พบผลลัพธ์ทั้งหมด 21 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3441/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมบังคับคดี: ผู้ยื่นคำขอให้ยึดทรัพย์สินมีหน้าที่ชำระเมื่อไม่มีการขายทอดตลาด
โจทก์ตกลงให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมเป็น19 งวด งวดละเดือน และขณะโจทก์ขอหมายบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยนั้น โจทก์ได้รับชำระหนี้แต่ละงวดตามที่ตกลงกันนั้น เมื่อต่อมาโจทก์ได้รับชำระหนี้ครบถ้วนทั้ง 19 งวด แล้วศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่ง เพิกถอนการบังคับคดี การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการบังคับ คดีครั้งนี้มิใช่เพราะเหตุที่จำเลยได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติ ป.วิ.พ. มาตรา 295(1)จึงไม่ใช่การถอนการบังคับคดีตามบทบัญญัติ ดังกล่าว แต่เป็นเรื่องการยึดทรัพย์จำเลยซึ่งไม่ใช่ตัวเงินแล้ว ไม่มีการขายหรือจำหน่าย ตามบทบัญญัติในมาตรา 149 วรรคแรก เมื่อโจทก์เป็นผู้ดำเนินกระบวนพิจารณาขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดี ไปทำการยึดทรัพย์สินของจำเลย จึงถือว่าโจทก์ได้ดำเนินกระบวน พิจารณาอย่างอื่นตามที่ระบุไว้ในบทบัญญัติดังกล่าวเมื่อไม่มี การขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินที่ยึดไว้ โจทก์จึงมีหน้าที่ จะต้อง ชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี หาใช่จำเลยจะต้องเป็นผู้ชำระไม่ และกรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 295 ตรี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1047/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่ชำระภาษีบำรุงท้องที่ของผู้จัดการทรัพย์สินลูกหนี้ในคดีล้มละลาย การแจ้งการประเมินภาษีและการโต้แย้งสิทธิ
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ ปรากฏว่าลูกหนี้เป็นหนี้ค่าภาษีบำรุงท้องที่ต่อโจทก์ เจ้าพนักงานประเมินของโจทก์จึงได้แจ้งการประเมินไปยังจำเลยเพื่อให้ชำระค่าภาษีดังกล่าว ดังนี้ การแจ้งการประเมินจึงเป็นการปฏิบัติตามวิธีการที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ.2508 มาตรา 48 ไม่ใช่เรื่องการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 91 การที่จำเลยมีหนังสือไปถึงผู้อำนวยการเขตลาดกระบังแจ้งว่าหนี้ค่าภาษีบำรุงท้องที่เป็นหนี้ไม่อาจขอรับชำระได้นั้น เป็นเรื่องที่นอกเหนืออำนาจตามกฎหมาย เท่ากับเป็นเพียงการแจ้งความคิดเห็นของจำเลยไปให้ผู้อำนวยการเขตลาดกระบังทราบเท่านั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยมีคำวินิจฉัยในเรื่องคำขอรับชำระหนี้ จึงไม่มีผลผูกพันใด ๆ ต่อโจทก์ โจทก์จึงไม่ต้องร้องคัดค้านความเห็นของจำเลยตามพระราช-บัญญัติล้มละลาย มาตรา 146 ก่อน ฉะนั้น การที่จำเลยไม่ชำระค่าภาษีบำรุงท้องที่แก่โจทก์จึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
จำเลยเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของลูกหนี้เนื่องจากลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และได้จัดให้เช่าที่ดินของลูกหนี้ จำเลยจึงมีหน้าที่ชำระภาษีบำรุงท้องที่ ตามมาตรา 35 วรรคสอง หนี้เงินภาษีดังกล่าวเป็นหนี้ที่กฎหมายบังคับให้ต้องชำระ แม้จะเกิดขึ้นภายหลังจากที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้วจำเลยก็ยังมีหน้าทื่ชำระหนี้แทนลูกหนี้
จำเลยเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของลูกหนี้เนื่องจากลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และได้จัดให้เช่าที่ดินของลูกหนี้ จำเลยจึงมีหน้าที่ชำระภาษีบำรุงท้องที่ ตามมาตรา 35 วรรคสอง หนี้เงินภาษีดังกล่าวเป็นหนี้ที่กฎหมายบังคับให้ต้องชำระ แม้จะเกิดขึ้นภายหลังจากที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้วจำเลยก็ยังมีหน้าทื่ชำระหนี้แทนลูกหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5302/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำเข้าสินค้า, หน้าที่ชำระภาษีอากร, การประเมินราคา, และข้อยกเว้นการเรียกดอกเบี้ย
การนำสินค้าเข้าเป็นอันสำเร็จแต่ขณะที่เรือซึ่งนำของเช่นนั้นได้เข้ามาในเขตท่าที่จะถ่ายของจากเรือหรือท่าที่มีชื่อส่งของถึงเมื่อจำเลยนำสินค้าเข้ามาในอาณาจักรสำเร็จ จึงมีหน้าที่ต้องชำระค่าภาษีอากรให้โจทก์ ส่วนที่จำเลยอ้างว่าจำเลยได้คืนสินค้าพิพาทให้แก่ผู้ขายและผู้ขายได้คืนเงินค่าสินค้าให้จำเลยแล้ว ไม่ทำให้ความรับผิดของจำเลยเปลี่ยนแปลงไป ปัญหาว่าโจทก์ประเมินราคาสินค้าพิพาทสูงเกินไปไม่ใช่ราคาอันแท้จริงในท้องตลาดนั้น พยานจำเลยเลื่อนลอยปราศจากพยานหลักฐานอ้างอิง ทั้งตามคำอุทธรณ์ของจำเลยก็มิได้โต้แย้งราคาประเมินสินค้าพิพาทที่โจทก์ได้ประเมินไว้เพียงแต่ขอให้ระงับการปรับ พยานโจทก์จึงมีน้ำหนักมากกว่าพยานจำเลย โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกเงินเพิ่มร้อยละหนึ่งต่อเดือนของค่าอากรที่นำมาชำระนับแต่วันที่ได้ส่งมอบของจนถึงวันที่นำเงินมาชำระ ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 112 จัตวา กับเงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือน สำหรับภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา89 ทวิ อันมีลักษณะคล้ายดอกเบี้ยอยู่แล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยให้ชำระดอกเบี้ยตาม ป.พ.พ. มาตรา 224 อีก และปัญหานี้เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลยนั้นชอบแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5110/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีถึงที่สุด ผู้เสียภาษีมีหน้าที่ชำระ แม้การประเมินไม่ถูกต้อง ศาลภาษีอากรกลางไม่มีอำนาจวินิจฉัย
จำเลยที่ 1 รับแจ้งการประเมินแล้ว ไม่อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามที่ประมวลรัษฎากรบัญญัติไว้ การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินที่เรียกเก็บภาษีการค้าเพิ่มจากจำเลยที่ 1 ย่อมถึงที่สุด จำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องชำระหนี้ค่าภาษีอากรตามฟ้องและเมื่อการประเมินถึงที่สุดแล้ว จึงไม่มีปัญหาว่ายอดรายรับที่เจ้าพนักงานประเมินใช้ในการประเมินภาษีชอบหรือไม่ ทั้งปัญหาดังกล่าวไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลภาษีอากรกลางจึงไม่มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5110/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีถึงที่สุด: ผู้เสียภาษีมีหน้าที่ชำระหากไม่โต้แย้งการประเมิน
เมื่อจำเลยที่ 1 ได้รับแจ้งการประเมินแล้ว หากการประเมินไม่ชอบอย่างไร จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ต้องเสียภาษีอากรมีสิทธิที่จะอุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ หากจำเลยที่ 1ไม่อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินที่เรียกเก็บภาษีการค้าเพิ่มจากจำเลยที่ 1ย่อมถึงที่สุด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4883/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าฤชาธรรมเนียมจากการอายัดเงินชั่วคราวก่อนพิพากษา ผู้ร้องขออายัดมีหน้าที่ชำระเมื่อศาลยกเลิกอายัด
