พบผลลัพธ์ทั้งหมด 27 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2195/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความแตกต่างวันเกิดเหตุในฟ้อง ไม่เป็นเหตุให้ยกฟ้อง หากจำเลยไม่หลงต่อสู้
ในคดีความผิดฐานปล้นทรัพย์ แม้ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาว่าเกิดเหตุวันที่ 8 ธันวาคม 2513 แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่าเกิดเหตุวันที่ 7 ธันวาคม 2513ก็จริง แต่ก็มิใช่เป็นข้อแตกต่างในสารสำคัญ เพราะวันเวลาที่เกิดเหตุเป็นเพียงรายละเอียดที่โจทก์จะต้องกล่าวในฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 เท่านั้นและเมื่อจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ก็จะยกฟ้องด้วยเหตุนี้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 93/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วันเวลาเกิดเหตุในฟ้อง ไม่ใช่สาระสำคัญ หากจำเลยไม่หลงต่อสู้ ศาลยังสามารถลงโทษได้
วันเวลาเกิดเหตุในคำฟ้องเป็นเพียงรายละเอียดที่โจทก์บรรยายมาในฟ้อง หาใช่ข้อสารสำคัญไม่ ฉะนั้น แม้ทางพิจารณาจะฟังว่าเหตุเกิดคนละวันกับที่ระบุมาในฟ้องและจำเลยก็มิได้หลงข้อต่อสู้ย่อมเป็นฟ้องที่ใช้ได้ (เทียบฎีกาที่ 926/2510 ในที่ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 228/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร: แม้ฟ้องฐานลักทรัพย์ แต่หากเป็นยักยอก ศาลลงโทษได้หากไม่ต่างสาระสำคัญและจำเลยไม่หลงต่อสู้
เรือเจ้าทรัพย์ถูกคนร้ายลักไป หากเรือนั้นจะหลุดลอยจากคนร้ายมาได้อย่างไร หาเป็นข้อสารสำคัญไม่ เรือก็ยังคงเป็นทรัพย์มีเจ้าของที่หายไปอยู่
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้ง 2 ร่วมกันรับของโจร
แต่ถ้าฟังได้ว่าจำเลยรับของโจรคนละที ศาลก็ลงโทษจำเลยแต่ละคนฐานรับของโจรได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยรับเอาเรือของกลางไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของร้ายที่ได้มาโดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ แต่ปรากฏในการพิจารณาว่าจำเลยรับเอาเรือของกลางไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของร้ายที่ได้มาโดยการกระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ทั้งจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ ดังนี้ ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้องในสารสำคัญ ย่อมลงโทษจำเลยฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2510)
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้ง 2 ร่วมกันรับของโจร
แต่ถ้าฟังได้ว่าจำเลยรับของโจรคนละที ศาลก็ลงโทษจำเลยแต่ละคนฐานรับของโจรได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยรับเอาเรือของกลางไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของร้ายที่ได้มาโดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ แต่ปรากฏในการพิจารณาว่าจำเลยรับเอาเรือของกลางไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของร้ายที่ได้มาโดยการกระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ทั้งจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ ดังนี้ ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้องในสารสำคัญ ย่อมลงโทษจำเลยฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2510)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 228/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร: แม้ความผิดฐานลักทรัพย์เปลี่ยนเป็นยักยอกทรัพย์ ศาลยังลงโทษฐานรับของโจรได้ หากมิใช่ข้อสารสำคัญที่จำเลยหลงต่อสู้
เรือเจ้าทรัพย์ถูกคนร้ายลักไป หากเรือนั้นจะหลุดลอยจากคนร้ายมาได้อย่างไร หาเป็นข้อสารสำคัญไม่ เรือก็ยังคงเป็นทรัพย์มีเจ้าของที่หายไปอยู่
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้ง 2 ร่วมกันรับของโจรแต่ถ้าฟังได้ว่าจำเลยรับของโจรคนละทีศาลก็ลงโทษจำเลยแต่ละคนฐานรับของโจรได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยรับเอาเรือของกลางไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของร้ายที่ได้มาโดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์แต่ปรากฏในการพิจารณาว่าจำเลยรับเอาเรือของกลางไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของร้าย ที่ได้มาโดยการกระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์ทั้งจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ดังนี้ ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้องในสารสำคัญย่อมลงโทษจำเลยฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2510)
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้ง 2 ร่วมกันรับของโจรแต่ถ้าฟังได้ว่าจำเลยรับของโจรคนละทีศาลก็ลงโทษจำเลยแต่ละคนฐานรับของโจรได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยรับเอาเรือของกลางไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของร้ายที่ได้มาโดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์แต่ปรากฏในการพิจารณาว่าจำเลยรับเอาเรือของกลางไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของร้าย ที่ได้มาโดยการกระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์ทั้งจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ดังนี้ ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้องในสารสำคัญย่อมลงโทษจำเลยฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2510)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงวันเวลาเกิดเหตุในฟ้องมีผลต่อการรับฟังพยานหลักฐานและทำให้จำเลยหลงต่อสู้ ศาลต้องยกฟ้อง
