คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ส่งมอบทรัพย์สิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 45 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8530/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาไม่สมบูรณ์หากยังไม่มีการส่งมอบทรัพย์สิน แม้ในสัญญาจะระบุว่ามีการส่งมอบแล้ว
แม้ข้อความในสัญญาที่จำเลยให้เครื่องวิทยุคมนาคมและอุปกรณ์แก่โจทก์จะระบุว่าจำเลยตกลงโอนกรรมสิทธิ์ในเครื่องวิทยุคมนาคมให้แก่โจทก์ผู้รับนับแต่วันทำสัญญา และโจทก์ได้รับมอบเครื่องวิทยุคมนาคมพร้อมอุปกรณ์ดังกล่าวแล้ว แต่ตามข้อเท็จจริงปรากฏว่าในวันทำสัญญานั้นจำเลยไม่ได้ส่งมอบเครื่องวิทยุคมนาคมและอุปกรณ์ให้แก่โจทก์ ดังนั้น สัญญาให้ดังกล่าวจึงขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 523 ซึ่งบัญญัติว่า การให้ย่อมสมบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ให้ สัญญาให้จึงไม่สมบูรณ์ เช่นเดียวกับสัญญาเช่าใช้เครื่องวิทยุคมนาคมและอุปกรณ์ระหว่างจำเลยกับโจทก์ที่ทำในวันเดียวกันนั้น เมื่อโจทก์ไม่ได้ส่งมอบทรัพย์สินที่เช่าให้จำเลยนำไปใช้ แม้ในสัญญาจะมีข้อความว่าจำเลยตกลงนำเครื่องวิทยุคมนาคมและอุปกรณ์ไปติดตั้ง ณ หน่วยงานของจำเลย สัญญาเช่าก็ไม่สมบูรณ์เนื่องจากขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 546 ซึ่งกำหนดว่า ผู้ให้เช่าต้องส่งมอบทรัพย์สินซึ่งให้เช่านั้นในสภาพอันซ่อมแซมดีแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเช่า ค่าเสียหายและบังคับให้จำเลยคืนวิทยุคมนาคมพร้อมอุปกรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5228/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เลิกสัญญาซื้อขายเนื่องจากผู้ขายส่งมอบทรัพย์สินไม่ตรงตามสัญญา ผู้ขายต้องคืนเงินมัดจำ
จำเลยที่1ส่งมอบที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์น้อยกว่าจำนวนเนื้อที่ที่ตกลงซื้อขายกันตามสัญญาถึงเกือบครึ่งเป็นการส่งมอบที่ดินที่ขาดตกบกพร่องถึงขนาดซึ่งหากโจทก์ได้ทราบก่อนแล้วคงจะมิได้เข้าทำสัญญากับจำเลยที่1อย่างแน่นอนโจทก์จึงมีสิทธิบอกปัดเสียหรือเลิกสัญญาแก่จำเลยที่1การที่โจทก์บอกปัดไม่ยอมรับโอนที่ดินพิพาทและไม่ชำระราคาที่ดินพิพาทส่วนที่เหลือให้จำเลยที่1ตามสัญญากรณีจึงต้องถือว่าโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแก่จำเลยที่1ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา466วรรคสองแล้วคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจึงจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งกลับคืนสู่ฐานะเดิมตามมาตรา391จำเลยที่1จึงต้องคืนเงินมัดจำให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1496/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องขาดการส่งมอบทรัพย์สิน: ผู้ซื้อมีสิทธิฟ้องภายใน 1 ปีนับจากวันส่งมอบ หากที่ดินที่ส่งมอบไม่ครบตามสัญญา
ที่ดินที่จำเลยขายให้แก่โจทก์มีเนื้อที่85ตารางวามิได้มีเนื้อที่ส่วนใดรุกล้ำเข้าไปในเขตทางหลวงดังนั้นที่จำเลยส่งมอบที่ดินให้แก่โจทก์โดยชี้ว่าเขตที่ดินด้านทิศใต้อยู่ห่างจากจุดกึ่งกลางทางหลวง7.50เมตรตามที่โจทก์ฟ้องซึ่งความจริงแล้วเขตที่ดินด้านที่อยู่ห่างจากจุดกึ่งกลางทางหลวงมากกว่าที่จำเลยชี้อันเป็นผลทำให้ที่ดินที่จำเลยส่งมอบให้แก่โจทก์มีเนื้อที่ขาดไป30ตารางวาจึงเป็นกรณีที่จำเลยผู้ขายส่งมอบทรัพย์สินที่ขายให้แก่โจทก์ผู้ซื้อขาดตกบกพร่องไม่ครบจำนวนตามที่ตกลงซื้อขายกันโจทก์ผู้ซื้อจึงต้องฟ้องให้จำเลยรับผิดภายใน1ปีนับแต่วันที่จำเลยส่งมอบทรัพย์สินที่ซื้อขายให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา467

