พบผลลัพธ์ทั้งหมด 23 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 848/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุป่วยของทนายโจทก์ไม่ใช่เหตุสมควรขอพิจารณาคดีใหม่ แม้จะแจ้งวันนัดโจทก์ไม่ได้
โจทก์และทนายโจทก์ไม่ได้มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์โดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องและไม่ได้ขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นยกฟ้องปรากฏว่าอาการป่วยของทนายโจทก์สามารถแจ้งวันนัดให้โจทก์ทราบหรือทำคำร้องเลื่อนคดีมอบให้ผู้อื่นมายื่นต่อศาลได้ดังนี้ มิใช่เหตุสมควรที่จะยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1491/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดทางอาญาของผู้ป่วยจิตเภท: การลดโทษตามมาตรา 65 วรรคสอง ป.อ.
จำเลยป่วยเป็นโรคจิตเภท ชนิดระแวง จำเลยหวาดระแวงว่าผู้เสียหายจะทำร้ายตนทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมีเรื่องโกรธเคืองกันมาก่อนและเป็นเพื่อนบ้านกันมาตั้งแต่เป็นเด็ก เป็นอาการบกพร่องทางจิตสำนึก สำคัญผิดว่าผู้เสียหายเป็นศัตรู จำเลยซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ผู้อื่นขณะใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายดังนี้ จำเลยยังสามารถรู้ผิดชอบและบังคับตนเองได้บ้าง ควรลงโทษน้อยว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 65 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2751/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนข้อเท็จจริงอาการป่วยจำเลยก่อนสั่งนายประกันผิดสัญญา
ได้ความตามใบแสดงความเห็นของแพทย์ท้ายคำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลยว่า จำเลยมีอาการปวดศีรษะเป็นไข้ ไอ แพทย์เห็นว่าควรรักษาตัว 3 วัน โดยฝ่ายโจทก์ไม่ค้านหากศาลชั้นต้นไม่เชื่อว่าจำเลยป่วยถึงขนาดมาศาลไม่ได้ก็ชอบที่จะทำการไต่สวนฟังข้อเท็จจริงเสียก่อน ที่ศาลชั้นต้นพิเคราระห์เพียงใบแสดงความเห็นแพทย์แล้วสั่งว่าอาการป่วยของจำเลยไม่ถึงขนาดที่จะมาศาลไม่ได้และถือว่าจำเลยจงใจไม่มาตามนัด แล้วสั่งว่านายประกันผิดสัญญาจึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 456/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายป่วย: ศาลต้องพิจารณาอาการป่วยจริง แม้จะยังมิได้ยื่นบัญชีระบุพยาน
คำร้องขอเลื่อนคดีของโจทก์มีใบรับรองแพทย์ว่าทนายโจทก์ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่มีอาการอ่อนเพลียมาก สมควรพักรักษาตัวที่บ้าน 3 วัน ประกอบกับจำเลยไม่ได้คัดค้านว่าทนายโจทก์ไม่ได้ป่วยจริง เพียงแต่ค้านว่าโจทก์ยังมิได้ยื่นบัญชีระบุพยาน เหตุที่อ้างว่าป่วยน่าจะเป็นเพราะยังมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานมากกว่า จึงเชื่อได้และควรอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีไปตามคำร้อง การที่โจทก์ยังมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ หาเป็นเหตุที่จะนำมาพิจารณาว่าควรอนุญาตให้เลื่อนหรือไม่ เพราะการยื่นบัญชีระบุพยานจะต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87, 88 ไม่เกี่ยวกับการที่ศาลสั่งเลื่อนคดีเพราะความป่วยเจ็บ ตามมาตรา 40
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1543/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องเรียนโดยสุจริตเพื่อปกป้องตนเอง ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท แม้จะกล่าวอ้างถึงอาการป่วยทางจิต
โจทก์เป็นครูใหญ่โรงเรียนการช่าง เข็นรถยนต์ของจำเลยซึ่งจอดอยู่นอกบริเวณโรงเรียนเข้าไปในบริเวณโรงเรียน แล้วใช้ปืนยิงจานครอบดุมล้อและยางรถยนต์ของจำเลยเสียหาย โดยไม่ปรากฏสาเหตุ เป็นเหตุให้จำเลยเชื่อว่าโจทก์มีโรคจิต ร้องเรียนการกระทำของโจทก์ต่อผู้อำนายการกองโรงเรียน กรมอาชีวศึกษาไปโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตน ตามคลองธรรม จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1543/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องเรียนด้วยสุจริตเพื่อป้องกันตนเอง ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท แม้จะกล่าวอ้างถึงอาการป่วยทางจิต
