พบผลลัพธ์ทั้งหมด 16 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1046/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้กฎหมายอาคารย้อนหลังกับผู้รับโอนที่ดิน: อำนาจฟ้องรื้อถอนอาคารผิดกฎหมาย
จำเลยที่ 2 ปลูกสร้างอาคารผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตแล้วไม่รื้อถอนตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นต่อมาจำเลยที่ 2 โอนขายที่ดินพร้อมอาคารดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 1 ในขณะที่อยู่ระหว่างการใช้พระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคารพุทธศักราช 2479ซึ่งตามมาตรา 11ทวิ โจทก์ไม่มีอำนาจสั่งให้จำเลยที่ 1 ซึ่งไม่ใช่ผู้ปลูกสร้างอาคารตามมาตรา11 รื้อถอนอาคารพิพาทได้แม้ต่อมากฎหมายนี้จะถูกยกเลิกและใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 แทนซึ่งมาตรา 40 ประกอบด้วยมาตรา 42 ให้อำนาจโจทก์สั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองรื้อถอนอาคารนั้นได้ก็จะนำมาใช้กับจำเลยที่ 1 อันเป็นการใช้กฎหมายย้อนหลังที่มีผลเสียหายแก่จำเลยที่ 1ซึ่งมิได้เป็นผู้ปลูกสร้างอาคารพิพาทไม่ได้โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยที่ 1รื้อถอนอาคารพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3342/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจบังคับรื้อถอนอาคารผิดกฎหมาย แม้กฎหมายเปลี่ยน ก็ยังใช้ได้หากเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ดำเนินการ
พระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ.2479 และพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ในส่วนที่บัญญัติถึงการรื้อถอนและแก้ไขเปลี่ยนแปลงอาคารที่สร้างขึ้นโดยฝ่าฝืนกฎหมายเป็นวิธีการบังคับคดีในส่วนแพ่งเป็นกฎหมายวิธีสบัญญัติ
หลักกฎหมายที่ว่ากฎหมายไม่มีผลย้อนหลังไม่ใช้ในกรณีที่เป็นกฎหมายวิธีสบัญญัติ
จำเลยกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร ฯแต่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นยังมิได้ใช้อำนาจตามมาตรา 11 ทวิ รื้อถอนอาคารนั้นเอง จนกระทั่งกฎหมายฉบับนี้ถูกยกเลิกไปโดยใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 แทนต่อมากฎหมายฉบับใหม่ยังคงบัญญัติว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดอยู่ และให้อำนาจเจ้าพนักงานท้องถิ่นสั่งให้รื้อถอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขอาคารได้ เพียงแต่จะใช้อำนาจรื้อถอนหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงเองไม่ได้เท่านั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยยังไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่สั่งให้รื้อถอนอาคารพิพาท เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจร้องขอต่อศาลให้บังคับให้มีการรื้อถอนได้
หลักกฎหมายที่ว่ากฎหมายไม่มีผลย้อนหลังไม่ใช้ในกรณีที่เป็นกฎหมายวิธีสบัญญัติ
จำเลยกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร ฯแต่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นยังมิได้ใช้อำนาจตามมาตรา 11 ทวิ รื้อถอนอาคารนั้นเอง จนกระทั่งกฎหมายฉบับนี้ถูกยกเลิกไปโดยใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 แทนต่อมากฎหมายฉบับใหม่ยังคงบัญญัติว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดอยู่ และให้อำนาจเจ้าพนักงานท้องถิ่นสั่งให้รื้อถอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขอาคารได้ เพียงแต่จะใช้อำนาจรื้อถอนหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงเองไม่ได้เท่านั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยยังไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่สั่งให้รื้อถอนอาคารพิพาท เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจร้องขอต่อศาลให้บังคับให้มีการรื้อถอนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 209/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรื้อถอนอาคารผิดกฎหมาย และผลของการปล่อยปละละเลยจนกรรมสิทธิ์เปลี่ยนมือ
พระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้าง มาตรา 11 ทวิ เป็นบทบัญญัติให้อำนาจสิทธิขาดแก่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่จะจัดการตามที่เห็นสมควรเพื่อแก้ไขเปลี่ยนแปลงและหรือรื้อถอนอาคารและส่วนแห่งอาคารซึ่งปลูกสร้างโดยมิได้รับอนุญาตนั้นได้เอง โดยไม่ต้องขอให้ศาลบังคับ
โจทก์ปล่อยปละละเลยให้จำเลยปลูกสร้างอาคารจนเสร็จและส่งมอบให้เจ้าของที่ดินไป และเจ้าของที่ดินได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและอาคารพิพาทให้แก่บุคคลอื่นไปแล้ว โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยรื้อถอนอาคารพิพาทที่จำเลยปลูกสร้างดังกล่าวนั้นเท่ากับเป็นการฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยรื้อถอนหรือทำลายทรัพย์สินของบุคคลภายนอกซึ่งมิใช่เป็นคู่ความในคดีด้วย ศาลจึงบังคับให้ไม่ได้