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2630/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งมอบทรัพย์สินตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยต้องส่งมอบในสภาพที่ดีและพร้อมใช้งาน
ศาลมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความว่า จำเลยยอมจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์บ้านพิพาท (ทาวน์เฮาส์) จำนวน 2 ห้อง ในสภาพที่ดีพร้อมที่ดินให้โจทก์ภายในเวลาที่กำหนด หากผิดนัดยอมชดใช้ค่าเสียหาย จำเลยได้โอนบ้านพิพาทให้แก่โจทก์ตามกำหนด แต่บ้านหลังหนึ่งยังไม่มีฝ้าเพดานห้องน้ำและทั้งสองหลังไม่อาจใช้ไฟฟ้าได้เพราะยังไม่ได้ติดตั้งมิเตอร์ บ้านพิพาทเป็นที่อยู่อาศัย บ้านที่มีสภาพดีจะต้องมีสภาพเข้าอยู่อาศัยเป็นปกติสุขได้ ไฟฟ้ามีความจำเป็นสำหรับความเป็นอยู่ในปัจจุบัน เป็นหน้าที่ของจำเลยที่ต้องจัดการให้เรียบร้อยสมบูรณ์ก่อนส่งมอบ จำเลยมีเวลาเกือบ 5 เดือน ในการปฎิบัติตามสัญญา แต่หาได้ตรวจสอบดูแลสภาพของบ้านพิพาทก่อนว่ามีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง หรือไม่สมบูรณ์เพื่อจะปรับปรุงแก้ไขให้อยู่ในสภาพที่ดีก่อนโอนกรรมสิทธิ์ส่งมอบไม่ แสดงว่าไม่นำพาจะปฏิบัติตามสัญญาให้ครบถ้วน ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้โอนกรรมสิทธิ์บ้านพิพาทให้แก่โจทก์ในสภาพที่ดีแล้ว และมิใช่ข้อบกพร่องเล็กน้อย หรืออยู่นอกเหนือสัญญาประนีประนอมยอมความจำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2630/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งมอบทรัพย์สินตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ต้องส่งมอบในสภาพที่ใช้การได้ตามปกติ
ศาลมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความว่าจำเลยยอมจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์บ้านพิพาท(ทาวน์เฮ้าส์)จำนวน2ห้องในสภาพที่ดีพร้อมที่ดินให้โจทก์ภายในเวลาที่กำหนดหากผิดนัดยอมชดใช้ค่าเสียหายจำเลยได้โอนบ้านพิพาทให้แก่โจทก์ตามกำหนดแต่บ้านหลังหนึ่งยังไม่มีฝ้าเพดานห้องน้ำและทั้งสองหลังไม่อาจใช้ไฟฟ้าได้เพราะยังไม่ได้ติดตั้งมิเตอร์เป็นหน้าที่ของจำเลยที่ต้องจัดการให้เรียบร้อยสมบูรณ์ก่อนส่งมอบจำเลยมีเวลาเกือบ5เดือนในการปฏิบัติตามสัญญาแต่หาได้ตรวจสอบดูแลสภาพของบ้านพิพาทก่อนว่ามีสิ่งใดขาดตกบกพร่องหรือไม่สมบูรณ์เพื่อจะปรับปรุงแก้ไขให้อยู่ในสภาพที่ดีก่อนโอนกรรมสิทธิ์ส่งมอบไม่แสดงว่าไม่นำพาจะปฏิบัติตามสัญญาให้ครบถ้วนและมิใช่ข้อบกพร่องเล็กน้อยหรืออยู่นอกเหนือสัญญาประนีประนอมยอมความจำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาและต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5564/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนการครอบครองที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญฯ โดยการส่งมอบทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1378