โจทก์เป็นครูใหญ่โรงเรียนการช่าง เข็นรถยนต์ของจำเลยซึ่งจอดอยู่นอกบริเวณโรงเรียนเข้าไปในบริเวณโรงเรียน แล้วใช้ปืนยิงจานครอบดุมล้อและยางรถยนต์ของจำเลยเสียหาย โดยไม่ปรากฏสาเหตุ เป็นเหตุให้จำเลยเชื่อว่าโจทก์มีโรคจิต ร้องเรียนการกระทำของโจทก์ต่อผู้อำนวยการกองโรงเรียนกรมอาชีวศึกษาไปโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 116/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีใหม่เนื่องจากจำเลยมีอาการวิกลจริตในช่วงเวลาที่ดำเนินคดี
ในระยะเวลาที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลย ก็ดี ส่งหมายต่างๆให้จำเลยจนกระทั่งพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี ก็ดีเป็นไปในระหว่างจำเลยเป็นโรคเส้นประสาทอย่างแรงถึงขนาดที่เรียกว่าวิกลจริต หรือสติฟั่นเฟือนไม่ปรกติดังนี้ถือได้ว่าจำเลยมิได้จงใจหลีกเลี่ยงไม่ต่อสู้คดี ฉะนั้นเมื่อจำเลยร้องขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่ ก็มีเหตุสมควรให้ดำเนินการพิจารณาใหม่ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 215/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร: เหตุผลแก้ตัวไม่สมเหตุสมผล แม้มีอาการป่วย
ไม่ไปตามหมายเกณฑ์ตรวจคัดเลือกเข้ารับราชการทหารเพราะหลบหนีการกระทำผิดทางอาญาอย่างอื่น ก็คงมีผิดฐานหลีกเลี่ยงการเกณฑ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 445/2553
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาอุทธรณ์ต้องมีเหตุสุดวิสัย อาการป่วยทนายความที่ไม่ถึงขั้นทำให้ไม่สามารถดำเนินการยื่นคำร้องได้ ไม่ถือเป็นเหตุสุดวิสัย
จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2551 หลังจากที่ครบกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์แล้ว จึงเป็นกรณีที่จำเลยมิได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ก่อนสิ้นระยะเวลาอุทธรณ์ จำเลยจะยื่นคำร้องดังกล่าวได้ต้องเป็นกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ซึ่งเหตุสุดวิสัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 นั้น หมายถึงเหตุที่ทำให้ศาลไม่สามารถมีคำสั่งให้ขยายระยะเวลาหรือคู่ความไม่สามารถมีคำขอเช่นนั้นมาก่อนสิ้นระยะเวลาที่กฎหมายให้ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งเป็นพฤติการณ์นอกเหนือที่จะกระทำได้ก่อนสิ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ ข้ออ้างตามคำร้องของทนายจำเลยที่ว่าทนายจำเลยป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงเมื่อไปหาเสียงเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา จึงทำให้เกิดอาการเครียดส่งผลให้โรคความดันโลหิตสูงกำเริบและด้วยความพลั้งเผลอจึงไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ตามกำหนดนั้น แต่ปรากฏว่า วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2551 ทนายจำเลยไปรับยาที่โรงพยาบาล แสดงว่าทนายจำเลยสามารถเดินทางไปโรงพยาบาลได้ อาการป่วยของทนายจำเลยดังที่กล่าวอ้างจึงไม่ถึงขนาดที่จะทำให้ไม่สามารถทำคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ไปยื่นได้ทันก่อนสิ้นระยะเวลาได้ ทั้งทนายจำเลยยังรับในคำร้องว่าเป็นความพลั้งเผลอของทนายจำเลยจึงไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ตามกำหนด อันนับเป็นความบกพร่องของทนายจำเลยอีกด้วย ข้ออ้างของทนายจำเลยจึงมิใช่เป็นเหตุสุดวิสัยตามบทบัญญัติดังกล่าว
ส่วนฎีกาจำเลยที่อ้างว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม มีเหตุจำเป็นและสมควรที่จะรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้วินิจฉัยนั้นอันเป็นฎีกาที่ขอให้ศาลใช้อำนาจทั่วไปตามกฎหมาย แต่ตามคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ของทนายจำเลยอ้างเหตุความเจ็บป่วยและความพลั้งเผลอของทนายจำเลย มิได้ขอให้ศาลใช้อำนาจทั่วไปตามกฎหมายจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15
ส่วนฎีกาจำเลยที่อ้างว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม มีเหตุจำเป็นและสมควรที่จะรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้วินิจฉัยนั้นอันเป็นฎีกาที่ขอให้ศาลใช้อำนาจทั่วไปตามกฎหมาย แต่ตามคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ของทนายจำเลยอ้างเหตุความเจ็บป่วยและความพลั้งเผลอของทนายจำเลย มิได้ขอให้ศาลใช้อำนาจทั่วไปตามกฎหมายจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15