้จำเลยไปซื้อแร่ให้โจทก์ เมื่อไม่ได้มีการซื้อแร่ด้วยประการใดก็ต้องคืนโจทก์ เพราะเป็นเงินของโจทก์มอบให้จำเลยไปจัดการแทน หาใช่เป็นเงินที่จำเลยออกแทนโจทก์ไปก่อนตามความหมายของคำว่าทดรองไม่ มูลหนี้ดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่โจทก์เรียกเอาทรัพย์ที่มอบให้จำเลยไว้คืนจากจำเลย ซึ่งมีอายุความสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องเดียวกัน ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่ากรรมการผู้จัดการของโจทก์ลงชื่อในใบแต่งทนายความโดยไม่ประทับตราสำคัญของบริษัทโจทก์ตามที่ได้จดทะเบียนไว้พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยมิได้วินิจฉัยมูลคดี โจทก์ฟ้องคดีใหม่ได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องเดียวกัน ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่ากรรมการผู้จัดการของโจทก์ลงชื่อในใบแต่งทนายความโดยไม่ประทับตราสำคัญของบริษัทโจทก์ตามที่ได้จดทะเบียนไว้พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยมิได้วินิจฉัยมูลคดี โจทก์ฟ้องคดีใหม่ได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 275/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งภารจำยอมโดยการใช้ทางต่อเนื่องเกินสิบปี และการฟ้องขอทางภารจำยอมที่มิเคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องชัดแจ้งว่า ขอให้เปิดทางภารจำยอมถึงแม้จะมีความกล่าวว่าเป็นทางจำเป็นด้วยก็เป็นเพียงข้ออ้างว่านอกจากเป็นทางภารจำยอมแล้วยังเป็นทางจำเป็นอีกด้วย ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์กับพวกใช้ทางพิพาทเป็นประจำมาเกินกว่าสิบปีภารจำยอมย่อมเกิดขึ้นเป็นคุณแก่ที่ดินโจทก์แล้วการที่โจทก์ไม่ได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินผ่านตลอดปีหาทำให้การใช้ทางเดินนั้นขาดตอนไม่ติดต่อกันไม่ได้
(อ้างฎีกา 1318/2501)
เมื่อจำเลยอ้างว่าโจทก์ที่ดินในทางพิพาทโดยถือวิสาสะจำเลยต้องนำสืบข้ออ้าง
โจทก์กับพวกใช้ทางพิพาทเป็นประจำมาเกินกว่าสิบปีภารจำยอมย่อมเกิดขึ้นเป็นคุณแก่ที่ดินโจทก์แล้วการที่โจทก์ไม่ได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินผ่านตลอดปีหาทำให้การใช้ทางเดินนั้นขาดตอนไม่ติดต่อกันไม่ได้
(อ้างฎีกา 1318/2501)
เมื่อจำเลยอ้างว่าโจทก์ที่ดินในทางพิพาทโดยถือวิสาสะจำเลยต้องนำสืบข้ออ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 740/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดและครอบครองเกินสิบปี ทำให้ได้กรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย
ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดไว้เอง โดยมีข้อตกลงว่าจะยอมให้ผู้อื่นซื้อไปได้ในเมื่อเอาเงินมาชำระให้ตนนั้น ไม่ใช่เรื่องซื้อที่ดินแทนผู้อื่นในทางเป็นตัวแทน แต่เป็นสัญญาในทางซื้อขาย ฉะนั้นเมื่อได้ครอบครองอย่างเป็นเจ้าของมาเกินสิบปีแล้วแม้ยังไม่ได้โอนโฉนดที่ดินก็ย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้ซื้อตามมาตรา1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 677/2550 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องเริ่มนับระยะเวลาหลังออกโฉนด และต้องครอบครองต่อเนื่องครบ 10 ปี จึงมีผล
การครอบครองปรปักษ์ที่ดินของผู้อื่นจนได้กรรมสิทธิ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 นั้น อสังหาริมทรัพย์ที่จะถูกครอบครองปรปักษ์จนได้กรรมสิทธิ์ จะต้องเป็นของบุคคลอื่น ซึ่งก็คือบุคคลนั้นจะต้องมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั่นเอง หลักฐานที่แสดงว่าผู้ใดเป็นเจ้าของหรือมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์นั้นคือโฉนดที่ดินเพราะเป็นหลักฐานทางทะเบียนของทางราชการ ดังนั้น การครอบครองที่ดินของผู้อื่น อันจะเป็นเหตุให้ผู้ครอบครองได้กรรมสิทธิ์นั้นจะต้องเป็นการครอบครองที่ดินของผู้อื่นที่ได้ออกโฉนดแล้วเท่านั้น ทั้งจะต้องครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปีด้วย เมื่อทางราชการเพิ่งออกโฉนดที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ทั้งห้าเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2539 เช่นนี้ การนับระยะเวลาการครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทจึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2539 เป็นต้นไปเท่านั้นระยะเวลาที่ครอบครองก่อนที่ดินพิพาทออกโฉนดไม่อาจนำมานับรวมกันได้ เมื่อคิดถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2540 ซึ่งเป็นวันที่จำเลยทั้งสองฟ้องแย้งขอให้ศาลพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองจึงยังไม่ถึงสิบปีจำเลยทั้งสองจึงไม่อาจได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 677/2550
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องเริ่มนับระยะเวลาหลังออกโฉนดเท่านั้น และต้องครอบครองติดต่อกัน 10 ปี
การครอบครองที่ดินของผู้อื่น อันจะเป็นเหตุให้ผู้ครอบครองได้กรรมสิทธิ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 นั้น ต้องเป็นการครอบครองที่ดินของผู้อื่นที่ได้ออกโฉนดแล้วเท่านั้น ทั้งจะต้องครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปีด้วย เมื่อทางราชการเพิ่งออกโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์ทั้งห้าเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2539 นับถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2540 ซึ่งเป็นวันที่จำเลยทั้งสองฟ้องแย้ง ยังไม่ถึงสิบปี จำเลยทั้งสองจึงยังไม่ได้กรรมสิทธิ์
จำเลยทั้งสองจะนับระยะเวลาที่ครอบครองที่พิพาทก่อนที่พิพาทออกโฉนดรวมเข้าด้วยไม่ได้เพราะการครอบครองปรปักษ์จะมีได้แต่เฉพาะที่ดินมีกรรมสิทธิ์เท่านั้น
จำเลยทั้งสองจะนับระยะเวลาที่ครอบครองที่พิพาทก่อนที่พิพาทออกโฉนดรวมเข้าด้วยไม่ได้เพราะการครอบครองปรปักษ์จะมีได้แต่เฉพาะที่ดินมีกรรมสิทธิ์เท่านั้น