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ขาดที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์และได้ส่งมอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ ครอบครองแล้วจริง แต่จากการที่ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน ย่อมโอนการครอบครองกันได้โดยเพียงส่งมอบทรัพย์สินที่ครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1378 การซื้อขายที่ดินพิพาทจึงเป็นไปโดยชอบ ฉะนั้นโจทก์จึงมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทการที่โจทก์จำเลยซื้อขายที่ดินพิพาทโดยไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จะเป็นโมฆะหรือไม่ ไม่เป็นเหตุให้โจทก์เสียสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทที่โจทก์ซื้อจากจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2404/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการมรดก: สิทธิผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล และหน้าที่ของทายาทในการส่งมอบทรัพย์สิน
ศาลมีคำสั่งตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายโดยบรรดาทายาทของผู้ตายซึ่งรวมทั้งจำเลยเห็นชอบให้โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ถือว่าจำเลยได้สละสิทธิในการเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมแล้ว เมื่อจำเลยยอมให้โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล โจทก์ ย่อมมีสิทธิและหน้าที่แต่เพียงผู้เดียวที่จะรวบรวมทรัพย์มรดกของผู้ตายมาจัดการแบ่งปันให้แก่ทายาท การเรียกเอาโฉนดที่ดินและเอกสารเกี่ยวกับทรัพย์มรดกที่จำเลยยึดถือครอบครองอยู่ในฐานะผู้จัดการมรดก เพื่อจัดการมรดกให้เสร็จสิ้นไปก็เป็นสิทธิของโจทก์ที่จะเรียกเอาได้ ส่วนที่จำเลยอ้างว่าโจทก์จัดการมรดกไม่ถูกต้องนั้นจำเลยมีสิทธิขอให้เพิกถอนผู้จัดการมรดกหรือฟ้องขอแบ่งมรดกให้ถูกต้องได้ เมื่อโจทก์ยังคงเป็นผู้จัดการมรดกอยู่จำเลยซึ่งเป็นทายาทคนหนึ่งจึงต้องส่งมอบโฉนดที่ดินและเอกสารให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2100/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีส่งมอบทรัพย์สินขาดตกบกพร่อง เริ่มนับแต่วันส่งมอบทรัพย์สิน ผู้ซื้อต้องฟ้องภายใน 1 ปี
จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินให้แก่โจทก์ จำนวน 104 ตารางวาโดยจะแบ่งแยกที่ดินจากที่ดินฝืนใหญ่เป็นที่ดินแปลงย่อย 4 แปลงมีเนื้อที่แปลงละ 26 ตารางวา ต่อมาเมื่อแบ่งแยกแล้วปรากฏว่าที่ดินทั้งสี่แปลงมีเนื้อที่แปลงละ 24 ตารางวา คงขาดเนื้อที่ดินไปแปลงละ 2 ตารางวา รวม 8 ตารางวา ถือว่าผู้ขายคือจำเลยส่งมอบที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์ที่ซื้อขายขาดตกบกพร่อง โจทก์ต้องฟ้องคดีให้จำเลยรับผิดในการแบ่งแยกที่ดินให้โจทก์อีก 8 ตารางวาหรือชดใช้เงินแทนภายในกำหนด 1 ปี นับแต่เวลาส่งมอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 467

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 107/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่า: อำนาจฟ้อง แม้ไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สิน, การยกข้อต่อสู้ใหม่, และการส่งมอบทรัพย์สินหลังคำพิพากษา
แม้ทรัพย์สินที่ให้เช่าจะมิใช่ทรัพย์สินของโจทก์ แต่เมื่อจำเลยยอมทำสัญญาเช่ากับโจทก์แล้ว ทั้งสองฝ่ายย่อมต้องผูกพันตามสัญญา เมื่อจำเลยผิดสัญญา โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลย การที่กรรมการบริษัทพ.จะมีมติให้โจทก์นำทรัพย์สินของบริษัทออกให้เช่าหรือไม่และน้องสาวโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่เช่าจะให้อำนาจโจทก์นำทรัพย์สินออกให้เช่าช่วงได้หรือไม่ มิใช่ข้อสำคัญเพราะกรณีเป็นข้อพิพาทระหว่างโจทก์จำเลยซึ่งเป็นคู่สัญญาในสัญญาเช่ามิใช่เป็นเรื่องการพิพาทกันระหว่างเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่เช่ากับจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่า และเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่เช่าก็มิได้โต้แย้งอำนาจของโจทก์ในการนำทรัพย์สินดังกล่าวออกให้เช่าแต่ประการใด ข้อต่อสู้ที่ว่าจำเลยทำสัญญาเช่าในฐานะตัวแทนของบริษัทฉ.นั้น มิได้มีอยู่ในคำให้การของจำเลย ทั้งประเด็นดังกล่าวมิใช่เป็นส่วนหนึ่งของข้อต่อสู้เรื่องอำนาจฟ้อง จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น ปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ว่า ภายหลังศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วจำเลยได้ส่งมอบทรัพย์สินอันเป็นวัตถุแห่งหนี้ตามสัญญาเช่าบางส่วนคืนแก่โจทก์แล้ว ซึ่งโจทก์แก้ฎีกาว่าไม่เคยได้รับมอบทรัพย์สินดังกล่าวคืนจากจำเลย เป็นเรื่องอันเกี่ยวด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง ซึ่งอยู่ในอำนาจของศาลที่ได้พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีในชั้นต้นที่จะทำคำวินิจฉัยชี้ขาด ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 302 วรรคแรก เมื่อศาลชั้นต้นอันเป็นศาลที่ได้พิจารณาชี้ขาดคดีในชั้นต้นยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในปัญหาดังกล่าวจำเลยจะฎีกาข้ามขั้นขึ้นมาหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 754/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ล้มละลายต้องมีจำนวนแน่นอน การบังคับให้ชำระหนี้ค่าทรัพย์สินและการส่งมอบทรัพย์สินคืน
พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14 กำหนดให้ศาลพิจารณาเอาความจริงตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 9 ดังนั้น แม้คู่ความจะมิได้ยกขึ้นโต้เถียงในประเด็นเกี่ยวกับหนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องอาจกำหนดจำนวนได้โดยแน่นอนหรือไม่ ศาลฎีกาย่อมยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เช่าซื้อเครื่องยนต์เรือไปจากโจทก์แล้วผิดสัญญาเช่าซื้อเป็นผลให้สัญญาเลิกกัน โจทก์ยังคงมีกรรมสิทธิ์ในเครื่องยนต์เรือที่จำเลยที่ 1 เช่าซื้อไป จำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องส่งคืนเครื่องยนต์เรือที่เช่าซื้อ หากคืนไม่ได้จึงจะใช้ราคาดังนั้น มูลหนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องจำเลยขอให้ล้มละลาย จึงเป็นมูลหนี้ส่งมอบทรัพย์สินคืน เมื่อหนี้ส่งมอบเครื่องยนต์เรือคืนยังอยู่ในสภาพที่อาจบังคับกันได้ จึงไม่แน่นอนว่าหนี้ที่จะบังคับให้ใช้ราคาแทนการส่งมอบเครื่องยนต์เรือจะมีหรือไม่หนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องจึงยังไม่อาจกำหนดจำนวนได้แน่นอน โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลล้มละลายไม่ได้.
of 5