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง หมวด 3 ค่าฤชาธรรมเนียมมาตรา 149 วรรคแรกนั้น บัญญัติว่า ค่าธรรมเนียมศาลในการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่นตามที่ระบุไว้ในตารางท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น ให้คู่ความผู้ดำเนินกระบวนพิจารณานั้น ๆ เป็นผู้ชำระ เมื่อโจทก์เป็นผู้ดำเนินการร้องขอให้ศาลมีคำสั่งอายัดเงินที่กรมทรัพยากรธรณีต้องชำระให้แก่จำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษา ถือได้ว่าโจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่นตามมาตรานี้แล้ว เมื่อต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกเลิกอายัดชั่วคราวตามคำร้องขอของจำเลย โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องชำระค่าฤชาธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีเมื่อยึดหรืออายัดเงินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายตามตาราง 5 ข้อ 4 ท้ายประมวลกฎหมายดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4127/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อค้างชำระ: ผู้เช่าซื้อมีหน้าที่ชำระค่าเช่าซื้อจนกว่าจะบอกเลิกสัญญา ศาลลดเบี้ยปรับสูงเกินสมควร
ข้อสัญญาเช่าซื้อซึ่งมีข้อความว่า ถ้าผู้ให้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อหรือยึดทรัพย์ที่เช่าซื้อคืน ผู้เช่าซื้อยังต้องรับผิดชดใช้เงินค่าเช่าซื้อทุกงวดที่ค้างชำระพร้อมเบี้ยปรับร้อยละ 20 ของเงินดังกล่าวนั้น เป็นข้อกำหนดการชำระค่าเช่าซื้อระหว่างที่ยังมิได้มีการเลิกสัญญากันพร้อมทั้งเบี้ยปรับกรณีผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ มิใช่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ดังนั้น เมื่อมีการเลิกสัญญากันผู้เช่าซื้อจึงมีหน้าที่ชำระค่าเช่าซื้อก่อนเลิกสัญญาทั้งหมด ส่วนเบี้ยปรับสูงเกินส่วนศาลฎีกาให้ลดลงเป็นดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2054/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานเอกสารที่ไม่เป็นไปตามรูปแบบ และหน้าที่การชำระเงินสมทบกองทุนเงินทดแทน
แม้โจทก์จะมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานเอกสารที่อ้างและมิได้ส่งสำเนาเอกสารให้จำเลยภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดก็ตามแต่เมื่อศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจรับฟังพยานเอกสารดังกล่าวเพราะเห็นว่า เป็นพยานหลักฐานอันสำคัญเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีจำเป็น จะต้องสืบพยานเช่นว่านั้น เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลชั้นต้นรับฟังพยานหลักฐานนั้นได้
โจทก์ได้แจ้งการประเมินเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนให้จำเลยทราบโดยชอบแล้ว จำเลยมิได้อุทธรณ์การประเมินดังกล่าวต่อคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบ จำเลยก็ต้องจ่ายเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนให้โจทก์
โจทก์ได้แจ้งการประเมินเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนให้จำเลยทราบโดยชอบแล้ว จำเลยมิได้อุทธรณ์การประเมินดังกล่าวต่อคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบ จำเลยก็ต้องจ่ายเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1839/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่ชำระค่าแชร์ของผู้ประมูลและผู้ค้ำประกัน แม้ยังไม่ถึงกำหนดชำระ
จำเลยเป็นลูกวงแชร์ได้ประมูลแชร์ในเดือนมีนาคมได้ มีหน้าที่จะต้องชำระค่าแชร์คืนโจทก์ ซึ่งเป็นนายวงเป็นงวดประจำเดือนตั้งแต่เดือนเมษายนถึงกันยายน เมื่อจำเลยปฏิเสธไม่ชำระค่าแชร์ให้แก่โจทก์ ปัญหาว่าค่าแชร์งวดประจำเดือนมิถุนายนถึงกันยายนจะถึงกำหนดชำระแล้วหรือไม่ จึงไม่สำคัญ จำเลยต้องชำระค่าแชร์งวดประจำเดือนมิถุนายนถึงกันยายนให้แก่โจทก์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1398/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่ชำระค่าเช่าของผู้เช่า แม้มีการต่อสู้คดีก่อนหน้า และการผิดนัดชำระค่าเช่าเป็นเหตุให้ถูกขับไล่
เดิมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2494 โจทก์เคยฟ้องขับไล่จำเลยโดยอ้างว่าจำเลยเป็นผู้อาศัยนายเป่งส่ำนายเป่งส่ำได้ออกจากห้องพิพาทไปแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิอยู่ต่อไป คดีนั้นจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยเองเป็นผู้เช่าจากโจทก์และได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ศาลฎีกาพิพากษาว่าจำเลยเป็นผู้เช่าและได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ พิพากษายกฟ้องโจทก์ตามคำพิพากษาฎีกาที่1356/2496ซึ่งอ่านให้โจทก์จำเลยฟังเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2497
ดังนี้จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระค่าเช่าตั้งแต่เดิมคือตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2494(วันที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยอาศัย)ตลอดมา จะอ้างว่าระหว่างพิจารณาคดีเรื่องก่อน (ตั้งแต่ ก.พ. 94 ถึงวันฟังคำพิพากษาศาลฎีกา 24 เม.ย. 97) จำเลยไม่ต้องชำระเพราะคดีนั้นโจทก์ฟ้องว่าจำเลยอาศัย โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเช่านั้นไม่ได้
จำเลยกลับนำค่าเช่าสำหรับเดือนมกราคม กับเดือนกุมภาพันธ์2497 รวม 2 เดือนไปชำระโจทก์โดยถือว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกย้อนหลังขึ้นไปจากนี้ เมื่อโจทก์ไม่ยอมรับจึงไม่ใช่ความผิดของโจทก์ และพฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าแล้ว ทั้งต่อมาเดือนเมษายนโจทก์ส่งคนไปเก็บค่าเช่าที่ค้างทั้งหมดรวม 39 เดือนจำเลยก็ไม่ชำระโจทก์เตือนอีกจำเลยก็ไม่ชำระ ดังนี้เรียกว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่ามากกว่า 2 คราวติดๆ กันตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ มาตรา 16(1) แล้ว โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้
ดังนี้จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระค่าเช่าตั้งแต่เดิมคือตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2494(วันที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยอาศัย)ตลอดมา จะอ้างว่าระหว่างพิจารณาคดีเรื่องก่อน (ตั้งแต่ ก.พ. 94 ถึงวันฟังคำพิพากษาศาลฎีกา 24 เม.ย. 97) จำเลยไม่ต้องชำระเพราะคดีนั้นโจทก์ฟ้องว่าจำเลยอาศัย โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเช่านั้นไม่ได้
จำเลยกลับนำค่าเช่าสำหรับเดือนมกราคม กับเดือนกุมภาพันธ์2497 รวม 2 เดือนไปชำระโจทก์โดยถือว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกย้อนหลังขึ้นไปจากนี้ เมื่อโจทก์ไม่ยอมรับจึงไม่ใช่ความผิดของโจทก์ และพฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าแล้ว ทั้งต่อมาเดือนเมษายนโจทก์ส่งคนไปเก็บค่าเช่าที่ค้างทั้งหมดรวม 39 เดือนจำเลยก็ไม่ชำระโจทก์เตือนอีกจำเลยก็ไม่ชำระ ดังนี้เรียกว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่ามากกว่า 2 คราวติดๆ กันตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ มาตรา 16(1) แล้ว โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้