ฟ้องว่า จำเลยลักทรัพย์เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2507 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงแต่พยานโจทก์ที่เห็นเหตุการณืใกล้ชิดเบิกความแสดงว่าเห็นเหตุการณ์ลักทรัพย์เกิดขึ้นในคืนวันที่ 17 เวลาประมาณตี 1 เศษ ต้องถือว่าข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบผิดวันต่างกับข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้อง เป็นข้อสารสำคัญ นอกจากนี้จำเลยยังหลงข้อต่อสู้ด้วย ต้องยกฟ้อง
แม้จะเป็นความจริงว่าจำเลยรับของโจร โจทก์ไม่ได้อ้างบทขอให้ลงโทษ และบรรยายความมาในฟ้องเพื่อแสดงให้เห็นว่าโจทก์มีความประสงค์ขอให้ลงโทษณจำเลยในฐานรับของโจร ศาลจะลงโทษจำเลยในฐานรับของโจรไม่ได้
แม้จะเป็นความจริงว่าจำเลยรับของโจร โจทก์ไม่ได้อ้างบทขอให้ลงโทษ และบรรยายความมาในฟ้องเพื่อแสดงให้เห็นว่าโจทก์มีความประสงค์ขอให้ลงโทษณจำเลยในฐานรับของโจร ศาลจะลงโทษจำเลยในฐานรับของโจรไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 76/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ฟ้องที่จำเลยหลงต่อสู้คดี และการยกฟ้องเมื่อข้อเท็จจริงจากการสืบพยานต่างจากฟ้อง
ฟ้องบรรยายว่าจำเลยทำผิดในวันใดวันหนึ่งแน่นอนจำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้อ้างฐานที่อยู่ครั้นเมื่อสืบพยานโจทก์หมดแล้วโจทก์ขอแก้ฟ้องเป็นว่า เมื่อระหว่างวันหนึ่งถึงอีกวันหนึ่งวันเวลาใดไม่ปรากฏชัดจำเลยได้กระทำผิดดังนี้ ไม่ใช่เป็นการขอเพิ่มเติม แต่เป็นการขอแก้รายละเอียดซึ่งต้องแถลงในฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(5),164
เมื่อจำเลยปฏิเสธฟ้องเดิมและได้ต่อสู้คดีในการสืบพยานโจทก์ตลอดมาจนหมดพยาน จึงถือได้ว่าจำเลยได้หลงต่อสู้คดีไปตามที่โจทก์ฟ้องผิดวันนั้นแล้วควรต้องยกคำร้องขอแก้ฟ้องนั้นและถือตามฟ้องเดิม
ดังนั้น เมื่อโจทก์นำสืบว่าจำเลยกระทำผิดก่อนวันตามฟ้องเดิมถึง 2 วันข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาจึงต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสำคัญ ชอบที่จะยกฟ้องเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา192
เมื่อจำเลยปฏิเสธฟ้องเดิมและได้ต่อสู้คดีในการสืบพยานโจทก์ตลอดมาจนหมดพยาน จึงถือได้ว่าจำเลยได้หลงต่อสู้คดีไปตามที่โจทก์ฟ้องผิดวันนั้นแล้วควรต้องยกคำร้องขอแก้ฟ้องนั้นและถือตามฟ้องเดิม
ดังนั้น เมื่อโจทก์นำสืบว่าจำเลยกระทำผิดก่อนวันตามฟ้องเดิมถึง 2 วันข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาจึงต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสำคัญ ชอบที่จะยกฟ้องเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา192
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 324/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเล่นพนันเกินเวลาที่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดที่ไม่ตรงกับฟ้อง จำเลยหลงต่อสู้คดีจึงไม่ลงโทษ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเล่นการพนันไพ่ผ่องไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อเท็จจริงปรากฎว่าจำเลยเล่นไพ่โดยได้รับอนุญาต หากแต่เล่นเลยเวลาที่กำหนดไว้ในใบอนุญาตซึ่งเป็นการผิดเงื่อนไข และจำเลยหลงต่อสู้คดีด้วย จึงลงโทษจำเลยไม่ได้
(หมายเหตุ อัยการฎีกา ว่า ควรต้องลงโทษจำเลย จะถือตามฎีกาเดิมที่เคยมีมาแล้วไม่ได้ เพราะ วิ.อาญา มาตรา 192 นี้ได้แก้ไขใหม่แล้ว)
(หมายเหตุ อัยการฎีกา ว่า ควรต้องลงโทษจำเลย จะถือตามฎีกาเดิมที่เคยมีมาแล้วไม่ได้ เพราะ วิ.อาญา มาตรา 192 นี้ได้แก้ไขใหม่แล้ว)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานที่จับกุมผู้ต้องหาไม่ตรงกับที่ระบุในฟ้อง ไม่เป็นเหตุให้ยกฟ้อง หากจำเลยเข้าใจข้อหาและไม่มีเหตุให้หลงต่อสู้
ฟ้องโจทก์บรรยายถึงสถานที่เกิดการกระทำผิดไว้ถูกต้องแล้ว เป็นแต่กล่าวถึงสถานที่ที่จับจำเลยผิดไปโดยจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้นั้น ไม่เป็นเหตุให้ยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 323/2483
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ฟ้องที่ทำให้จำเลยเสียเปรียบและหลงต่อสู้ ศาลไม่อนุญาต
พฤตติการณ์ที่ถือว่าทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ ศาลจึงไม่อนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 859/2473
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีผิดวันและการหลงต่อสู้ โจทก์ขอแก้วันฟ้องในชั้นฎีกาไม่ได้
ฟ้องผิดวัน หลงต่อสู้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำผิดวันที่ 12/4/72 แต่นำพะยานสืบว่าจำเลยทำผิดวันที่ 12/2/72 และจำเลยต่อสู้อ้างฐานที่อยู่ดังนี้ ทำให้จำเลยหลงต่อสู้ในชั้นฎีกาโจทก์จะขอแก้วันในฟ้องเพื่อให้ตรงกับความจริงไม่ได้