โจทก์ปล่อยปละละเลยให้จำเลยปลูกสร้างอาคารจนเสร็จและส่งมอบให้เจ้าของที่ดินไป และเจ้าของที่ดินได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและอาคารพิพาทให้แก่บุคคลอื่นไปแล้ว โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยรื้อถอนอาคารพิพาทที่จำเลยปลูกสร้างดังกล่าวนั้นเท่ากับเป็นการฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยรื้อถอนหรือทำลายทรัพย์สินของบุคคลภายนอกซึ่งมิใช่เป็นคู่ความในคดีด้วย ศาลจึงบังคับให้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลในการสั่งรื้อถอนอาคารผิดกฎหมาย พิจารณาตามความเหมาะสมของแต่ละกรณี
การที่จะให้รื้อถอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขอาคารที่ปลูกขึ้นโดยมิได้รับอนุญาตนั้นตามความในมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2479 ให้อำนาจศาลเป็นผู้ใช้ดุลพินิจพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป ตามสมควรแก่กรณี อาจเพียงให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขโดยไม่ต้องรื้อถอนก็ได้หาใช่ว่าเมื่อมีเอกชนผู้ใดทำการปลูกสร้างอาคารขึ้นโดยมิได้รับอนุญาตแล้วศาลจะต้องสั่งบังคับให้รื้อถอนอาคารนั้นเสมอไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลสั่งรื้อถอนอาคารผิดกฎหมาย: ไม่จำเป็นต้องรื้อเสมอไป
การที่จะให้รื้อถอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขอาคารที่ปลูกขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น ตามความใน มาตรา 11แห่ง พระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร 2479 ให้อำนาจศาลเป็นผู้ใช้ดุลพินิจพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไปตามสมควรแก่กรณี อาจเพียงให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขโดยไม่ต้องรื้อถอนก็ได้หาใช่ว่าเมื่อมีเอกชนผู้ใดทำการปลูกสร้างอาคารขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วศาลจะต้องสั่งบังคับให้รื้อถอนอาคารนั้นเสมอไป
ปลูกสร้างอาคารขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ไม่ปรากฏว่าอาคารนั้นมีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรงหรือผิดสุขลักษณะอนามัยหรือไม่ปลอดภัยแก่ประชาชน ทั้งมิได้รุกล้ำที่ของบุคคลใด ดังนี้ ศาลชอบที่จะไม่สั่งให้รื้ออาคารนั้น
ปลูกสร้างอาคารขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ไม่ปรากฏว่าอาคารนั้นมีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรงหรือผิดสุขลักษณะอนามัยหรือไม่ปลอดภัยแก่ประชาชน ทั้งมิได้รุกล้ำที่ของบุคคลใด ดังนี้ ศาลชอบที่จะไม่สั่งให้รื้ออาคารนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1513/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเทศบาลฟ้องรื้อถอนอาคารผิดกฎหมาย และผลของสัญญาประนีประนอมยอมความ
คณะเทศมนตรีเทศบาลเมืองในฐานะเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น มีอำนาจฟ้องผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคารฯ ให้รื้อถอนอาคารฯที่ปลูกสร้างเพิ่มเติมโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่มั่นคงแข็งแรงหรือไม่ปลอดภัยได้
การที่จำเลยซึ่งถูกฟ้องฐานกระทำผิดพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคารฯได้ตกลงกับนายกเทศมนตรีซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นว่า จะยอมรื้อถอนอาคารไปภายในกำหนด1 ปี นั้น ย่อมเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว และการที่พนักงานอัยการซึ่งเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญานั้นได้ถอนคดีอาญาไป ก็ไม่ทำให้ข้อตกลงระหว่างจำเลยกับนายกเทศมนตรีนั้นเป็นโมฆะ เพราะเป็นการตกลงที่ให้โจทก์ได้รับผลตามต้องการและแก้การกระทำของจำเลยที่ฝ่าฝืนกฎหมายไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
การที่จำเลยซึ่งถูกฟ้องฐานกระทำผิดพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคารฯได้ตกลงกับนายกเทศมนตรีซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นว่า จะยอมรื้อถอนอาคารไปภายในกำหนด1 ปี นั้น ย่อมเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว และการที่พนักงานอัยการซึ่งเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญานั้นได้ถอนคดีอาญาไป ก็ไม่ทำให้ข้อตกลงระหว่างจำเลยกับนายกเทศมนตรีนั้นเป็นโมฆะ เพราะเป็นการตกลงที่ให้โจทก์ได้รับผลตามต้องการและแก้การกระทำของจำเลยที่ฝ่าฝืนกฎหมายไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน