พบผลลัพธ์ทั้งหมด 60 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 868/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายนัดโดยชอบตามภูมิลำเนาเดิม แม้มีการย้ายภูมิลำเนาแล้ว แต่ไม่แจ้งให้ศาลทราบ
จำเลยที่ 2 อ้างเหตุในคำขอให้พิจารณาใหม่ว่า จำเลยที่ 2ไม่เคยทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ เพราะได้ย้ายไปจากภูมิลำเนาตามฟ้องตั้งแต่ปี 2536 แล้ว ซึ่งหากได้ความตามคำร้องดังกล่าว การส่งหมายนัดสืบพยานประเด็นโจทก์ให้แก่จำเลยที่ 2 โดยวิธีปิดหมายก็ย่อมไม่ชอบ มีผลทำให้การสืบพยานประเด็นโจทก์และนัดต่อ ๆ มาจนถึงวันนัดฟังคำพิพากษาเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบถือว่าจำเลยที่ 2 มิได้ทราบวันนัดสืบพยานและนัดฟังคำพิพากษากรณีเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยที่ 2จะมิได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะหยิบยกปัญหาดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142(5) ประกอบด้วยมาตรา 225 เพราะเป็นกรณีที่เกี่ยวกับการที่ได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่จะยังให้การไปโดยยุติธรรม แต่เมื่อข้อเท็จจริงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า ในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ 2 นั้น จำเลยที่ 2มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ 207/23-24 ถนนอ่อนนุชและในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยที่ 2 ยังมีภูมิลำเนาอยู่ที่เดิม ดังนี้ แม้ต่อมาจำเลยที่ 2 ได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงภูมิลำเนาเป็นเลขที่ 300/46 ถนนอ่อนนุชก็ตาม แต่ตามเอกสารดังกล่าวไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ที่ใหม่ตั้งแต่เมื่อใด เมื่อจำเลยที่ 2ไม่นำสืบให้ปรากฏชัด ทั้งไม่เคยแจ้งการย้ายภูมิลำเนาไปที่ใหม่ให้ศาลทราบจึงต้องถือว่าจำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนาอยู่ที่เดิมตามฟ้อง ฉะนั้น การส่งหมายนัดไปให้จำเลยที่ 2และนัดต่อ ๆ มาจนถึงนัดฟังคำพิพากษาโดยวิธีการใดก็ตามย่อมถือว่าเป็นการส่งให้จำเลยที่ 2 โดยชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2700/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาที่ชอบด้วยกฎหมาย: การปิดหมายทดแทนเมื่อส่งไม่ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 78
ถ้าการส่งคำคู่ความหรือเอกสารหากไม่สามารถจะทำได้ดั่งที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ.มาตรา 78 ศาลอาจสั่งให้ส่งโดยวิธีอื่นแทนได้ กล่าวคือปิดคำคู่ความหรือเอกสารไว้ในที่แลเห็นได้ง่าย ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของคู่ความตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 79 วรรคหนึ่ง ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าการส่งคำคู่ความหรือเอกสารไม่สามารถจะทำได้ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 78 ศาลจะต้องสั่งให้เป็นกิจจะลักษณะเสียก่อนว่าให้ส่งโดยวิธีปิดคำคู่ความหรือเอกสารได้ เมื่อไม่ปรากฏว่า การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่สามารถจะทำได้ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 78 และไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ปิดหมายนัดเป็นกิจจะลักษณะ เพราะในหมายนัดก็มีข้อความที่พิมพ์แต่เพียงว่า "หมายศาล - ปิดหมาย"เท่านั้น ทั้งเจ้าหน้าที่ส่งหมายก็รายงานว่า บริษัทจำเลยย้ายกิจการออกไปนานแล้ว แม้การปิดหมาย ณ สถานที่ดังกล่าวในชั้นส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง จำเลยสามารถยื่นคำให้การได้ก็ตามแต่เวลาก็ล่วงเลยมานานถึงสามปีเศษแล้ว และเมื่อปรากฏว่าขณะปิดหมายนัดสถานที่ที่ปิดหมายดังกล่าวไม่ใช่ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของจำเลย การปิดหมายจึงไม่ชอบตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าวข้างต้น การที่จำเลยไม่มาศาลย่อมไม่อาจถือได้ว่าจำเลยได้ทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันดังกล่าว และถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังโดยชอบแล้ว ศาลฎีกาชอบที่จะเพิกถอนการอ่านคำพิากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะในส่วนที่อ่านให้จำเลยฟัง และให้ศาลชั้นต้นนัดจำเลยมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ใหม่ได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 27 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2564/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาที่ชอบด้วยกฎหมาย สำนักงานทนายความเลิกกิจการแล้ว
หากข้อเท็จจริงได้ความตามคำร้อง ของ จำเลยที่ 1 และที่ 2ว่าสำนักงานของทนายจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามที่พนักงานเดินหมายไปปิดหมายนั้นได้เลิกประกอบกิจการไปนานแล้ว ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ในสำนักงานดังกล่าว ซึ่งพนักงานเดินหมาย ก็ทราบดี จำเลยที่ 1 และที่ 2 ย่อมไม่อาจทราบเรื่องหมายนัด ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ ชอบที่ศาลชั้นต้นจะต้องทำการ ไต่สวนให้ได้ความว่าการส่งหมายนัดดังกล่าวให้จำเลยที่ 1 และ ที่ 2 ชอบแล้วหรือไม่ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7830/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาที่สำนักทำการงานของจำเลยชอบด้วยกฎหมายตาม ป.วิ.พ.มาตรา 74
การส่งคำคู่ความหรือเอกสารอื่นใดโดยเจ้าพนักงานศาลตาม ป.วิ.พ.มาตรา 74 นั้น ให้ปฏิบัติดั่งนี้...(2) ให้ส่งแก่คู่ความหรือบุคคลซึ่งระบุไว้ในคำคู่ความหรือเอกสาร ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของคู่ความหรือบุคคลนั้น... ดังนั้น การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาให้แก่จำเลย โดยเจ้าพนักงานศาล จึงไม่จำเป็นต้องส่งให้แก่จำเลย ณ ภูมิลำเนาของจำเลยเท่านั้น แต่อาจส่งให้แก่จำเลย ณ สำนักทำการงานของจำเลยได้
บ้านเลขที่ 409 เป็นสำนักงานของบริษัท อ. ซึ่งจำเลยเป็นผู้บริหารและนั่งทำงานประจำอยู่ที่สำนักงานนั้นทุกวัน บ้านเลขที่ดังกล่าวจึงเป็นสำนักทำการงานของจำเลย และในการดำเนินคดีนี้ โจทก์ได้ดำเนินการส่งหมายเรียก สำเนาคำฟ้อง และหมายต่าง ๆ ให้จำเลยที่บ้านเลขที่ 409 ดังกล่าวดังนี้ การที่เจ้าพนักงานศาลส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่จำเลยณ บ้านเลขที่ดังกล่าวซึ่งเป็นสำนักทำการงานของจำเลย จึงเป็นการส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่จำเลยโดยชอบด้วยกฎหมายตาม ป.วิ.พ.มาตรา74 แล้ว
บ้านเลขที่ 409 เป็นสำนักงานของบริษัท อ. ซึ่งจำเลยเป็นผู้บริหารและนั่งทำงานประจำอยู่ที่สำนักงานนั้นทุกวัน บ้านเลขที่ดังกล่าวจึงเป็นสำนักทำการงานของจำเลย และในการดำเนินคดีนี้ โจทก์ได้ดำเนินการส่งหมายเรียก สำเนาคำฟ้อง และหมายต่าง ๆ ให้จำเลยที่บ้านเลขที่ 409 ดังกล่าวดังนี้ การที่เจ้าพนักงานศาลส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่จำเลยณ บ้านเลขที่ดังกล่าวซึ่งเป็นสำนักทำการงานของจำเลย จึงเป็นการส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่จำเลยโดยชอบด้วยกฎหมายตาม ป.วิ.พ.มาตรา74 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7830/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาที่สำนักทำการงานของจำเลยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 74
การส่งคำคู่ความหรือเอกสารอื่นใดโดยเจ้าพนักงานศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 74นั้น ให้ปฏิบัติดังนี้ (2) ให้ส่งแก่คู่ความหรือบุคคลซึ่งระบุไว้ในคำคู่ความหรือเอกสาร ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของคู่ความหรือบุคคลนั้น ดังนั้น การ ส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาให้แก่จำเลย โดยเจ้าพนักงานศาลจึงไม่จำเป็นต้องส่งให้แก่จำเลย ณ ภูมิลำเนาของจำเลยเท่านั้น แต่อาจส่งให้แก่จำเลย ณ สำนักทำการงานของจำเลยได้ บ้านเลขที่ 409 เป็นสำนักงานของบริษัทอ.ซึ่งจำเลยเป็นผู้บริหารและนั่งทำงานประจำอยู่ที่สำนักงานนั้นทุกวัน บ้านเลขที่ดังกล่าวจึงเป็นสำนักทำการงานของจำเลย และในการดำเนินคดีนี้โจทก์ได้ดำเนินการส่งหมายเรียก สำเนาคำฟ้องและหมายต่าง ๆ ให้จำเลยที่บ้านเลขที่ 409 ดังกล่าว ดังนี้ การที่เจ้าพนักงานศาลส่งหมายนัด ฟัง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่จำเลย ณ บ้านเลขที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นสำนักทำการงานของจำเลย จึงเป็นการส่งหมายนัด ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่จำเลยโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 74 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 78/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาที่ชอบด้วยกฎหมาย แม้ส่งให้ทนายความเพียงคนเดียว และปิดหมายที่ภูมิลำเนาทนายความ
การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยสั่งให้ส่งหมายนัดตามข้อความในคำสั่งของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา76วรรคหนึ่งคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ปิดหมายนัดจึงชอบแล้ว ว.เป็นทนายโจทก์โดยครั้งหลังสุดว. แจ้งที่อยู่ตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่าอยู่บ้านเลขที่49/4หมู่11ถนนสุขาภิบาล3แขวงมีนบุรีเขตมีนบุรี ฉะนั้นบ้านเลขที่ดังกล่าวจึงเป็นภูมิลำเนาของว. การที่เจ้าพนักงานเดินหมายปิดหมายไว้ณบ้านเลขที่ดังกล่าวซึ่งเป็นภูมิลำเนาของว. จึงชอบแล้วและแม้โจทก์จะมีทนายความ2คนแต่ว. ก็เป็นทนายความซึ่งโจทก์ตั้งแต่งให้ว่าคดีการส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่ว.เพียงคนเดียวจึงเป็นการส่งโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา75ถือได้ว่าฝ่ายโจทก์ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5706/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาที่ไม่ชอบ ศาลชั้นต้นพิจารณาว่าการส่งให้ทนายชอบแล้ว โจทก์อุทธรณ์เหตุไม่ทราบวันนัด แต่ไม่โต้แย้งคำสั่งศาล
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ใหม่อ้างว่า ส่งหมายนัดแก่โจทก์ไม่ชอบเพราะไม่มีผู้ใดไปส่งหมายนัดหรือนำไปปิดศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า แม้จะฟังว่าการส่งหมายนัดแก่โจทก์ไม่ชอบ แต่ก็มีการส่งให้แก่ทนายโจทก์โดยชอบแล้ว จึงมีคำสั่งยกคำร้อง ดังนี้ อุทธรณ์ของโจทก์ที่อ้างว่าการส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ให้แก่ พ.ซึ่งเป็นเสมียนทนายของ บ.แต่ได้ลาออกไปแล้วเพราะมีเหตุขัดแย้งกับ บ.โดยหยุดงานไปเลยและมิได้แจ้งให้ใครทราบ และมิได้แจ้งหรือนำหมายนัดให้แก่ทนายโจทก์ทราบแต่ประการใดทนายโจทก์จึงไม่ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์นั้น เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่า ตัวโจทก์เองก็ไม่ได้รับหมายนัดหรือมีบุคคลใดนำหมายนัดไปปิดไว้ที่บ้านโจทก์ โจทก์จึงไม่ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยไว้ แต่ปัญหาดังกล่าวแม้จะเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นก็ตาม แต่โจทก์ก็เพียงแต่อธิบายยืนยันถึงเหตุที่ว่าโจทก์ไม่ได้รับหมายนัดและไม่ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เท่านั้น โดยมิได้โต้แย้งหรือคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นว่าไม่ชอบอย่างไรจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ.มาตรา 225 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5397/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายนัดข้ามเขตและการทิ้งฟ้อง: ศาลมีหน้าที่แจ้งผลการส่งหมายให้โจทก์ทราบ
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์นำส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยภายใน 7 วัน หากส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงภายใน 7 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้มิฉะนั้นจะถือว่าทิ้งฟ้อง เป็นการสั่งให้โจทก์เป็นผู้นำส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องแต่ปรากฏว่าคดีนี้ จำเลยทั้งสองมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลแขวงนครปฐม ศาลชั้นต้นคือศาลแขวงพระนครใต้จึงมีหนังสือแจ้งให้ศาลแขวงนครปฐมให้ดำเนินการส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทั้งสองแทน ต่อมาศาลแขวงนครปฐมได้แจ้งผลการส่งหมายมายังศาลชั้นต้นว่า ส่งให้ไม่ได้ ศาลชั้นต้นได้สั่งว่า รอโจทก์แถลง ดังนี้จึงเป็นการแสดงว่าโจทก์มิได้เป็นผู้นำส่ง หากแต่เป็นการส่งหมายข้ามเขตซึ่งศาลเป็นผู้ส่งเอง เมื่อศาลชั้นต้นมิได้แจ้งผลการส่งหมายดังกล่าวให้โจทก์ทราบ โจทก์ย่อมไม่มีทางทราบถึงผลการส่งหมายดังกล่าว การที่โจทก์มิได้ยื่นคำแถลงให้ดำเนินการต่อไปจึงยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ไม่ได้ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดอันเป็นการทิ้งฟ้องตาม ป.วิ.พ.มาตรา 174 (2) ประกอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5397/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายนัดข้ามเขตและการทิ้งฟ้อง: ศาลต้องแจ้งผลการส่งหมายให้โจทก์ทราบก่อนพิจารณาว่าทิ้งฟ้องหรือไม่
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์นำส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยภายใน 7 วัน หากส่งไม่ได้ให้โจทก์ภายใน 7 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้มิฉะนั้นจะถือว่าทิ้งฟ้องเป็นการสั่งให้โจทก์เป็นผู้นำส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องแต่ปรากฏว่าคดีนี้ จำเลยทั้งสองมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลแขวงนครปฐม ศาลชั้นต้นคือศาลแขวงพระนครใต้จึงมีหนังสือแจ้งให้ศาลแขวงนครปฐมให้ดำเนินการส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทั้งสองแทน ต่อมาศาลแขวงนครปฐมได้แจ้ง ผลการส่งหมายมายังศาลชั้นต้นว่า ส่งให้ไม่ได้ ศาลชั้นต้นได้สั่งว่า รอโจทก์แถลง ดังนี้จึงเป็นการแสดงว่าโจทก์มิได้เป็นผู้นำส่ง หากแต่เป็นการส่งหมายข้ามเขตซึ่งศาลเป็นผู้ส่งเอง เมื่อศาลชั้นต้นมิได้แจ้งผลการส่งหมายดังกล่าว ให้โจทก์ทราบ โจทก์ย่อมไม่มีทางทราบถึงผลการส่งหมายดังกล่าวการที่โจทก์มิได้ยื่นคำแถลงให้ดำเนินการต่อไปจึงยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ไม่ได้ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดอันเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4525/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาเพิกถอนกระบวนพิจารณาได้
พนักงานเดินหมายได้นำหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปส่งให้ม. ทนายจำเลยทั้งสองยังภูมิลำเนาแต่ไม่พบเนื่องจากสถานที่ดังกล่าวปิดประตูใส่กุญแจบุคคลข้างเคียงแจ้งว่าม.ย้ายสำนักงานไปอยู่ที่อื่นแล้วพนักงานเดินหมายจึงปิดหมายไว้ตามคำสั่งศาลเห็นได้ชัดว่าม. ไม่อาจทราบนัดได้ถือว่าเป็นกรณีที่ไม่สามารถส่งหมายให้ได้โดยวิธีธรรมดาควรส่งใหม่อีกครั้งหลังจากทราบแน่ชัดว่าภูมิลำเนาของม. ยังมิได้ย้ายไปอยู่ที่อื่นหรือควรสั่งให้ประกาศหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายธรรมดาประกอบกับยังมีตัวจำเลยทั้งสองคนศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะส่งหมายนัดให้แก่ตัวความทั้งสองทราบอีกชั้นหนึ่งด้วยดังนั้นการที่จำเลยทั้งสองไม่มาศาลย่อมไม่อาจถือว่าได้ทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันดังกล่าวและถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสองฟังโดยชอบแล้วศาลฎีกาชอบที่จะเพิกถอนกระบวนพิจารณาดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา27