คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หน่วงเหนี่ยว

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 59 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 370/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานหน่วงเหนี่ยว กักขัง และทำร้ายร่างกายเล็กน้อย ศาลพิจารณาความผิดตามบทที่เหมาะสม
จำเลยใช้มือจับแขนขวาของผู้เสียหายกระชากไพล่ไปทางด้านหลังเป็นเหตุให้เส้นเอ็นที่หัวไหล่ขวาของผู้เสียหายอักเสบเล็กน้อยไม่มีบาดแผลหรือช้ำบวมภายนอก ใช้เวลารักษาประมาณ 15 วัน ถือว่าไม่เป็นอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ที่ฟ้องแต่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 ซึ่งศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดที่พิจารณาได้ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 370/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายและหน่วงเหนี่ยวกักขัง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมาย
จำเลยเพียงแต่ใช้มือจับแขนขวาของผู้เสียหายกระชากไพล่ไปทางด้านหลังเป็นเหตุให้เส้นเอ็นที่หัวไหล่ขวาของผู้เสียหายอักเสบเล็กน้อย ไม่มีบาดแผลช้ำบวมภายนอก ใช้เวลารักษาประมาณ 15 วัน ถือว่าไม่เป็นอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391แม้โจทก์ฟ้องให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยในการกระทำความผิดตามที่พิจารณาได้ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้ายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3460/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุกรุก, ข่มขืนใจ, หน่วงเหนี่ยว, กรณีอดีตคู่สมรสบังคับขู่เข็ญ
ขณะเกิดเหตุโจทก์ร่วมไม่ได้เป็นภรรยาน้อยของจำเลยเพราะต่างสมัครใจเลิกร้างขาดจากการอยู่กินฉันสามีภรรยากันแล้ว การที่จำเลยถืออาวุธปืนเข้าไปในบ้านของโจทก์ร่วมพูดในลักษณะขู่เข็ญว่าจำเลยจะกลับมาอยู่กินกับโจทก์ร่วมให้ได้ ใช้มือจิกผมโจทก์ร่วมโดยโจทก์ร่วมไม่ได้อนุญาตให้จำเลยเข้าไปจึงเป็นการเข้าไปในบ้านของโจทก์ร่วมโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันสมควรเป็นความผิดฐานบุกรุก และการที่จำเลยไม่ยอมให้โจทก์ร่วมออกไปจากห้องนอนรวมระยะเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง เพื่อบังคับให้โจทก์ร่วมยอมให้จำเลยอยู่กินกับโจทก์ร่วมดังเดิมจนกระทั่งมีคนมาเกลี้ยกล่อม จำเลยจึงยอมปล่อยให้โจทก์ร่วมออกมาจากห้องนอนการกระทำของจำเลยเป็นการพยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ๆ และหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น ซึ่งการกระทำของจำเลยดังกล่าวมานี้เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3460/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุกรุก, ข่มขืนใจ, หน่วงเหนี่ยวกักขัง: การกระทำผิดฐานอาญาหลายบทจากการบุกรุกบ้านและข่มขู่
ขณะเกิดเหตุโจทก์ร่วมไม่ได้เป็นภรรยาน้อยของจำเลยเพราะต่างสมัครใจเลิกร้างขาดจากการอยู่กินฉันสามีภรรยากันแล้ว การที่จำเลยถืออาวุธปืนเข้าไปในบ้านของโจทก์ร่วมพูดในลักษณะ ขู่เข็ญว่าจำเลยจะกลับมาอยู่กินกับโจทก์ร่วมให้ได้ใช้มือจิกผมโจทก์ร่วมไม่ได้อนุญาตให้จำเลยเข้าไปจึงเป็นการ เข้าไปในบ้านของโจทก์ร่วมโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันสมควรเป็นความผิดฐานบุกรุก และการที่จำเลยไม่ยอมให้โจทก์ร่วมออกไปจากห้องนอนรวมระยะเวลาประมาณ4 ชั่วโมง เพื่อบังคับให้โจทก์ร่วมยอมให้จำเลยอยู่กินกับโจทก์ร่วมดังเดิม จนกระทั่งมีคนมาเกลี้ยกล่อม จำเลยจึงยอมปล่อยให้โจทก์ร่วมออกมาจากห้องนอนการกระทำของจำเลย เป็นการพยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ๆ และหน่วงเหนี่ยว หรือกักขังผู้อื่น ซึ่งการกระทำของจำเลยดังกล่าวมานี้ เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2577/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขรก.ตำรวจปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หน่วงเหนี่ยวการประกันตัวผู้ต้องหา ทำให้เกิดความเสียหาย
จำเลยเป็นข้าราชการตำรวจซึ่งเกี่ยวข้องกับการที่โจทก์เป็นผู้ต้องหาและถูกจับมาควบคุมไว้ การที่จำเลยพูดในตอนแรกที่ญาติโจทก์แสดงความจำนงขอประกันตัวโจทก์ว่าจะประกันไปทำไมจะตัดนิสัย2-3 วันก่อน และว่าจำเลยไม่ว่าง จะไปตั้งด่านตรวจ แต่จำเลยกลับไปรับประทานอาหารโดยมิได้ตั้งด่านตรวจตามที่พูดไว้นานเกือบ1 ชั่วโมง จึงกลับมาที่สถานีตำรวจแล้วจำเลยพูดกับญาติโจทก์อีกครั้งหนึ่งว่าจะประกันไปทำไม ตอนนี้ผู้เสียหายกำลังแรงให้ถูกขัง4-5 วันก่อน จากนั้นจำเลยก็ออกไปโต๊ะสนุกเกอร์ ดังนี้ จำเลยมีหน้าที่จะต้องอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้มาติดต่อ และตามข้อบังคับกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยระเบียบการดำเนินคดีอาญาฯ และมีหน้าที่ต้องขวนขวายกระวีกระวาดแนะนำชี้แจงแก่ญาติโจทก์ที่มาติดต่อขอประกันตัวโจทก์ว่าจะยื่นเรื่องราวได้อย่างไร นำเสนอแก่ใครและจำเลยต้องคอยให้โอกาสในการที่คนเหล่านั้นจะได้ดำเนินการดังกล่าว ไปด้วยดี รวดเร็วและเรียบร้อยตามสมควรแก่เวลาและพฤติการณ์ การกระทำ ของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ผู้ถูกคุมขัง เป็นความผิด ตาม ป.อ. มาตรา 157.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4760/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพรากผู้เยาว์ หน่วงเหนี่ยว กักขัง และข่มขืน ศาลฎีกาปรับบทลงโทษให้ถูกต้องตามหลักกรรมต่างกัน
แม้โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่ที่ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยทั้งสองใน ความผิดฐานพรากผู้เยาว์กับฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษฐาน พรากผู้เยาว์บทหนักนั้น ยังไม่ถูกต้อง เนื่องจากกรณีเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ศาลฎีกาปรับบทลงโทษให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1514/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพาไปเพื่ออนาจาร, หน่วงเหนี่ยว, และพรากผู้เยาว์: การกระทำต่อเนื่องเป็นกรรมเดียว
จำเลยที่ 1 กับพวกขับรถพาผู้เสียหายไปยังที่เปลี่ยวแล้วปลุกปล้ำจับหน้าอกและถอดเสื้อกางเกงผู้เสียหาย พอดีมีรถยนต์บรรทุกผ่านมา จำเลยที่ 1 จึงขับรถพาผู้เสียหายไปยังบ่อเลี้ยงปลาและดึงตัวผู้เสียหายลงมาจากรถ จำเลยที่ 1 กอดจูบผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 กระชากกางเกงของผู้เสียหายออก ผู้เสียหายดิ้นหลุดแล้วกระโดดลงไปในบ่อเลี้ยงปลา จำเลยที่ 1 ที่ 2 กับพวกพูดข่มขู่ว่าถ้าไม่ขึ้นมาจะตามลงไปกดให้ตายบ้าง จะเอาไฟฟ้าช็อตบ้าง ทั้งมีพวกจำเลยบางคนถอดเสื้อกางเกงออกหมด บางคนเหลือแต่กางเกงในเป็นเหตุให้ผู้เสียหายไม่กล้าขึ้น ต้องทนทรมานอยู่ในบ่อถึง 1 ชั่วโมงเศษ และที่ผู้เสียหาขึ้นจากบ่อก็เพราะถูกหลอกว่าพวกจำเลยไปหมดแล้ว ผู้เสียหายจึงขึ้นมาแล้วถูกจำเลยที่ 1 ที่ 2 กับพวกจับตัว ข่มขืนกระทำชำเราการกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงเป็นความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารและฐานหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ
การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 หน่วงเหนี่ยวผู้เสียหายไว้ก็เพื่อมุ่งประสงค์ที่จะเอาตัวผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเรา ซึ่งเป็นความประสงค์มาตั้งแต่ แรกแล้ว การกระทำดังกล่าวจึงต่อเนื่องกันตลอดมาโดยไม่ขาดตอน การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
แม้จะได้ความว่า ผู้เสียหายออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่น แต่มารดาก็ยังให้สร้อยทองคำ ถือได้ว่ามารดายังอุปการะเลี้ยงดูผู้เสียหายอยู่ การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 พาผู้เสียหายไปกระทำอนาจารโดยผู้เสียหายไม่ยินยอมถือได้ว่าเป็นการล่วงอำนาจปกครองของบิดามารดาจึงเป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์
หมายเหตุ วรรคสองวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 3/2532

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1514/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเรา, พรากผู้เยาว์, หน่วงเหนี่ยว, พาหญิงไปเพื่อการอนาจาร: ความผิดกรรมเดียว, การพิพากษาโทษ
จำเลยที่ 1 กับพวกขับรถพาผู้เสียหายไปยังที่เปลี่ยวแล้วปลุกปล้ำจับหน้าอกและถอดเสื้อกางเกงผู้เสียหาย พอดีมีรถยนต์บรรทุกผ่านมาจำเลยที่ 1 จึงขับรถพาผู้เสียหายไปยังบ่อเลี้ยงปลาและดึงตัวผู้เสียหายลงมาจากรถจำเลยที่ 1 กอดจูบผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 กระชากกางเกงของผู้เสียหายออกผู้เสียหายดิ้นหลุดแล้วกระโดดลงไปในบ่อเลี้ยงปลา จำเลยที่ 1 ที่ 2 กับพวกพูดข่มขู่ว่าถ้าไม่ขึ้นมาจะตามลงไปกดให้ตายบ้าง จะเอาไฟฟ้าช็อตบ้าง ทั้งมีพวกจำเลยบางคนถอดเสื้อกางเกงออกหมด บางคนเหลือแต่กางเกงในเป็นเหตุให้ผู้เสียหายไม่กล้าขึ้นต้องทนทรมานอยู่ในบ่อถึง 1 ชั่วโมงเศษ และที่ผู้เสียหายขึ้นจากบ่อก็เพราะถูกหลอกว่าพวกจำเลยไปหมดแล้ว ผู้เสียหายจึงขึ้นมาแล้วถูกจำเลยที่ 1 ที่ 2 กับพวกจับตัวข่มขืนกระทำชำเรา การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงเป็นความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารและฐานหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 หน่วงเหนี่ยวผู้เสียหายไว้ก็เพื่อมุ่งประสงค์ที่จะเอาตัวผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเรา ซึ่งเป็นความประสงค์มาตั้งแต่แรกแล้ว การกระทำดังกล่าวจึงต่อเนื่องกันตลอดมาโดยไม่ขาดตอน การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท แม้จะได้ความว่า ผู้เสียหายออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่น แต่มารดาก็ยังให้สร้อยทองคำ ถือได้ว่ามารดายังอุปการะเลี้ยงดูผู้เสียหายอยู่การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 พาผู้เสียหายไปกระทำอนาจารโดยผู้เสียหายไม่ยินยอมถือได้ว่าเป็นการล่วงอำนาจปกครองของบิดามารดาจึงเป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1514/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเรา, พรากผู้เยาว์, หน่วงเหนี่ยว, พาหญิงไปอนาจาร: ความผิดต่อเนื่องและล่วงละเมิดอำนาจปกครอง
จำเลยที่ 1 กับพวกขับรถพาผู้เสียหายไปยังที่เปลี่ยวแล้วปลุกปล้ำจับหน้าอกและถอด เสื้อกางเกงผู้เสียหาย พอดีมีรถยนต์บรรทุกผ่านมา จำเลยที่ 1 จึงขับรถพาผู้เสียหายไปยังบ่อเลี้ยงปลาและดึง ตัว ผู้เสียหายลงมาจากรถ จำเลยที่ 1 กอดจูบ ผู้เสียหาย จำเลยที่ 2กระชากกางเกงของผู้เสียหายออก ผู้เสียหายดิ้น หลุดแล้วกระโดดลงไปในบ่อเลี้ยงปลา จำเลยที่ 1 ที่ 2 กับพวกพูดข่มขู่ว่าถ้า ไม่ขึ้นมาจะตามลงไปกดให้ตาย บ้าง จะเอาไฟฟ้าช็อต บ้าง ทั้งมีพวกจำเลยบางคนถอด เสื้อกางเกงออกหมด บางคนเหลือแต่ กางเกงในเป็นเหตุให้ผู้เสียหายไม่กล้าขึ้น ต้อง ทนทรมานอยู่ในบ่อถึง 1 ชั่วโมง เศษ และที่ผู้เสียหาขึ้นจากบ่อก็เพราะถูก หลอกว่าพวกจำเลยไปหมดแล้ว ผู้เสียหายจึงขึ้นมาแล้วถูก จำเลยที่ 1 ที่ 2 กับพวกจับตัว ข่มขืนกระทำชำเราการกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงเป็นความผิดฐาน พาหญิงไปเพื่อการอนาจารและฐาน หน่วงเหนี่ยวผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 หน่วงเหนี่ยวผู้เสียหายไว้ก็เพื่อมุ่งประสงค์ที่จะเอาตัว ผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเรา ซึ่ง เป็นความประสงค์มาตั้งแต่ แรกแล้ว การกระทำดังกล่าวจึงต่อเนื่องกันตลอดมาโดย ไม่ขาดตอน การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท แม้จะได้ความว่า ผู้เสียหายออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่น แต่ มารดาก็ยังให้สร้อยทองคำ ถือได้ว่ามารดายังอุปการะเลี้ยงดูผู้เสียหายอยู่การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 พาผู้เสียหายไปกระทำอนาจารโดย ผู้เสียหายไม่ยินยอมถือได้ว่าเป็นการล่วงอำนาจปกครองของบิดามารดาจึงเป็นความผิดฐาน พรากผู้เยาว์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 446/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการคัดค้านการขายทอดตลาดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การกระทำที่เจตนาหน่วงเหนี่ยวการบังคับคดี
เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลย 4 ครั้ง ซึ่งการขายแต่ละครั้งจำเลยคัดค้านว่าขายได้ราคาต่ำ ขอให้ประกาศขายใหม่ สำหรับการขายครั้งที่สามจำเลยยอมรับว่าถ้าได้ราคาสูงสุดเท่าใดก็ให้ขายในราคานั้นจำเลยจะไม่คัดค้านไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้นและเมื่อประกาศขายครั้งที่สี่ มีผู้ให้ราคาสูงสุดจำเลยก็คัดค้านอีกว่าขายได้ราคาต่ำ การขายไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย พฤติการณ์ของจำเลยเช่นนี้มีลักษณะเป็นการหน่วงเหนี่ยวการบังคับคดีเพื่อให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ได้รับความเสียหาย การขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีดังกล่าวถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายแล้ว.(ที่มา-ส่งเสริม)
of 6